สหธรรมจ้องหน้าเธอตรงๆ ตาสบตาโดยไม่ยอมให้เธอหลบตาเขา ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเคร่งเครียด
“ทำไมคุณถึงไม่บอกผมก่อนว่าไม่เคย ปล่อยให้มันเลยเถิดมาขนาดนี้ได้ยังไง เป็นสาวเป็นนางแท้ๆ ปล่อยตัวนอนกับผู้ชายที่เพิ่งรู้จักได้ไม่ถึงเดือน และไม่ใช่คนรักแบบนี้ได้ยังไง นี่มันครั้งแรกของคุณนะ ทำไมไม่ให้ความสำคัญบ้าง”
“บ้าน่า ไม่จริ๊ง ไม่จริง ใครบอกว่าฉันไม่เคย ฉันไม่ได้เวอร์จิ้นหรอกนะ เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องกังวลหรือรู้สึกผิดอะไรเลย สบายๆ ชิลๆ” หญิงสาวยักไหล่ แสร้งทำท่ามั่นใจเหมือนกับเธอเคยมีประสบการณ์โชกโชน และไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้เท่าใดนัก
“คิดว่าผมเป็นเด็กอมมือหรือปั้นหยา คิดว่าผมเพิ่งเคยนอนกับคุณเป็นคนแรกหรือยังไง”
หญิงสาวกลอกตาไปมา พยายามนึกหาเหตุผล “ฉันก็แค่...แค่...ไม่ได้ยุ่งกับผู้ชายมานานเท่านั้นเอง มันก็เลยเงอะงะเหมือนไม่เคย คุณก็เลยเข้าใจผิด”
“มันไม่ใช่แค่เรื่องลีลาหรอกน่า”
ปัณชญาใบหน้าร้อนวูบเมื่อเขาเอ่ยคำว่า ‘ลีลา’ ออกมาตรงๆ แต่ต้องแกล้งทำเหมือนไม่แคร์ ทำเหมือนว่าตนเองเคยเปลือยกายต่อหน้าผู้ชายมานับครั้งไม่ถ้วน
“คุณเข้าใจผิดแล้ว อย่าลืมสิว่าฉันอยู่บ้านเดียวกันกับแฟนมาเกือบปี จะไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องอย่างว่าได้ยังไงกัน แค่เดินเฉียดกันไฟก็สปาร์กแล้ว โอ๊ย...ทำกันประจำวันละสามเวลาหลังอาหาร ทั้งในห้องนอน ในครัว บนโต๊ะรับแขก บนโต๊ะกินข้าว เหลือแค่สนามหญ้าหน้าบ้านเท่านั้นที่ยังไม่ได้ลอง”
“ยังจะมาโกหกอีก” ชายหนุ่มเข่นเขี้ยว
“ไม่ได้โกหก พูดจริงๆ”
“คุณนี่มันดื้อจริงๆ”
“เปล่านะ ไม่ได้ดื้อ”
“งั้นตอนเอาผ้าปูที่นอนไปซักช่วยบอกผมหน่อยว่ารอยเลอะสีชมพูจางๆ บนผ้าปูที่นอนผืนนั้นคืออะไร”
“ลิปสติกหรือเปล่า”
“รอยลิปสติกเป็นจุดๆ หรือ ปากคุณเท่ารูเข็มหรือยังไง”
“ฉันก็แค่เลือดกำเดาไหลมั้ง”
“ปัณชญา!”