พบกับความรัก ความแค้น ความพยาบาท และบทสรุปของยายเจิมจันทน์ได้ใน...ม่านมนตกานต์
‘ญาตาวี เสน่ห์จันทน์’ ดาราเจ้าบทบาทแถวหน้าของเมืองไทย
เธอประสบความสำเร็จในชีวิตการทำงาน
แต่! กลับล้มเหลวในชีวิตรักอย่างยับเยิน
เธอหอบร่างกายบอบช้ำและหัวใจที่แหลกสลายกลับมายัง ‘เรือนเสน่ห์จันทน์’
ที่นี่เธอได้พบกับ ‘นางฟ้าน้อย’ พรายกุมารที่คอยช่วยเหลือ และปลอบโยนเธอจากความเศร้า
หัวใจของเธอได้รับการเยียวยาจนได้พบกับ ‘สารวัตรเขมินทร์’
ผู้ชายที่เปลี่ยนโลกทั้งใบของหญิงสาวไปตลอดกาล
ทว่าเงื่อนงำในเรือนเสน่ห์จันทน์ยังคงเป็นปริศนา!!!
ชีวิตของเธอแขวนอยู่บนเส้นด้าย
รอวันร่วงหล่นลงขุม ‘อวิชชา’ เลวร้าย
เธอ และ เขา จะก้าวผ่านมันไปได้หรือไม่...
ตึง!
หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงดังคล้ายอะไรบางอย่างกระแทกกับพื้น เมื่อเงยหน้าขึ้นจึงพบว่าตัวเองดำดิ่งกับการท่องโลกโซเชียลไปถึงสองชั่วโมง บัดนี้พระอาทิตย์ได้ลาลับหายไปแล้ว เป็นเวลาสนธยา ช่วงรอยต่อของกลางวันและกลางคืน บรรยากาศโดยรอบสลัวมองอะไรได้ไม่ชัดนัก
ตึง! ตึง! ตึง!
เสียงกระแทกดังขึ้นอีก ญาตาวีจึงเพ่งมองหาที่มาของเสียง พบว่าผู้ที่ทำเสียงดังก็คือยายของเธอนั่นเอง ยายกระแทกส้นเท้าหลายครั้งที่ตีนบันได ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกหรือน่าสนใจอะไรเพราะเธอเคยเห็นยายทำแบบนี้แทบทุกวัน จนกลายเป็นกิจวัตรของยายที่จะต้องกระแทกส้นเท้าที่ตีนบันได
ดาราสาวละความสนใจ กำลังจะก้มหน้าเล่นมือถือต่อ ทว่าเธอกลับได้ยินเสียงยายท่องคาถา
ท่าทางยายจะไม่เห็นว่าเธอนั่งอยู่ใต้ถุนเรือน!
“โอม มะอะอุ พรหมาประกาศิตให้ฤทธิ์กูมา ตอกมึงตรึงตรา ติดอยู่ใต้ตีนบันไดนี้ตลอดกาลนาน!”
ญาตาวีห่อไหล่เข้าหากัน รับรู้ได้ถึงลมเย็นยะเยือกจนขนอ่อนลุกชันไปทั้งตัว แม้จะเคยเห็นยายกระทืบเท้าที่บันไดขั้นสุดท้ายอยู่บ่อยๆ แต่เธอก็ไม่เคยได้ยินยายบริกรรมคาถาเช่นนี้มาก่อน มากสุดก็เห็นแค่เพียงยายทำปากขมุบขมิบเท่านั้น
“กูเกลียดมึง! กูขอจองเวรมึงไปทุกภพทุกชาติ! อย่าหวังว่ามึงจะได้ไปผุดไปเกิด ผู้หญิงแพศยาอย่างมึงจะต้องอยู่ใต้ส้นตีนกูไปตลอดกาล กูจะเหยียบย่ำร่างของมึง หัวใจของมึง วิญญาณของมึง ศักดิ์ศรีของมึงจมอยู่ใต้ตีนกู!” พูดจบยายเจิมจันทร์ก็สะบัดชายผ้าถุงแล้วก้าวขึ้นบ้านไปทันที
ญาตาวีได้แต่นั่งอึ้ง เป็นใบ้ไปชั่วขณะ รู้สึกคล้ายลมหายใจขาดห้วง