EYE (ดวงตาในเงา)
++++++++
บทกลอนมิอาจเรียบเรียง บทเพลงมิอาจขับขานเรื่องราวในอดีตแสนเจ็บปวดของเด็กหนุ่มนามว่าเรเรนได้ถูกหยิบยกขึ้นร้อยเรียงเป็นตัวอักษรให้เหล่าผู้รักในการอ่านได้เสาะแสวงหาความจริงภายใต้ใบหน้าเปื้อนยิ้มที่เขามักสวมใส่มันอยู่ตลอดเวลา อีกนัยน์ตาสีแดงที่ซ่อนอยู่เบื้องลึกของจิตใจและดื่มด่ำหยดน้ำตาเพื่อดำรงชีพ
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อเด็กหนุ่มน้อยลืมตาดูโลกสีฟ้าแสนวุ่นวายผู้ในนามตัวเองว่าโลกและยังยกย่องว่าตนคือดาวเคราะห์ที่งดงามที่สุดในจักวาล แต่ใครเล่าจะรู้ว่าโลกใบนี้กลับเต็มไปด้วยด้านมืดอย่างหาที่เปรียบมิได้
อุแว้...
เสียงร้องไห้งอแงดังในยามราตรีแสนเหน็บหนาวของในวันที่สองของการเฉลิมฉลองปีใหม่เพียงอึดใจก็ใกล้รุ่งสร่างแสนงาม การกำเนิดของเด็กหนุ่มท่ามกลางความดีใจของเหล่าญาติพี่น้องผู้ได้เห็นใบหน้าของเด็กน้อยเป็นครั้งแรก ผิดกับเด็กทารกที่เขายังคงสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนมองไปรอบๆหวังเพียงจะหาผู้ที่ตอบคำถามของเขาได้ ร่างเล็กถูกจับดึงทึ้งด้วยมือสีขาวที่จับร่างกายของพลิกไปมาเหมือนตุ๊กตาซ้ำยังน้ำกรรไกรแสนคมมาตัดชิ้นส่วนที่ติดมาตั้งแต่เกิดออกไปโดยมิเอ่ยขอเจ้าของเพียงน้อย
เสียงพูดคุยดังอยู่ข้างเตียงพร้อมกับเสียงร้องไห้งอแงที่ตัวเองยังไม่เข้าใจว่าจะเสียน้ำตาไปด้วยเหตุผลอะไร ในระหว่างที่เขายังคงสับสนมือสีดำเย็นยะเยือกก็สัมผัสที่หัวใจอย่างแผ่วเบาพลางกระซิบข้างหูราวกับรู้จักร่างกายนี้เป็นอย่างดี
...ฆ่าฉันทำไม ไหนสัญญาว่าจะเคียงข้างกันตลอดไป...
คำกล่าวแสนเบา แต่กลัวเยือกเย็นดังชัด ก่อนนัยน์ตาสีแดงสดจะแย้มรอยยิ้มหวานให้กับร่างของเด็กน้อย ยังมิทันได้กลัวดวงตานั้นจะหายไปพร้อมกับไออุ่นจากอกของหญิงสาวผู้ให้นามตัวเองว่า “แม่”
หญิงสาวร่างอวบผมยุ่งๆยิ้มหวานรับ ก่อนประคองร่างเล็กๆให้ดูดดื่มอาหารมื้อแรกของชีวิต แม้จะไม่เข้าใจแต่ท้องที่หิวทำให้ปากน้อยกัดเม้มอกอิ่มเพื่อร้องหาน้ำหวานแสนอร่อย แม้จะเจ็บเพียงใด แต่หญิงสาวผู้เรียกว่าแม่กลับยอมทน เพื่อเด็กทารกที่เขาเรียกว่า “ลูก”
นั่นเป็นคืนแรกที่เขาได้รู้จักคำว่า “ชีวิต”
หลังจากนั้นผ่านไปได้ไม่นาน เด็กทารกน้อยก็เริ่มเติบโตขึ้น แม่ให้นามของเขาว่าเรเรนและเลี้ยงดูเขาเป็นอย่างดีด้วยความรัก
แต่ใครล่ะจะรู้ว่าภายใต้ใบหน้านี้จะซ่อนอีกคนที่แสนน่ากลัวไว้ข้างในและมันคือรักแท้ที่เขาและเธอได้สัญญากันเอาไว้ว่าจะเคียงข้างกายกัน “ตลอดไป” คำที่แสนง่ายแต่น่ากลัว เพราะมันจะนำพาจิตใต้สำนึกแสนเศร้ามาให้เราได้ลิ้มลอง
เรื่องราวมันเริ่มต้นขึ้นหลังจากเขาอายุได้ 13 ปีศาจแสนหวานก็ดึงให้เด็กน้อยหลงเข้าไปโลกของตัณหาและนี่คือจุดเริ่มต้นที่นำพาเรเรนไปพบกับรักแท้ในอดีตของเขา
ร่างสูงยืนมองกระจกพร้อมกับพร่ำถามตัวเองอยู่หลายครั้ง ใบหน้านี้เป็นของเขา แต่ทำไมทุกครั้งที่มองมันกลับเป็นของอีกคนที่เขาไม่รู้จักและมันยิ่งแจ่มขึ้นเรื่อยๆเมื่อเขาเติบโต ราวกับมีอีกคนซ่อนทับอยู่กับตัวเองตลอดเวลา
...ลืมกันแล้วเหรอ...
เสียงกระซิบที่พร่ำถามข้างหูในยามราตรีทุกคืนมันทำให้เขาแทบหลับตาไม่ลง มันเย็นยะเยือกและน่ากลัว ราวกับเธออยู่ข้างกายเขาและคอยมองเขาอย่างสุขใจ แม้จะพยายามคิดแบบนั้น แต่แววตานั้นกลับเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
หลังจากวันนั้นผ่านไปได้ 2 ปี เด็กหนุ่มเริ่มเติบโตขึ้น เขามีคนรักและเพื่อน เขาใช้ชีวิตแบบเด็กหนุ่มม.ปลายทั่วไป เรียน เล่น ทุกอย่างมันปกติสุข พร้อมกับครอบครัวที่อบอุ่น
“เรเรนวันนี้ไม่ไปเรียนเหรอลูก เอาแต่เล่นระวังไม่จบนะ”เสียงนุ่มเอ่ยถามให้เด็กหนุ่มยิ้มรับ
“แม่ว่าผมหน้าเหมือนใครไหม ผมส่องกระจกบางครั้งมันก็ไม่ใช่ตัวเอง”คำตอบที่พลิกเป็นคำถามให้คนเป็นแม่เงียบสนิท
“ไม่นิ แม่ไปก่อนนะทำงานแล้วนะ อย่าลืมไปเรียนด้วยล่ะ อ้อ!อีกอย่างแม่รักลูกนะ”คนเป็นแม่ว่าพลางเดินออกไปจากบ้านทิ้งเด็กหนุ่มนั่งอยู่คอมพิวเตอร์เพียงลำพังเช่นเคย
เขาไม่เข้าใจทำไมทุกครั้งที่เขาถามเรื่องนี้ แม่ของเขาจะต้องพยายามหนีมันตลอดหรือว่ามันมีเรื่องอะไรที่ไม่สามารถบอกเขาได้
วันเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านไปหลายฤดูกาล เด็กหนุ่มเองยังคงเช่นเดิม เขายังหาคำตอบของใบหน้านี้ไม่ได้ แต่ใครจะสนใจนักให้เมื่อมันคือตัวเขาและจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป
ร่างสูงใส่ชุดนักเรียนยืนอยู่ตรงระเบียงของอาคารเก่าพร้อมกับหญิงสาวที่รัก แต่ทำไมบรรยากาศรอบข้างกลับเงียบเหงาอย่างบอกไม่ถูก นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนคลอเอ่อในดวงตาจ้องมองหญิงสาวเบื้องหน้าราวกับจะไม่มีโอกาสได้เจอเธออีกต่อไป
“เรเรน เราเลิกกันเถอะ ฉันมีแฟนใหม่แล้ว”คำบอกเลิกของหญิงสาวที่รักดังเบาให้มือเรียวพยายามรั้งเธอเอาไว้สุดแรง แต่เชือกที่ขาดไปแล้วคงยากจะต่อติด
“แกนด์ฉันรักเธอ ขออยู่แบบนี้ได้ไหมอย่าปล่อยมือนะ ยังไงก็อย่าปล่อย เรเรนยอมทุกอย่างขอแค่อยู่อย่างนี้เข้าใจไหม”คำขอปนสะอื้นเบาให้ร่างบางเองก็หลั่งน้ำตาไปแพ้กันก่อนเอ่ยตอบเสียงเบา
“ทนได้เหรอ ทนอยู่แบบนี้ได้เหรอ”
“ได้สิ แค่อย่าทิ้งกันไปก็พอ”คำขอจากเรเรนที่หญิงสาวทำได้เพียงพยักหน้ารับ ก่อนเดินห่างไปปล่อยให้เขาจมอยู่กับน้ำตา
อายุ15 เขาได้เรียนความเจ็บจากรักเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันไม่ได้เจ็บจนเกือบตายเหมือนมีเรื่องชกต่อยหรือว่าโดนกระทืบ แต่มันกลับเจ็บจนเขาไม่สามารถบอกออกมาเป็นคำพูดได้ ขอเพียงแค่เธออยู่ตรงนี้ไม่ว่าเธอจะต้องการสิ่งใด เขาก็พร้อมให้เสมอ
ความเจ็บที่เขายอมทนรับมาตลอดเวลาที่เธอและคนรักมีความสุข แน่นอนว่าทุกอย่างมันย่อมมีขีดจำกัดของตัวเอง เมื่อมันแน่นมากไปสิ่งที่ทำได้คงต้องระบายออกมา
ในห้องมืดๆเงียบๆ มือเล็กหยิบใบมีดโกรนออกมาช้าๆ
‘จะทำเหรอ นายกล้าทำด้วยหรือไง รู้ไหมว่าแม่เจ็บแค่ไหนตอนคลอดแกออกมา ทั้งเลือดทั้งเนื้อถูกกรีดออกช้าๆเพื่อให้แกได้โผล่หน้าออกมา แต่ถ้าฉันเป็นแกนะ ฉันจะทำ กรีดเลยสิ...กรีดเลย...กรีดมันเลย...’
เสียงกระซิบข้างหูที่เร่งให้มือเล็กๆลงมีดกรีดข้อมือซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเลือดสีแดงสดไหลออกมาช้าๆ เขารู้ว่ามันผิดที่ทำร้ายตัวเองเพราะคนอื่น แต่มันคือทางเดียวที่เขาจะระบายความเจ็บในอกได้ แม้จะผิดต่อแม่ แต่มันก็ถูกต่อร่างกายในตอนนี้
‘สุดท้ายแกก็รักแค่ตัวเอง แกทอดทิ้งทุกอย่างเพื่อตัวเอง คิดว่าทำแบบนี้แล้วแกจะได้อะไร แกกรีดข้อมือก็เพื่อตัวเองใช่ไหมล่ะ ก็แกมันเป็นแบบนี้มาตลอดแล้วนิ ทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง แม้จะต้องฆ่าพี่น้องแกก็ทำได้’
“แกหมายความไง” รินตะคอกกลับเสียงดังอย่างบ่งชัดว่าได้ยินเสียงของคนทำให้ร่างในเงามืดหัวเราะเบาๆ ก่อนกระซิบตอบ
‘อีกคนที่แกฆ่าทิ้งตั้งแต่อยู่ในท้องยังไงล่ะ เราเป็นคนเดียวกัน เพราะพี่บอกให้ฉันมาด้วย แต่พอมีเรื่องพี่กลับถีบน้องตัวเองไปสู่ความตายและ…’
“ไม่จริง”
‘อยู่ในนั้นแกจะพูดอะไรก็ได้ แกบอกว่าเราจะอยู่ด้วยกันไม่ใช่เหรอ เราจะรักกันตลอดไป จำคำนี้ได้ไหม’
“ต้องการอะไร”เรเรนเอ่ยถามเสียงเคร่งให้น้ำเสียงหวานเย็นในเงามืดหัวเราะเบาๆ ก่อนนิ้วเรียวจะกดปลายมีดโกรนลงให้ลึกยิ่งเดิมจนถึงเส้นเลือดใหญ่และนั่นสอนให้เขารู้ว่าความตายกำลังเปิดประตูรอเขาอยู่เบื้องหน้า
+++++++
“เรเรนวิ่งเร็ว!!!!!”เสียงร้องตะโกนดังในร่างสูงนอนนิ่งอยู่บนพื้นเปิดเปลือกตารับภาพเบื้องหน้า
ท้องฟ้าสีแดงสดบรรเลงรักพร้อมกับสายฟ้าที่ฟาดกระหน่ำราวกับบทเพลงแห่งความตายพร้อมกับร่างของสัตว์อสูรสีเนื้อที่บินโฉบอยู่กลางท้องนภากว้าง
“เรเรนไปเร็วสิ เจ้าอยากตายหรือไง โง่จริง”เสียงเดิมร้องสั่งให้ร่างสูงสัมผัสที่ร่างกายของตัวเองเบาๆ ก่อนเขาจะพบชัดว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในโลกของความจริงอีกต่อไป
ร่างกายถูกสวมใส่ด้วยอาภรณ์สีน้ำตาลเข้ม ชุดหนังสัตว์ตัวงามกำลังกอดรับร่างกายที่ชุ่มเลือดให้ผู้เป็นนายอบอุ่นท่ามกลางหิมะสีขาวโพลนปลุกในสัญชาตญาณเอาตัวรอดตื่นขึ้น ก่อนมือเรียวจะหยิบเอาธนูที่อยู่ข้างกายขึ้นยิงอย่างชำนาญ
“เฮ้!เรเรน”อีกเสียงจากด้านหลังเรียกในนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนหันขวับไปจ้องอย่างสงสัย
ชายหนุ่มเจ้าของผมสีดำนัยน์ตาสีใบชาจ้อมองใบหน้าเขากลับ คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงอย่างสงสัยราวกับว่าคนตรงหน้าไม่ใช่เพื่อนของตัวเอง
“ราเรนจัดการเสร็จยัง”เสียงเดิมหันไปถามหญิงสาวข้างกายที่ชุ่มไปด้วยเลือดสดๆให้เจ้าตัวเอ่ยตอบเสียงเบา
“หมดแล้วกลับเถอะ ปานนี้ท่านอาจารย์คงรอแย่”
“จริงด้วยสิ เราเก็บหินแบร์สีทองได้”ชายร่างสูงใหญ่ว่าพลางส่งของที่อยู่ในกระเป๋าให้ราเรนรับ ก่อนกระโดดขึ้นม้าเตรียมกลับหมู่บ้าน
การกระทำที่อีกคนยังคงนิ่งเงียบงุนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น เขาไม่รู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหนก่อน เขาคือเรเรนเด็กหนุ่มธรรมดาที่เติบโตอยู่บนโลกอนาคตผู้เพียบพร้อมไปด้วยข้าวของอำนวยความสะดวกมากมาก แต่บัดทว่าตัวเขากลับตื่นขึ้นมายังโลกอีกใบที่เขาไม่รู้จัก
ในระหว่างที่ร่างกายกำลังเรียกร้องหาคำตอบอยู่นั้น มือเรียวหนาของชายหนุ่มข้างกายก็สัมผัสที่แขนเขาอย่างอ่อนโยนราวกับจะให้กำลังใจ
“ถ้าเจ้าไม่ไป เราคงต้องไปก่อนเรเรน ไปเถอะเฮลา”เสียงเคร่งเย็นเปรยขึ้น ก่อนควบม้าหายเข้าไปในป่าปล่อยร่างสูงสองคนยืนงุนงง
“ไปกันได้แล้วเรเรน เรามีเรื่องจะคุยกับเจ้าเยอะเลย ทำให้ราเรนหงุดหงิดแล้วสิเพื่อน”เสียงเข้าขรึมว่าขึ้นก่อนควบม้าตามหญิงสาวสองคนไป
เรเรนมองแผ่นหลังของแต่ละคน ก่อนอาชาสีเงินตัวงามจะเดินเข้าใกล้หวังให้เจ้านายขี่มัน ผิดแต่อีกคนกลับยังงุนงงในเรื่องเกิดขึ้น เขาคือใครและเขาอยู่ที่ไหน คำถามที่ร้าเหตุผลไร้คำตอบ
บทเพลงสุดท้ายของฤดูกาลแห่งแสงสิ้นสุดลงพร้อมก้อนเนื้อสีเลือดที่เต้นอยู่ในทรวงอก มือเรียวสัมผัสอาชาตัวงามข้างกายอย่างอ่อนโยน ก่อนกระโดดขึ้นควบมันตามพวกเขาเข้าไปในป่า แม้มิอาจรู้ได้ว่าเหตุการณ์เบื้องหน้าคืออะไร แต่อย่างน้อยหากมันคือความฝันเขาก็ยินดีจะอยู่ที่นี่
ได้เวลาท้วงหนี้เก่าของชะตากรรม....