“คุณอยากรู้ความลับของแวมไพร์ อีกอย่างไหม ” วินเซนต์สบตาหญิงสาวเนิ่นนานก่อนที่จะหันกลับไปมองถนนเบื้องหน้าอีกครั้ง
“คะ ความลับอะไรคะ หรือว่า......คุณอ่านใจคนอื่นได้ ”
“เรื่องที่ผมจะบอกเรื่องความลับของแวมไพร์ อีกเรื่องหนึ่ง ก็คือ... ”
“แวมไพร์ จะไม่ลืมทุกช่วงวินาทีที่เกิดขึ้นตลอดชีวิต ”
“ทุกสิ่งที่เราทำ และทุกอย่างที่คุณพูดในวันนี้ ผมจะจำมันได้ทุกความรู้สึกจวบจนวันตาย และแน่นอนสิ่งที่คุณคงรู้อยู่แล้วคือพวกเราเป็นอมตะ หากไม่ถูกฆ่าไปเสียก่อน เราจะไม่เจ็บป่วย ไม่แก่ และไม่ตาย”
“และเรื่องสำคัญ เรื่องสุดท้าย ที่ผมอยากให้คุณรู้เอาไว้ ”
“พวกเราจะรักผู้หญิงเพียงคนเดียว ตลอดช่วงชีวิตของเรา ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นมนุษย์หรือแวมไพร์ก็ตาม ”
“และผู้หญิงคนนั้นสำหรับผม คือ คุณ ” วินเซนต์กล่าวยืดยาวด้วยเรื่องที่เพรงพิณรู้ดีว่าแท้จริงแล้วในหัวใจเธอร่ำร้องอยากจะฟังมัน
# # # #
" เสียงฝีเท้าคนเดินตามมาตั้งแต่หน้าร้านกาแฟ ” เพรงพิณตั้งใจฟังมาสักพักขณะเดินบนถนนเปลี่ยวในซอยหนึ่งสักซอยที่เธอเองก็ไม่รู้ทิศทาง
เธอจำได้ว่าเดินผ่านร้านกาแฟ ที่อยู่ข้างร้านขายขนมหวาน ใกล้ ๆ โรงแรมจะมีร้านขายเครื่องเงินโบราณอยู่ แต่เดินวนหาเท่าไหร่ก็ยังหาไม่พบ ทางกลับไปโรงแรม
“ เธอกำลังเดินหลงทาง” น่าจะเดินหลงจากโรงแรมมาไกลมากและหลงมาแถบย่านเมืองเก่าดูได้จากตึกที่ดูเก่าแก่ ทะมึนทึมพวกนี้ แล้วยังถนนหนทางที่ตัดอย่างไม่เป็นระเบียบนี่อีก
เธอจำได้ว่าบริเวณที่ตั้งของโรงแรมซึ่งอยู่ในเขตเมื่องใหม่ ตึกต่าง ๆ จะดูใหม่และเป็นระเบียบเรียบร้อยมากกว่านี้ ถนนหนทางก็จะตัดเป็นบล็อกที่สังเกตและเดินได้ง่าย
“ ไม่น่าเดินชมเมืองเพลินจนลืมดูทางเลย ” เพรงพิณโอดครวญกับตัวเอง
ฟ้ากำลังมืดลงอย่างรวดเร็ว ผู้คนที่เดินตามถนนก็หายไปเกินกว่าครึ่ง แถมเธอยังเดินหลงมาในซอยเปลี่ยวนี้อีก เธอสังเกตว่ามีผู้ชายในเสื้อคลุมสีดำสามถึงสี่คนเดินตามเธอมาสักพักแล้ว แต่พอหันหลังกลับไปดูกลับไม่เจอใคร
ทันทีที่เดินเข้ามาถึงทางตันในซอยเปลี่ยว ผู้ชายในชุดเสื้อคลุมสีดำก็เดินมาขวางทางออกไว้ เพรงพิณพยายามสอดส่ายสายตามองหาผู้คนเพื่อขอความช่วยเหลื
“ เธอรู้มั้ยว่ากลิ่นเธอ ดึงดูดพวกเรามากขนาดไหน แม่สาวน้อย ” ชายหนึ่งในสามคนพูดพร้อมแสยะยิ้ม