วันเปิดเทอม
“ไงเพื่อนน” ฉันทักทายแก๊งเพื่อนของฉัน
“มาสายเชียวนะมึง” แบมมันทักทาย
“เออนาทีเดียวเอง” ฉันตอบกลับมัน
“น่าๆ พวกมึงสองคนเข้าเรียนป่ะ” ปริมเอ่ยห้ามศึกแต่ไม่ใช่ศึกหรอกแค่หยอกล้อกันเฉยๆ
หวัดดีเราชื่อ ริน เป็นนักศึกษาธรรมดาๆ คนหนึ่งหรอกมั้ง ในชีวิตก็มีแต่เรียนกับเที่ยวพร้อมแก๊งเพื่อนนี้ล่ะ แต่ก็จะเกิดเรื่องไม่ธรรมดาหลังจากได้พบกับเธอคนนี้
“อาจารย์มาแล้วๆ” ปริมกระซิบ
“สวัสดีค่ะนักศึกษาทุกคน อาจารย์แพรพราว หรือเรียกอาจารย์แพรก็ได้นะคะ” อาจารย์สาวแนะนำตัว และเธอก็เดินแจกเกี่ยวกับการให้คะแนนต่างๆ ในรายวิชานี้จนเธอเดินมาถึงฉันเธอสะดุ้งเล็กน้อยและเบิกตากว้างขึ้นแปปนึงแล้วหลุบตาลง ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปสอนตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคืออาจารย์คนนั้นมักจะมองมาทางฉันและชอบทำแววตาสงสัยบางครั้งเศร้าบ้างครั้ง
หลังเลิกเรียนท้องฟ้าเป็นมืดเหมือนฝนจะตก ลมแรงมากฉันและเพื่อนๆ กะว่าจะไปช้อปหน่อยแต่สภาพอากาศไม่เป็นใจเลยเดินไปยังโรงจอดรถเพื่อจะกลับแต่แล้วกลับมีลมพัดมาอย่างแรงทางเดินที่จะไปยังโรงจอดรถข้างๆ จะเป็นสระน้ำขนาดใหญ่และสิ่งทีไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อกิ่งไม้ขนาดใหญ่ได้ถูกลมพัดจนหักและร่วงลงมาใส่ฉันแต่ฉันดันหลบได้แต่ไม่ทันระวังฉันพลาดตกลงไปในสระน้ำนั่น
ตู้มม!!!!
“ริน/ริน” ปริมและแบมเรียกฉันสนั่นผู้คนโดยรอบก็แตกตื่นและได้โทรหากู้ภัยเพื่อทำการช่วยเหลือ และไม่นานสติของฉันก็ดับวูบลง
“เธอ” ใครเรียกนะ
“เธอ” ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้น และที่ตกใจไปมากกว่านั้นผู้หญิงที่เรียกฉันไว้หน้าเหมือนอาจารย์แพรแต่เธอกลับใส่ชุดนักศึกษา
“ทำไมถึงมานอนอยู่นี้ล่ะ” เธอถามด้วยความสงสัยฉันมองไปรอบๆ ซึ่งสถานเหมือนคณะที่ฉันเรียนมากแต่กลับมีแค่ไม่กี่ตึกและยังเป็นตึกไม่ถึงสองชั้น สระน้ำข้างๆ ยังไม่กว้างเหมือนที่ฉันเห็น
“ที่นี้ที่ไหนเหรอ” ฉันถามเธอด้วยความสงสัย
“คณะxxxxมหาวิทยาลัยxxxx” ฉันตาโตขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน
“แล้วปีพ.ศ.เท่าไหร่” ฉันถามต่อ
“2545 น่ะ” หน้าตาฉันเหว๋อมากเลยตอนนั้น
“Oh my god นี้มันอะไรกันนนน” ฉันพูดออกมาเสียงดัง
“เธอเป็นใครกันเหรอ” เธอถามฉัน กำลังจะตอบก็มีคนเรียกเธอขึ้นก่อน
“แพรครับ ไปกัน เอ๊ะ!!” ผู้ชายดูหล่อเหลาตรงมาทางเรา
“นี่ใครหรอครับ” ชี้มาทางฉัน
“เปล่าหรอกอั๋น แล้วอย่าหาฉันอีกได้มั้ยบอกแล้วไงว่าฉันไม่ไปด้วย” เธอตอบกลับ
“แต่เราเป็นแฟนกันนะครับ” ชายคนนั้นพูด
“นายคิดไปเองรึเปล่า ฉันยังไม่ตอบนายเลยนะว่าเป็นอะไรกันเอาล่ะฉันจะกลับห้องแล้วอย่ามาหาฉันอีกล่ะ ป่ะเธอ” ฉันก็ได้แต่เออออตามน้ำไปในขณะที่งงๆ อยู่
จากนั้นฉันกับเธอก็เดินมาไกลพอสมควร
“หึ!!! อย่าหยิ่งให้มากเลยแพรสักวันฉันต้องได้เธอแน่”
“เธอชื่ออะไรเหรอ” ทันทีทีเธอพาฉันมายังห้องพักเธอก็ถามขึ้น
“ชื่อ ริน หน่ะ” ฉันตอบ “แล้วเธอล่ะ”
“เรียกเราแพรก็ได้” ฉันตกใจเล็กน้อย
“บอกได้มั้ยทำไมถึงได้มานอนอยู่ตรงนั้นอ่ะ” เธอยังถามต่อ
“เราก็ไม่รู้เหมือนกัน เราจำได้ว่าเราตกน้ำแล้วก็มืดไป” ฉันตอบตามความจริง
“เธอไปอาบน้ำ ล้างหน้าล้างตาก่อนสิ เดี๋ยวไปเอาผ้าเช็ดตัวมาให้” เธอพูดพร้อมจะลุกเดินแต่ไม่ทันระวังเธอสะดุดกำลังจะล้มและฉันก็คว้าเธอไว้ในอ้อมกอดและดึงตัวเธอมาไว้บนตัก
“เกือบแล้วมั้ยล่ะ ฮ่าๆ อ้าวทำไมนิ่งจัง” เธอนั่งนิ่งในอ้อมกอดฉัน
“ไอ้บ้า!!” เธอทุบแขนฉันไปหนึ่งทีแล้วลุกไป
“น่ารัก เอ๊ะ!! ทำไมฉันต้องชมด้วย” ฉันเกาหัวแกรกๆ สับสนตัวเอง
“ไอ้บ้าๆๆๆๆ พึ่งรู้จักกันทำไมใจเต้นแรงจัง” หญิงสาวสบถกับตัวเองในห้อง
จากนั้นเธอก็เผ้าเช็ดตัวและเสื้อผ้าที่จะใส่มาให้ ฉันออกมาจากห้องน้ำและได้กลิ่นอาหารเธอน่าจะทำอาหารอยู่ในครัวของหอพักแหละฉันจึงเดินไปข้างหลังเธอ
“ทำไรกินเหรอ” ฉันกระซิบข้างหูหล่อน
“อุ้ย!!!!” หล่อนตกใจแล้วหันหน้ามาทางฉันพอดี แต่ที่มากไปกว่านั้นหน้าเราทั้งคู่ห่างกันแค่คืบเดียว จากนั้นฉันโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้เธอมากขึ้น ประกบจูบด้วยความอ่อนหวานเธอใช้สองมือขึ้นมาคล้องคอฉันฉันไว้ จูบกันไปได้สักพักรู้สึกถึงกลิ่นไหม้ฉันผละออกเธอก็ด้วยรีบหันหลังไปยังอาหาที่เธอทำค้างไว้
“คนบ้า!!! ทำอะไรก็ไม่รู้” เธอบ่นพึมพำแต่ก็ได้ยินดังนั้นฉันก็สวมกอดเธอไว้จากด้านหลังหลวมๆ
“เราเพิ่งเคยเจอกันไม่นาน ทำไมเราเริ่มรู้สึกรักเธอเข้าให้แล้วล่ะ” ฉันบอกข้างหูหล่อน หล่อนนิ่งไปสักพัก
“บอกได้มั้ยตอนที่ฉันบอกเธอตอนนั้นว่าปีพ.ศ.อะไร และที่นั้นคือที่ไหนเธอมาจากไหนเหรอ” เธอถามฉัน
“ถ้าบอกจะเชื่อมั้ย” ฉันถามหยั่งเชิงหล่อนพยักหน้ารับ
“เหมือนมาจากอนาคตนะ เธอเหมือนอาจารย์ที่สอนฉันและตรงนั้นก็เป็นคณะที่ฉันเรียนด้วยหน่ะ” ฉันอธิบาย หล่อนนิ่งไปสักพักฉันเอี้ยวตัวไปดูหล่อนที่เม้มริมฝากไว้เหมือนพยายามกั้นน้ำตาไว้
“ถ้าเธอได้กลับไปยังที่เธอมา เธอจะลืมฉันมั้ย ฮึก” หล่อนสะอื้นขึ้นทำให้อดไม่ได้ที่จะดึงเธอมากอดไว้
“ไม่มีทางลืมหรอก” ฉันตอบด้วยความมั่นใจทำให้เธอกอดตอบฉันแน่น
เธอพาฉันมางานเลี้ยงนักศึกษาหรือจะเรียกว่าบายเนียร์ให้กับรุ่นพี่ก็ได้ ฉันเดินเข้าไปในงานก็เจอคนที่เป็นอาจารย์สอนฉันสองสามคนก็ว่าได้ เป็นวัยกระเต๊าะทั้งนั้นฉันเดินไปทั่วงานไม่รู้ว่าคาดสายตากับหล่อนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ฉันหันไปทั่วงานก็เจอกับเธอถูกผู้ชายที่อ้างว่าเป็นแฟนเธอกำลังประคองหล่อนขึ้นรถไป ฉันรีบไปบอกเพื่อนๆ ของหล่อนและได้ล่วงหน้าไปก่อน ฉันนั่งในแท็กซี่อย่างกระวนกระวายและเร่งให้ลุงคนขับตามให้เร็วที่สุด รถของหมอนั่นเข้าไปยังม่านรูดแห่งหนึ่ง ทันทีที่รถจอดฉันกระโจนออกไปอย่างรวดเร็วและพยายามหาห้องที่หมอนั่นเข้าไป ฉันเปิดไปถึงห้องหมอนั่นอยู่ฉันไปหยิบถังดับเพลิงมาทุบที่กลอนประตูหลายรอบในที่สุดประตูก็เปิดออก สิ่งข้างในทำให้ฉันเบิกตากว้างคือหมอนั่นกำลังคล่อมร่างเธออยู่
“แก” ฉันกำถังดับเพลิงแน่นและโยนไปใส่หัวหมอนั่นอย่างจัง
โป้ง!!! หมอนั่นสลบลงไป ฉันได้ไปพยุงตัวหล่อนออกมาจากห้องนั่น
“ริน~~” เธอเรียกฉันอย่างแผ่วเบาคาดว่าเธอต่อยเข้าท้องแน่นอน แต่ไม่ทันระวังคนที่คิดว่าสลบกลับเดินออกมาพร้อมปืนกระบอกหนึ่งจ่อมาทางเธอ
“มึง” ปัง!!!!!
ฉันรู้สึกชาวาบไปทั่วแผ่นหลัง ขาค่อยๆ อ่อนแรงลงไปกับพื้น
“รินน!!!” เธอเรียกฉันด้วยความตกใจ ไม่นานเพื่อนของเธอก็มาพร้อมกับตำรวจ และได้จับตัวคนที่ยิงฉันไป ฉันรู้สึกพร่ามัวมากในขณะเดินทางไปยังโรงพยาบาล แต่โชคดีฉันมาถึงมือหมอได้ทันเวลาพอดี
ฉันพักรักษาอยู่โรงพยาบาลสองวันกว่าจึงอนุญาตให้กลับได้และฉันรู้สึกเหมือนร่างกายของฉันมันโล่งเมื่อดูที่มือมันโปร่งใสมากเหมือนจะหายไปยังไงไม่รู้
“แพร เราว่าเราถึงเวลากลับแล้วล่ะ” ฉันเอ่ยบอกเธอที่มาเดินเล่นแถวสวนสาธารณะ
“อืม กลับกัน” เธอบอกก่อนจะจูงมือฉันไป แต่ฉันยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน
“เราหมายถึงเราต้องกลับไปยังอนาคตของฉันแล้วนะ” ฉันบอกพร้อมทำหน้าเศร้า เธอเองก็เหมือนกันเธอแอบก้มหน้าแต่ไม่พ้นสายตาฉันที่แอบเห็นน้ำตาที่ไหลออกมาของเธอฉันดึงเธอมากอดแน่น
“เราสัญญา ว่าเราจะไม่ลืมเธอนะแพร” ฉันพร้อมประกบจูบเธออย่างนุ่มนวลก่อนร่างจะค่อยๆ หายไป
“เรารักเธอนะ ริน เราจะรอจนกว่าจะได้เจอกันอีก” ฉันยิ้มตอบเธอและภาพก็เป็นสีขาวโพลนไปหมด
“ยัยริน” เสียงปริมนี้นา
“ฟื้นสิมึง กูเหงาปากไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงกับมึงเลยนะ” แบมด้วยนี้นา
ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้นแล้วเห็นเพื่อนทั้งสองคนเหมือนกำลังจะร้องไห้ ฉันเลยอมยิ้มก่อนจะค่อยๆ พูดขึ้น
“หิวว่ะ หมูทะป่ะ” พวกมันสองคนเบิกตาโพลงไม่รู้จะดีใจ เสียใจหรือโกรธฉันกันแน่
“อีบ้า กูเป็นห่วงมึงนะเว้ย” แบมมันจิกกัดพร้อมยิ้มทั้งน้ำตา
พอได้ยินที่เพื่อนพูดว่าฉันสลบไปสองวันเองแต่ฉันกลับอยู่ในโลกนั้นหลายอาทิตย์
จากนั้นหมอมาตรวจร่างกายให้พักฟื้นอีกสักสามวันแล้วค่อยกลับไปพักฟื้นได้ และฉันก็ไปเรียนตามปกติและฉันไม่ลืมที่จะไปหาใครคนหนึ่งที่ฉันสัญญาไว้
ก๊อกๆๆ
“เชิญค่ะ” เสียงข้างในอนุญาตให้ฉันเข้าไป พอฉันเข้าไปแล้วเธอตกใจเมื่อเห็นหน้าฉัน
“มีอะไรเหรอคะ นักศึกษา” เธอถามเสียงเรียบและก้มหน้าอ่านเอกสารต่อ
“มาตามสัญญาที่ให้ไว้ค่ะ สัญญาว่าจะไม่ลืมกัน” ฉันพูดเสร็จและเดินเข้าไปหาหล่อนแล้วค่อยๆ ก้มลงจูบเธอขณะที่เธอเงยหน้าขึ้นอย่างนุ่มนวล เมื่อผละจูบออกน้ำตาเธอไหลออกมาอย่างตื้นตันก่อนจะลุกขึ้นมาหาฉัน
“ไอ้คนบ้าๆๆๆ เจอกันครั้งแรกทำไมจำกันไม่ได้ฮ่ะ บ้าๆๆๆ ที่สุด” รัวทุบอกฉัน และฉันก็กอดเธอแน่น
“รักนะคะ รักที่สุดเลย” พูดพร้อมกระชับกอดแน่นกว่าเดิมและเธอก็กอดตอบในที่สุด
“รักเหมือนกันนะคะริน แพรรอรินมาตลอดเลยนะ” พูดเสร็จเราสองคนก็จูบกันอีกครั้ง เป็นจูบแห่งความรักและคิดถึงซึ่งกันและกันตลอดไป