ฝากนิยายแนวดราม่า ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของทุกคนด้วยนะคะ
นิยายเรื่องนี้เป็นแนวเกี่ยวกับนางเอง (มินตรา) แอบชอบพระเอก (ธนา) ที่เป็นเพื่อนของเพื่อนของเธอ (ญาดา) เธอไม่คิดจะอยากได้เขามาครอบครองเพราะรู้อยู่แล้วว่าในใจชายหนุ่มมีแต่เพื่อนของเธอ แต่แรงดึงดูดของโลกกลับซ้ำเธอโดยเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันทำให้เธอและเขาต้องแต่งงานกัยภายใต้เงื่อนไขของแม่พระเอก(คุณมาลัย) ความดี ความน่ารักของมินตราจะทำให้ความรู้สึกของธนาที่เกลียดเธอแปรเปลี่ยนไปหรือไม่ โปรดรติดตามต่อในเรื่องนะคะ......
คร่าวๆ....
“น้องเอาเหล้ามาอีกสิ คืนนี้ไม่เมาไม่กลับ”ธนาเรียกพนักงานแล้วสั่งสิ่งที่ต้องการ มินตรามองเขาด้วยความเป็นห่วง มีเรื่องเครียดขนาดไหนถึงต้องดื่มหนักขนาดนี้
‘มินจะดูแลธนาเองไม่ต้องห่วงนะ’มินตราบอกกับเขาภายในใจโดยทีเขาไม่รู้ตัวว่าในสายตาเธอมีแต่เขา ส่วนเขาในสายตาไม่แม้แต่จะเหลียวมองเธอเลย
“ม่ายยยไหวววลาวววววว”
“เอาอย่างนี้มินขับรถไอ้ธนาไปส่งมันที่บ้านแล้วมินก็ขับรถมันกลับบ้านเลยเดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะอธิบายให้มันฟังเอง ส่วนแจงกับไอ้อัดเป็นหน้าที่ของเราเองเดี๋ยวเรารับผิดชอบไปส่งแจงกับไอ้อัดเอง”
“ห๊ะ! ให้เราเนี้ยนะไปส่งธนา บ้านธนาอยู่ไหนเราก็ไม่รู้เลย เราไม่ได้สนิทกับธนาขนาดนั้นนะ ให้เราพาแจงกลับบ้านดีกว่าส่วนดอมก็พาธนากับอัดส่ง”
“ไม่อยากกลับเลยอยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้”มินตราหุบยิ้มลงทันทีเมื่อถึงเวลาที่เธอควรจะอยู่ในโลกความเป็นสักที เธอสลัดความคิดเมื่อครู่ทิ้งก่อนจะเอื้อมแขนไปจัดผ้าห่มคลุมกายให้คนเมา
“ตุ้บ!! อื้อออออ แจงงงงงง รับรักเราเถอะนะ แจงงงงงง~ เรารักแจงรักมานานแล้ว อย่าทำเป็นเหมือนไม่รู้ แจงงงงง ”
“โอ้ยย!!! ปล่อย! ธนาเราไม่ใช่แจงเรามินไงลืมตาขึ้นมาก่อน จะกอดมินไว้แบบนี้ไม่ได้นะ มินจะกลับบ้าน ปล่อยยยยยยย”
“พั่บๆๆๆๆๆ ตั่บๆๆๆๆๆๆๆ อ๊าส์ เสียววววว ซี๊ดดดดดดดด อ๊าส์ แจง เรารักแจงนะ”เสียงเนื้อจุดเชื่อมกระทบกันบวกกับเสียงครวญครางของธนาที่อยู่เหนือร่างบางที่ตอนนี้เธอก็เสียวไม่แพ้กัน แต่พอได้ยินความในใจของคนที่ได้ชื่อว่ากำลังพรากความสาวของเธอโดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเป็นเธอ น้ำตาเม็ดเล็กไหลออกจากหางตาทั้งสองข้าง
“เข้ามาทำอะไรกันครับ ไม่เห็นหรอว่าผมกับแจงกำลังจะสามสัมพันธ์ทางกายกันอยู่ ผมจะมีลูกสะใภ้ให้แม่แล้วนะครับแจงยอมตกลงกับผมแล้ว”ธนามองไปยังมินตราแค่แปปเดียวบวกกับมินตรานั่งก้มหน้า เขาคิดในใจว่าเธอคงกำลังเขินจนทำอะไรไม่ถูก เขาเดินมาหามารดาและคนใช้ทั้งสองที่หูตาแพรวพราวเพราะอยากรู้สิ่งที่เกิดขึ้นเต็มทน
“ตั้งสติหน่อยผู้หญิงที่แกนอนกอดด้วยทั้งคืนไม่ใช่หนูแจง สมองแกกระทบกระเทือนจนจำหนูแจงไม่ได้หรอห๊ะ”
“เห้ย เธอ!!! มาอยู่ที่นี้ได้ไง เธอไม่ใช่แจงแล้วทำไมปล่อยให้ฉันเอา! โดยไม่คิดจะพูดหรือเอ่ยห้ามฉัน เธอบ้าไปแล้วหรอห๊ะ!”
“ผมไม่รู้เมื่อคืนผมเมามาก ผมคิดว่าแจงพาผมมาส่งที่บ้าน จากนั้นผมก็ตามที่แม่เห็นแหละครับผมเมาส่วนยายนี้ไม่ได้เมามีสติดีเธอปล่อยให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง อยากได้ฉันขนาดจนต้องยอมแบและสวมรอยเป็นแจงอย่างนั้นหรอ เลว! ผู้ชายไม่สนใจยังวิ่งแจ้นมาให้เอาถึงที่ โดยที่ฉันไม่มีสติด้วยนะคงรอเวลานี้มานาน”
“หนูเลิกร้องไห้แล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้แม่ฟังได้ไหม”คุณมาลัยเข้าไปนั่งข้างๆมินตราพร้อมกับยื่นมือเข้าไปลูบต้นแขนของเธอเพื่อปลอบและถามไถ่ความเป็นจริงจากปากเธอ
“แม่จะฟังความจริงจากปากของคนแบบนี้หรอ ผมว่าไม่มีหรอกความจริงมีแต่ความตอแหล! แค่ให้เงินไปก็จบล้านเดียวก็ถือว่ามากแล้ว ผู้หญิงกลางคืนบางคนลีลาดีกว่าเธอยังได้ไม่เยอะเท่านี้”
“ความจริงมันก็เหมือนที่ธนาเข้าใจเลยค่ะ มินไม่มีอะไรจะพูดแล้วค่ะ สิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นความผิดของมินเองค่ะ”
“ธนา! ธนาหรอ เธอสนิทกับฉันตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบมาเรียกแค่ชื่อฉัน ตั้งแต่จำได้ว่าแจงพาเธอมาฉันยังไม่เคยลดตัวไปพูดกับเธอเลยนะ เรียกฉันซะใหม่”
“ผมไม่ได้ขอให้เธอมาส่งจนมันเกิดเรื่องอัปรีย์แบบนี้นี้ครับแม่ ผมไม่ผิดเธอคนเดียวที่ผิด ผิดที่มักมากใฝ่สูง รู้ทั้งรู้ว่าฉันรักแจงแต่เธอยังจะทำแบบนี้”
“แม่ครับจะคุยให้เปลืองน้ำลายทำไมกัน แค่เอาเงินฟาดหัวเรื่องก็จบแล้ว ผู้หญิงคนนี้ไม่มีพ่อไม่มีแม่สะหน่อยไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น”
..........................
"แกต้องแต่งงานกับหนูมินตรา หยุด! ห้ามปฏิเสธ ถ้าแกปฏิเสธแม่จะปลดแกออกจากประธานบริษัทและให้หนูมินตราขึ้นมาบริหาร ยังไม่หมดสมบัติของแม่รวมถึงบ้านหลังนี้แม่จะยกให้หนูมินตราทั้งหมดเลย”คุณมาลัยร่ายยาว
“แม่! ผมลูกแม่นะครับยายนั้นไม่ได้เป็นญาติฝ่ายไหนของเราสะหน่อย ทำไมแม่ต้องทำแบบนั้นด้วยผมไม่เข้าใจ”ธนายกมือทั้งสองข้างแบะออกทำท่าเหมือนไม่เข้าใจในสิ่งที่มารดากำลังทำอยู่
“แกยังไม่เข้าใจอีกหรอว่าที่แม่ทำเป็นเพราะแม่กำลังบีบให้แกยอมแต่งงานกับหนูมินตรา รับผิดชอบเค้าสะ"
........................
“ผมจะเชื่อแม่ได้ไงในเมื่อมันไม่มีหลักฐานว่าแม่จะไม่ตลบหลังผมทีหลังโดยยกสมบัติให้ยายนั้นตามที่แม่พูด แม่ต้องทำสัญญาขึ้นมาแล้วให้ผมกับยายนั้นรับรู้ร่วมกัน”
“โอเค ดิว!"