ยอมสิ้นใจ มิยอมสิ้นรัก
ยอมเอ่ยคำรัก มิสนคำครหา
“ท่านต้องสัญญาก่อนว่าจะช่วยอี้หราน ข้าจึงจะยอมพูดเรื่องของเรา”
“ข้าสัญญาว่าจะทำตามคำสั่งเจ้าทุกประการ”
นางเซียนหงสายิ้มกว้างออกมาเป็นครั้งแรกในรอบหลายวัน ดีใจจนมิได้สังเกตว่าเจ้าของเตียงกว้างเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้จนห่างกันมิถึงศอก ก่อนนี้ปิงหนิงมิเคยว่ากล่าวอันใด ด้วยยามที่ยังอยู่ในหุบเขา องค์ชายโจวยิงและนางมักจะศึกษาตำราด้วยกันจนดึกดื่น และเผลอหลับไปบนเตียงเดียวกัน แรกๆ องค์ชายก็ถูกดุด่าทุบตีอยู่บ้าง แต่บ่อยครั้งเข้าก็มิอยากจะบ่นเซียนหน้าด้านให้เสียอารมณ์ และเมื่อเห็นว่าเขามิทำอันใดไปมากกว่ากอดหรือนอนหนุนตัก ปิงหนิงจึงปล่อยเลยตามเลย
ทว่าวันนี้องค์ชายเผ่าวารีกลับมิยอมหยุดแค่การกอด เขาบรรจงแกะสาบเสื้อของนางด้วยท่าทางที่ดูลื่นไหลยิ่งนัก
“นี่ท่านคิดจะทำอะไร”
“ก็ทำในสิ่งที่อยากทำ ก่อนหน้านี้เสียเวลารอตั้งนาน เพราะเข้าใจว่าเจ้ากับหมอยาอี้หรานมีความสัมพันธ์ฉันคนรัก”
“แล้วไยจึงคิดว่าข้าจะยอมท่านง่ายๆ” ปิงหนิงปัดมือออกเสียเต็มแรง ทำเอาโจวยิงเกือบเสียหลักล้มลงบนตักของนาง
“ตอนแรกก็มิมั่นใจดอก แต่พอรู้ว่าเจ้ามิได้มีใครอื่นในใจ ข้าก็คิดได้แล้วว่าควรรวบหัวรวบหาง จัดการให้เรียบร้อย จะได้มิต้องกังวลอันใดอีก” โจวยิงกล่าวหน้าตาย เมื่อรู้ว่าหัวใจของนางยังว่างอยู่ เขาก็มิต้องเกรงใจอีก
“หน้าหนาหน้าด้าน ต่างจากองค์ชายโจวยิงที่ข้ารู้จักในหุบเขาเสวี่ยซานยิ่งนัก” ปิงหนิงมิอยากเชื่อหู
“เจ้าเองก็ดุราวกับพยัคฆ์ มิใช่หงสา เผลอยามใดก็ผลัก เผลอยามใดก็ทุบ หากข้ามิปรามเจ้าตั้งแต่ตอนนี้ อนาคตข้าคงต้องสงบเป็นปลาไหล มิใช่มังกรของเผ่าวารีอีก”
“ท่านถอยออกไปเลยนะ ถ้ายังไม่หยุด ข้าถีบจริงๆ ด้วย!”
“จะทำให้ข้าเจ็บอีกสักกี่ครั้ง ข้าก็ยอม หัวใจข้าก็ไม่อยู่กับตัวแล้ว จะต้องสูญเสียแขนขา ถูกขอดเกล็ดอย่างไรก็ต้องทำให้เจ้ายอมข้าให้ได้!”