เหตุการณ์เพลิงไหม้ใหญ่ในอดีต ทำให้เด็กชายสามคนกลายเป็นเด็กไร้บ้าน กำพร้าจากผู้ให้กำเนิด ต้องระเหินร่อนเร่จากแผ่นดินแม่ ไฟนั้นมิได้ผลาญเผาเพียงร่างกาย แต่สร้างรอยแผลบาดลึกในจิตใจ จนหนึ่งในเด็กชายอย่างลูคัส ฟูจิคาวะ พบว่าดวงตาสีฟ้าหม่นของตัวเองเห็นภาพหลอน “เงาสีน้ำเงิน” มันคือผีร้ายในความคิด ที่พึ่งเดียวคือแว่นเลนส์ใส ที่จิตแพทย์มอบให้ “ใส่นี่แล้วจะไม่เห็นมันอีก”
แต่สิ่งที่คิดว่าไม่เห็นกลับมาเล่นตลกกับโชคชะตา 13 ปีต่อมา เกิดเพลิงไหม้ขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มันพรากคนรักของน้องชายกำพร้าที่ไปเติบโตต่างแดน คะน้า ภาวโรจน์ จึงพาเด็กชายเจ้าเนื้ออายุเท่าลูคัสเมื่อก่อนมาบอกเขาว่า “มาร์ติน ก็เห็นเงาสีน้ำเงินเหมือนพี่”
ถ้าเด็กนี่ไม่ได้ประสาทหลอนเหมือนเขา ก็แสดงว่าเงาสีน้ำเงินมันมีอยู่จริง เราเรียกมันว่า “บลู” หากลูคัสถอดแว่นออกเขาจะมองเห็นแต่เพื่อนสนิทที่กำลังเร่าร้อนอยู่บนเรือนกายจะล่วงรู้ความลับ คิระ ภาวโรจน์ คนที่มีเหตุ-มีผลทุกการกระทำ เชื่อในวิทยาศาสตร์ และเราทั้งคู่กำลังเริ่มความสัมพันธ์ที่มากเกินเพื่อนเลื่อนมาเป็นคู่นอน มันจะเชื่อเขาได้อย่างไร
“แต่เรื่องที่มึงเอามาอ้าง แค่ตอนจะเอากับกู มันฟังไม่ขึ้นว่ะ”
(กูก็ไม่ได้จะไม่เอากับมึงป่ะวะ แค่กูไม่ถอดแว่น มึงจะเอาไม่เอา)
“กูถามอีกคำเดียว ไอ้ลุค แค่ถอดแว่นมันยากตรงไหนวะ”
(มันไม่ยาก แต่ถ้ากูถอด กูจะเห็นมันอีก!...ผีในห้องนี้ เงาสีน้ำเงินนั่น!)
ลูคัส ฟูจิคาวะ พบว่าดวงตาสีฟ้าหม่นของตัวเองเห็นภาพหลอน “เงาสีน้ำเงิน” มันคือผีร้ายในความคิด ที่พึ่งเดียวคือแว่นเลนส์ใส ที่จิตแพทย์มอบให้ “ใส่นี่แล้วจะไม่เห็นมันอีก”
....ลุค ต่อไปนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นจำไว้ว่ามึงไม่ได้ตัวคนเดียว มึงไม่ต้องกลัวการอยู่คนเดียว ไม่ต้องไปหาจิตแพทย์ที่ไหนรักษา กูจะอยู่ในสายตามึง และมึงจะอยู่ในสายตากู ไม่ว่าจะในฐานะอะไร จำไว้ว่ากูจะไม่มีทางทิ้งมึง”
“ดิบเถื่อนชิบหาย แต่กูชอบนะ”
“ชอบกู?”
“แมวมั้งไอ้สัด...อื้อ!? อย่าเพิ่ง! ”