‘ชยพล นภสินธุ์’ หนุ่มวัยยี่สิบห้า ใบหน้าหล่อเหล่า รูปร่างกำยำแบบนักกีฬา เพราะเป็นคนที่ชอบออกกำลังกาย มีไรเคราดูเท่ หุ่นสูงสมาร์ต หลานชายคนเดียวของนงนภัส เจ้าแม่บริษัทส่งออกเครื่องประดับยักษ์ใหญ่ เจ้าของนภสินธุ์จิวเวลรี่
เขาตั้งใจว่าจะแต่งงานกับ ‘ธีรตา ลิลิตพรรณ’ ลูกสาวท่านทูตใหญ่ แต่เพราะถูกย่าตั้งเงื่อนไขว่าต้องเรียนให้จบปริญญาโทด้านการออกแบบเครื่องประดับเสียก่อนถึงจะยอมให้แต่งงาน แต่เมื่อเรียนจบ เขากลับถูกล่อลวงให้แต่งงานกับหญิงอื่น ที่ธีรตาส่งมาเป็นตัวแทน
‘ปาณิ บุญรัตน์’ หญิงสาววัยยี่สิบสาม ผมยาว จมูกโด่ง คิ้วเข้ม คางกลมมน ที่แก้มมีลักยิ้ม ส่วนเว้าส่วนโค้งสอดรับกันอย่างลงตัว แต่หุ่นที่แสนเย้ายวนจนสามารถสะกดชายให้ตกเป็นทาสรักได้แค่เพียงชำเลืองมอง กลับถูกซุกซ่อนเอาไว้ภายใต้เสื้อผ้าที่แสนเชยเฉิ่มอยู่ตลอดเวลาอย่างน่าเสียดาย
เพื่อตอบแทนบุญคุณของ ‘อภิมุข ลิลิตพรรณ’ ที่เทิดทูนราวกับพ่อแท้ๆ เพราะถ้าหากไม่ได้ความช่วยเหลือจากอภิมุข ป่านนี้ครอบครัวก็ไม่รู้จะเป็นยังไง อาจจะเสียแม่ที่เป็นดังดวงใจไปแล้วก็ได้ ถ้าเมื่อสิบปีก่อนอภิมุขไม่เป็นธุระเรื่องค่ารักษาให้กับ ‘วีณา’ แม่ที่ป่วยเป็นโรคโลหิตจาง เธอจึงต้องแต่งงานกับผู้ชายที่แม้แต่หน้าตาก็ไม่เคยเห็น
“จะดีดดิ้นทำไม คุณเต็มใจแต่งงานกับผมเองไม่ใช่หรือไง ถ้าหวงเนื้อหวงตัวนัก ผมจะส่งคุณคืนให้บ้านลิลิตพรรณ แล้วก็ทวงสินสอดคืน”
ชยพลบีบคางบิดหน้าของปาณิให้หันมาสบตาด้วย “แต่เห็นว่าพี่สาวของคุณเพิ่งจะถอยรถใหม่คันละตั้งหลายล้านมาขับ ผมว่าไม่น่าจะเหลือมาคืนแล้วมั้ง”
สายตาดูถูกของชยพลแทงเข้าที่หัวใจจนรู้สึกเจ็บ
“เงินตั้งสิบล้าน ผมใช้ซื้อผู้หญิงมานอนด้วยได้เป็นปีๆ แต่นี่กลับได้ผู้หญิงจืดชืดอย่างคุณมาแค่คนเดียว ขอร้องนะ ช่วยทำอะไรก็ได้ ที่มันคุ้มกับเงินสิบล้านของผมหน่อย”
ชยพลกดริมฝีปากซุกไซ้ที่ซอกคออีก คราวนี้ไม่มีอาการขัดขืนให้ต้องหงุดหงิดอีกแล้ว ปาณิพยายามกลืนน้ำตาลงคอ ไม่แสดงความเสียใจ เพราะรู้ดีว่าคนตรงหน้าคงไม่แยแส ร้องไห้ไปก็ไม่มีประโยชน์ เธอจะฟูมฟายหรือตัดพ้อกับใครได้ ในเมื่อนี่เป็นหนทางที่เธอเลือก เพราะต้องการทดแทนบุญคุณที่ครอบครัวลิลิตพรรณมีต่อเธอ