“เอาสิ ฉันอาบด้วย” ว่าแล้วก็เปลื้องผ้าโยนลงตะกร้าทันที
ร่างสูงเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยมัดกล้ามแข็งแรง แทบไม่น่าเชื่อว่าครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้บริหารที่วันๆ นั่งอยู่แต่หลังโต๊ะทำงาน รูปร่างเขาสวยงามยิ่งกว่านายแบบนิตยสารเสียอีก
“วันนี้หมูหวานเหนื่อย ของดจ่ายดอกเบี้ยนะคะ” ร่างแกร่งยืนซ้อนหลังเธออยู่ภายใต้สายน้ำที่กำลังโปรยปรายลงมา มือใหญ่นวดทรวงสล้างราวกับต้องการให้มันขยายขนาดใหญ่กว่าเดิม ขณะที่หน้าขาดุนดันสะโพกกลมกลึง
“ไม่ได้ ลูกหนี้ไม่มีสิทธิ์ต่อรอง”
“หมูหวานเพลีย”
เขาขบติ่งหูเธอเบาๆ “เพลียอะไรแค่ยืนดูและก็กิน ถ้าจะเพลียคงเป็นปาก กินเยอะพูดมาก”
เธอหมุนตัวกลับไปหาเขา เส้นผมเปียกชุ่มลีบติดหนังศีรษะขับใบหน้าขาวสะอาดรูปหัวใจให้โดดเด่น ขนตาดกยาวเปียกชุ่มเป็นกระจุกเน้นดวงตากลมโตให้โตขึ้นอีก
“เรื่องเล็กน้อย ทำไมต้องต่อว่าหยาบคายกันด้วย”
“โกรธ? แล้วสมควรมั้ย อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าเธอซักไซ้อะไรป้าพลับบ้าง ป้าพลับไม่ได้บอกแต่ฉันรู้ คราวหน้าคราวหลังอย่าให้รู้อีกว่าซักเรื่องน้องปิง โดยเฉพาะเรื่องชาติกำเนิดของแก” น้องปิงพูดกับเขาทั้งน้ำตาน้องหน้า
‘ป้าพลับเล่าให้ผู้หญิงคนนั้นฟัง น้าเบิ้ลบอกว่าพ่อแม่หนูตายโหงตายห่าไปแล้ว’
ตายโหงตายห่าหยาบคายเพียงใดเด็กน้อยวัยสิบเอ็ดปีรู้ดี ทำไมน้าชายต้องหยาบคายกับบิดามารดาของแกด้วย นั่นคือสิ่งที่เด็กน้อยสงสัยและพูดมันออกมา ทำให้เขาต้องอธิบายเสียยืดยาวและสรุปให้หลานฟังว่าตอนที่พูดกับป้าพลับนั้นเขากำลังโมโหโชคชะตาที่ทำให้หลานสาวสุดที่รักต้องเป็นกำพร้า เกล็ดถวายิ้มทั้งน้ำตาทันทีที่ได้ยินคำว่า หลานสุดที่รัก
หมายความว่าป้าพลับคนที่เล่านั้นไม่ผิด คนที่ถามต่างหากที่ผิดความคิดของเขาช่างยุติธรรมเสียจริงๆ
“จ่ายดอกเบี้ยแล้วต้องโดนทำโทษอีกต่างหาก เพราะเธอมีความผิด” ดวงตาของเขากล่าวหา ใบหน้าคมสันสะดุดตาภายใต้สายน้ำที่รินรดลงมา ผมที่เปียกลู่ขับรูปหน้าให้โดดเด่น
“หมูหวานไม่ผิด” แม้จะคิดบวกมองโลกในแง่ดีแต่ก็มีอารมณ์เหมือนกัน ผิดมากเชียวหรือที่เธอถาม
“เธออายุกี่ขวบหมูหวาน ทำไมเถียงเหมือนเด็กๆ”
มือนุ่มผลักหน้าอกเขาแต่ก็หนีไม่พ้นอ้อมปั้นนแข็งแรงที่โอบกระหวัดรัดร่างเธอเอาไว้ทัน
“อย่าดื้อกับฉันนะ” ปลุกปล้ำกันกลางสายน้ำกายเปลือยเสียดสีกัน
“ปล่อยนะ” เป็นครั้งแรกที่ขอรักทำร้ายเจ้าหนี้ เธอทุบตีแผ่นอกกว้างไม่ยั้งมือ