ผมบอกพ่อว่าไหว ไม่เป็นไร พ่อเลยพูดขึ้นมาว่า ชีวิตคนเราทุกคน อยู่ในกรงล้อแห่งโชคชะตา ชะตาชีวิตเราถูกกำหนดเอาไว้แล้ว มันเปลี่ยนไม่ได้ ถ้าโชคชะตากำหนดให้ต้องแยกจาก ยังไงก็ต้องแยกจาก มันฝืนไม่ได้
แต่ในวงล้อแห่งโชคชะตา ทุกอย่างอาจจะไม่แน่นอน ในชีวิตคนหนึ่งคน อาจจะต้องพบเจอกับความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่หลายครั้ง ทุกครั้ง ถ้าเราผ่านมันไปได้ เราจะพบเจอความสุข
ผมนั่งฟังพ่อเงียบๆ โดยไม่พูดหรือออกความเห็นอะไร แล้วก่อนจะเดินไป พ่อก็หันมาบอกผมอีกว่า คนเรา ถ้าเป็นคู่กันแล้ว ต่อให้โชคชะตาทำให้ต้องพลัดพลาก พวกเขาก็จะต้องกลับมาเจอกัน และได้อยู่ร่วมกันอย่างแน่นอน
แต่ว่า ถ้าคนคนนั้น ไม่ใช่คู่กัน ต่อให้โชคชะตาพัดพาให้มาอยู่ร่วม สุดท้าย ปลายทางข้างหน้า พวกเขาก็ต้องแยกจาก
ผมฟังพ่อผมพูด ก็รู้สึกดีขึ้นมานิดนึง ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน อาจจะเพราะรู้สึกปลงได้กับความไม่แน่นอนของชีวิตละมั้งครับ
ตอนนี้ ผมเปลี่ยนมหาลัยที่จะสอบเข้า จากมหาลัย s เป็นมหาลัยk จากคณะสถาปัต เป็นคณะวิศวะ
ถามว่าทำไม นั่นสินะ ผมก็ไม่รู้ แต่ผมแค่รู้สึกว่า ผมควรจะเริ่มต้นใหม่ ในสถานที่ใหม่ๆ ก็เลยอยากอยู่ ในที่ที่ไม่มีเขา อาจจะดีกับตัวเองมากกว่า บางที ผมอาจจะอยากหนีก็ได้
ถึงแม้จะรู้ว่าทำแบบนี้ มันไม่จำเป็นเลยก็ตาม ถึงแม้จะรู้ ว่าถึงผมไม่ได้ไปเรียนด้วย เขาก็คงไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ผมก็แค่อยากทำ ในเมื่อโชคชะตา กำหนดให้เราต้องแยกจาก ก็เอาให้สุด อย่าให้เราต้องมาเจอกันอีกเลย ผมอยากมีชีวิตใหม่