เคยได้ยินมาว่าครอบครัวคือเซฟโซนที่ดีที่สุด ... แต่สำหรับฉันมันไม่ใช่เลย สิ่งที่ซึมซับมาตลอดมันไม่ใช่ความรัก แต่เป็นคำด่าทอ การทะเลาะวิวาทกันระหว่างพ่อกับแม่ต่างหากล่ะ จำความได้ฉันก็คุ้นชินกับสิ่งเหล่านี้ไปแล้ว มันทำให้ฉันรู้สึกว่าความรักที่ดีมันไม่มีอยู่จริง ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น ความอบอุ่นฉันไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้สัมผัสมันจากคำว่าครอบครัวด้วยซ้ำ นอกจากคำพูดแรง ๆ ที่ฟังแล้วคล้ายเกลียดกันมาแต่ชาติปางก่อนเท่านั้นแหละ ทำร้ายร่างกายกันจนเลือดตกยางออก แต่แปลกที่ไม่ยอมเลิกกันสักที
มันเหมือนจะดีใช่ไหมล่ะคะที่ลูกจะได้ไม่ขาดใครคนใดคนหนึ่งแต่ความรู้สึกของคนเป็นลูกอย่างฉันกลับแตกละเอียดไม่มีชิ้นดี นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ฉันไม่อยากรักใคร ไม่กล้าที่จะชัดเจนในความสัมพันธ์เพียงเพราะกลัวคำว่าครอบครัวเหมือนที่ตัวเองเจอมา ถ้าต้องใช้ชีวิตแบบนั้นฉันโสดยันตายดีกว่าค่ะ
แต่แล้ววันหนึ่งความคิดฉันก็เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อได้เห็นความรักของเพื่อนสนิทตัวเอง พี่คนนั้นเขาดีมากจนแอบเก็บมาคิดว่าสักวันฉันมีความรักที่ดีแบบนี้บ้างก็คงดี มีคนที่รักเราแค่คนเดียว ทำให้เรารู้สึกว่าความสัมพันธ์นี้มันปลอดภัยทั้งร่างกายและความรู้สึก
ภาวนาให้มันเกิดขึ้นกับฉันสักครั้งหนึ่งแล้วกันนะคะ ...
ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงปากกัดตีนถีบถือเป็นเรื่องปกติมากสำหรับฉัน เพราะในบ้านฉันเป็นคนเดียวที่ห้ามป่วย ห้ามตาย ไม่สบายก็ต้องลุกขึ้นมาหาเงิน
สิ่งรอบตัวมันบังคับให้ฉันต้องเป็นแบบนั้น เข้มแข็ง กร้านโลก ไม่สนใจใคร กระทั่งเจอใครคนหนึ่ง...
ผู้ชายหน้านิ่งที่แสนจะกวนประสาท! แถมยังประหยัดคำพูดมากอีกด้วย แต่เรื่องอะไรฉันจะยอม ก็กวนประสาทกลับไปเลยสิคะ ค่อยคุยกันรู้เรื่องหน่อย
“ฮะ เฮีย...”
“...”
“หนูเมา หนูไม่ระวังตัวเอง คิดซะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วกันนะคะ”
“ประโยคหลังนี้กูต้องเป็นคนพูดไม่ใช่เหรอ”
และนี่ก็คือจุดเปลี่ยนของชีวิตฉัน ดันมาพลาดไม่เป็นท่าให้กับผู้ชายปากเสียซะได้ แต่ไม่โทษใครหรอกนะ ทำตัวเองล้วน ๆ
มันไม่ได้จบแค่นี้หรอกค่ะ เพราะหลังจากนั้นเขาก็กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตฉันไปเลย เขาเปลี่ยนความคิดฉันหลายอย่าง
ทำให้ฉันสัมผัสและรับรู้ว่าความรักมันมีอยู่จริง ทุกอย่างมันเหมือนจะดีใช่ไหมล่ะคะ แต่ก็ได้แค่เหมือนนั่นแหละเมื่อภรรยาเก่าเขากลับมา... สุดท้ายฉันก็ต้องกลับมาอยู่กับตัวเองเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือรอยแตกร้าวที่เพิ่มขึ้น การไม่รักใครเลยมันคงดีที่สุดแล้ว