รักหนึ่งที่ฝังใจ รักใหม่สุดร้อนแรง
ยามนั้นพิมทองสิ้นสติ ลืมหมดสิ้นว่ากำลังทำอะไรอยู่ ไม่มีบ้านดงเศรษฐี ไม่มีไอ้แผน ไม่มีคนรักที่เคยรักกันอย่างหวานชื่น มีเพียงแคร่ไม้ไผ่ที่เคลื่อนคลอน ส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดภายในโรงนา ท่ามกลางสายฝนที่โหมกระหน่ำและลมกรรโชกแรง แต่ที่มากกว่านั้นคือพายุพิศวาสที่ไอ้ทัพกำลังปรนเปรอให้อย่างสุดฤทธิ์สุดเดช เสียงฟ้าลั่นครืนๆ คือมโหรีที่ร่วมบรรเลงเพลงกามให้มีจังหวะดุเด็ดเผ็ดมันยิ่งขึ้นทุกขณะ
ครื้น!! เสียงฟ้าคำรามลั่น หลังคาโรงนาแทบเปิดเปิงด้วยกระแสลม ต้นไม้สูงใหญ่ปลายยอดลู่เอนเห็นเป็นเงาตะคุ่ม
ไอ้ทัพทั้งรักและลุ่มหลงอยากจะมุดกายจมจ่อมอยู่เช่นนั้น มือใหญ่ยกเรียวขาข้างหนึ่งพาดไหล่ขยับความเป็นชายเลื่อนไล้เข้าออกเร็วรี่ พร้อมกับซุกไซ้ฝ่าเท้าเล็กอย่างไม่รังเกียจจูบละเลียดทีละนิ้วอย่างสุดแสนรัก
“โอวว...ไม่ๆๆๆ” พิมทองสะอื้นฮัก ดวงตาลอยคว้าง
“ไปกับพี่นะแม่พิม ไปเพื่อพี่อีกครั้ง” ไอ้ทัพดูดเลียนิ้วเท้าเล็กขณะขยับเน้นๆ ทะลวงรวงรังสวาทจนหยาดมธุรสเจิ่งนอง
...................................................................................................................
“ฉันโดนย่ำยี...ข่มเหง...ฉัน...” พิมทองเจ็บปวดใจ ความแค้นแน่นในอกจนพูดไม่จบ หญิงสาวหลั่งน้ำตาพร้อมกับสายฝนที่ลงเม็ดหนักขึ้น
“แม่พิมโดนขืนใจ พี่ไม่ถือสา กลับไปกับพี่เถิดยอดรัก”
“คงไม่ได้ดอกไอ้แผนเพื่อนรัก แม่พิมเป็นเมียข้าแล้ว เห็นทีจะยกให้เอ็งไม่ได้ ข้าขอโทษ แต่เอ็งมีแม่หญิงในเรือน นอกเรือน มากมายให้เลือก กลับไปเลือกเอาสักคนเถิด”
“มันใช่เรื่องของมึงไม่ มึงกับกูขาดความเป็นเพื่อนกันนับแต่บัดนี้”
“แล้วแต่เอ็งเถิดเพื่อนรัก ความผิดของข้าที่ทำกับเอ็งนั้นสาหัสนักสมควรที่เอ็งจะโกรธ แต่ข้ายืนยันว่าจะไม่คืนแม่พิมให้กับเอ็ง”
“มึงไม่ต้องปากดี บังคับขืนใจกันเยี่ยงนี้ไม่ใช่วิสัยบุรุษ”
“ขอแค่ได้สมรัก ใครจะตราหน้าข้าว่าอย่างไรก็ช่างเถิด ข้าไม่โกรธเคือง ผิดที่เอ็งช้า ปล่อยเวลาให้เนิ่นนาน ข้าถึงได้แม่พิมมาครอบครอง”