อารัมภบท
“คิดจะยั่วให้หึงล่ะสิ” น้ำเสียงเชิงหงุดหงิดชัดเจนเปล่งออกมาจากริมฝีปากกร้าน ที่เม้มแน่นอย่างสะกดอารมณ์...แววตาไร้แววความพึงพอใจเพ่งพิศไปทั่วเรือนร่างระหงส์ที่บัดนี้กำลังใส่ชุดอวดทรวดทรงเต็มที่
“นี่คุณคิดว่าตัวเอง...มีอิทธิพลพอที่จะให้ฉันทำอะไรให้ อย่างนั้นเหรอคะ?” แววตาใสว่าพาซื่อ ก่อนเอียงใบหน้าเหมือนคิดเล็กน้อย...ความนิ่งอย่างแยบยลของเธอ ทำเอาเขาแทบร้อน เนื้อแทบเต้น...เหมือนแววตาของเธอเป็นน้ำร้อนที่ราดเขาไปได้ทั้งตัว
“อย่ามาพูดยั่ว” แล้วเพศชายที่พอทำอะไรไม่ได้นิดหน่อย ก็ใช้กำลัง...ก็บีบแขนดันตัวเธอเข้าหา จนเธอต้องสูดลมหายใจลึก...
“ดิฉันว่าเราต่างคนต่างอยู่ เหมือนที่เป็นมาจะดีกว่านะคะ...มันดีกับเราทั้งคู่แล้ว ฉันโอเคที่คุณจะมีใครก็ได้...และฉันก็อยากที่จะให้คุณโอเคเหมือนกัน ที่ฉันจะมีใครก็ได้..” สิ้นประโยคอ่อนไหว...ริมฝีปากช่างพูดก็ถูกเขาหยุดทุกอย่าง แทบจะหมายรวมถึงลมหายใจ!
ความดุร้อนที่ส่งมาอย่างถือสิทธิ์ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกกลัวหรือกำลังตกเป็นรองเลยสักนิด...เรียวลิ้นเล็กตั้งรับเขาได้เป็นอย่างดี
เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป...ใครจะควบใคร ติดตามพวกเขาได้ ใน “ม้าสาวจอมพยศ”
บทนำ
“เจ้าชู้ไปวันๆ อย่างลื้อเนี่ย เมื่อไหร่จะมีเหลนให้อั๊วอุ้ม” อาม่าผู้ชอบทำใบหน้าสะบัดใส่เขามาเสมอ สะบัดให้อีกครั้งในวันที่เขาอายุ 37 ปลายๆ แต่ยังไม่ได้มีใครเป็นตัวเป็นตน
“ถ้าอาม่าอยากมี ผมมีให้ได้นะครับ...แต่ขอมีเยอะหน่อย อาม่าเลี้ยงไหวไหมล่ะครับ” อภิสรรค์ว่าเชิงหยอกล้อ พร้อมกอดอ้อนตามนิสัยขี้เล่นอารมณ์ดี
“อั๊วเลี้ยงไหว ถ้าเหลนของอั๊วมาจากผู้หญิงที่เพียบพร้อม และมาจากแม่พันธุ์คนเดียวกัน อั๊วปล่อยให้ลื้อเลือกเองมานานแล้ว หรือว่าลื๊อจะให้อั๊วเป็นคนเลือกให้” ท่ามกลางวงศาคณาญาติที่มองมาที่เขาด้วยความกดดัน เพราะเขาคือทายาทเพียงคนเดียวของกงสี
เหมือนตระกูลต้องคำสาป...ให้เขาเกิดมาเป็นหลานเพียงคนเดียว จนความคาดหวังต่างๆ ตกมาที่เขา เรื่องงานเขาสานต่อให้ได้สบาย... แต่การจะให้มีผู้หญิงเพียงคนเดียวในชีวิต เขาทำไม่ได้...และรู้ตัวเองจนไม่อยากผูกมัดกับใคร เพื่อให้มีปัญหาในภายหลัง แต่เหมือนครานี้...เขาจะขัดคนที่ใหญ่ที่สุดในกงสีไม่ได้เสียแล้ว
“อยู่มาจนปูนนี้แล้ว แกไม่คิดจะหาผัวเหมือนพี่ๆ น้องๆ คนอื่นบ้างเลยเหรอ?” ร่างสมส่วนในชุดกระโปรงยาวเกือบลากพื้น ชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวขึ้นบนบ้านลง...ก่อนมองไปที่กลุ่มก้อนของวงศาคณาญาติที่อยู่กันอย่างพร้อมหน้า
รีวาริน เป็นบุตรสาวคนโตของบ้าน...ที่มีน้องชายและน้องสาว ซึ่งแต่งงานมีครอบครัวกันไปหมดแล้ว และตอนนี้บรรดาน้องๆ และลูกพี่ลูกน้องทั้งหลายก็กำลังมารวมตัวกัน ณ ห้องโถงของบ้านใหญ่ อย่างพร้อมเพรียง
“มาทำอะไรกันอ่ะ” เธอถามแบบเนือยๆ เพราะเหนื่อยกับงานมาทั้งวัน เธอรับผิดชอบงานได้ดีจนขึ้นเป็นระดับผู้บริหารในวัยสามสิบต้นๆ จนที่บ้านไม่ต้องห่วงกิจการไปเลยก็ว่าได้
ส่วนพวกน้องๆ ก็มีความสุขกับชีวิตครอบครัว แบบมีกินมีใช้จากเงินปันผลของบริษัท
“แหม ทำงานจนลืมไปเลยเหรอว่าวันนี้มีความสำคัญยังไงอ่ะเจ้” น้องสาวผู้แต่งตัวเก่งที่สุดในสามโลก อยู่ในชุมคลุมท้องครรภ์ที่สองแบบเปรี้ยวสุดฤทธิ์ แถมดี๊ด๊าเป็นที่สุด
“สำคัญยังไงล่ะ”
“ก็เป็นวันเกิดของเจ้ไง ตายแล้ว...อายุสามสิบสองแล้ว ลืมวันเกิดตัวเองได้ยังไงเนี่ย!”
แล้ววันครบรอบวันเกิดที่นำพาเธอขึ้นเลขสามไปเรื่อยๆ นั้น
ทำให้เธอต้องเข้าพิธีหมั้นแบบงงๆ และผู้ชายที่เธอหมั้นด้วยนั้น ประวัติผู้หญิงช่างโชกโชน
เธอพยายามขอให้เขาถอนหมั้น แต่เขาก็ดันไม่สนใจ..เขาไม่เดือดร้อนอะไรกับการถูกจับให้หมั้นหมาย และเขาก็ขอใช้ชีวิตเหมือนเดิม ซึ่งเธอ...จะไม่มีวันยอมให้เป็นแบบนั้นแน่ๆ
เธอจะพยศให้สุด...ให้เขารู้ว่าเธอไม่ใช้ม้าเชื่องๆ ที่เขาจะควบไปไหนก็ได้ แต่ยิ่งเธอพยศเท่าไหร่เขาก็ยิ่งอยากจะควบเธอมากเท่านั้น...แต่การควบของเขานี้เป็นการควบแบบนิ่มๆ ที่เธอต้องห้ามใจไม่ให้ระทวยไปกับเขาให้ได้!