ทุกวันทุกเวลามักมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น ใน ทุกช่วงเวลา ของแต่ละช่วงชีวิต แล้วการจะจรดข้อความลงแผ่นกระดาษแผ่นเปล่า ๆ ชวนให้นึกถึงช่วงชีวิตหนึ่งในการเป็นนักเขียน เรื่องสั้นใหม่ ๆ ตอนอายุ 18 ปี โดยอาศัยหลัก ความไม่เทียงแท้ของสรรพสิ่ง ของการดำรงชีวิตอยู่ ของการเกิด ดำรงค์อยู่ แล้วสูญสลาย ไปที่สุด จนไปถึง การค้นหาการหลุดพ้นวัฏสงสาร ตามหลักของพุทธศาสนา ตอนผมเขียนครั้งแรก ผมได้เกิดความสูญเสียเป็นที่ตั้งอยู่แล้ว ตอนที่ผมเสียเพื่อนคนหนึ่งในชีวิต ผมมีความทรงจำสุดท้ายในช่วงหนึ่งในการสนทนาตอนนั้น เธอว่าผม เป็นคนเข้ากับคนง่าย การอาศัยการพูดคุย เป็น กัลยาณมิตร อัธยาศัยดี อาจเป็นเพราะผมพูดมาก ไม่รู้จะพูดมากไปทำไม ไม่เข้าใจตัวเองตอนนั้น ผมตอนนั้นกล้าจะเข้าหาคนนั้น คนนี้ โดยไม่อายใคร ผมในตอนนี้ ยังไม่กล้าเท่ากับผมตอนนั้น กล้าจะทำนั้น กล้าจะทำนี้ ทำพอให้ตนมีความสนุก มันช่างมีความแตกต่างเหลือเกิน ผ่านวันเวลาหลายเดือน ช่วงรอยต่อของชีวิต การจบ มัธยมปลาย ม.6 ของการสอบ gat pat การทดสอบเพื่อเอาคะแนน ไปสอบ มหาลัย การติวเป็นสิ่งหนึ่งที่โรงเรียนจัดขึ้น นั้น นี้เป็นสิ่งที่ผมทิ้งเก็บไว้ ไม่เล่าต่อ เพื่อให้เป็นอดีต
แต่เรื่องราวผมจะเขียนต่อไป คือ การจะเล่าต่อ เธอได้เกิดอุบัติเหตุทางรถจักรยานยนต์ ด้วยอาการสาหัส เข้าโรงพยาบาลหลายเดือน จนมาถึง 5 หรือ 6 ตุลาคม 2555 ผมเชื่อว่า เพื่อนทุกคนก็เสียใจไม่แพ้กัน เมื่อมันคือความสูญเสียที่เกิดขึ้น ก็ขอเรื่องสั้นนี้อุทิศกุศล ให้เธอเป็นที่ตั้ง และ ผู้เสียชีวิตอื่นๆ ไม่ ว่าจะเป็นก็ตาม ผมไม่ได้หากินกับคนตาย เมื่อสักวันไม่ว่า ผม หรือ คุณ จะต้องตาย อยู่แล้ว มันคือ ความจริง ถ้าถามผมตอนนี้ผมยังจำเนื้อเรื่องที่เขียนได้ไหม ผมบอกเลยไม่ ผมจำได้แค่เศษส่วนนิดหนึ่ง มันอาจทำให้ผมเขียนมาใหม่ โดยอาศัยเศษส่วนนั้น ซึ่งเศษส่วนนั้นละ คือ หัวใจเรื่องสั้นนั้น มันคือสถานที่ คำพูด ของ ชายหนุ่มผู้สงสัย กับ เด็กน้อยผู้แสวงหา เมื่อทั้งสองมาพบกัน ชายหนุ่มกับตื่นรู้แล้วคิดได้ ส่วนเด็กคนนั้นก็พบคำตอบ มันคืออะไร ต้องติดตาม มันอาจไม่เหมือน 8 ปีที่แล้ว แต่มันคือสิ่งที่จะกลับมา
เรื่องสั้นชุดล่าฝันใต้แสงตะวัน จะเพิ่มความหลากหลายเพื่อสร้างแรงบานดานใจ ของผู้มีฝัน