บทนำ
ที่บ้านหลังหนึ่งในย่านผู้ดีเมืองกรุง
“นี่คุณพ่อคุณแม่หลอกผมเหรอครับ !” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนและมองบุพการีด้วยแววตาไม่เข้าใจ “ทำไมต้องหลอกผมด้วย ผมนึกว่าคุณแม่ป่วยหนัก ผมตกใจแทบแย่จนต้องรีบกลับมา”
หนึ่งเหมันต์ รัชโยธิน ชายหนุ่มผิวขาวรูปร่างสูง ใบหน้าคมคายที่ใครได้เห็นก็ต้องมองจนเหลียวหลัง อกและแขนเต็มไปด้วยมัดกล้ามเพราะใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมานานจึงต้องเผาพลาญพลังงานที่ได้จากอาหารด้วยการออกกำลังกาย
“คุยกับแม่แกเองก็แล้วกัน เรื่องนี้พ่อไม่เกี่ยว แม่แกเป็นคนวางแผน” คุณวศินโยนปัญหาให้ภรรยาแล้วกางหนังสือบังหน้า
“ว่าไงครับคุณแม่” ชายหนุ่มมองมารดาตาเขม็ง
คุณพักตร์ภิรมย์ ผู้เป็นมารดามองหน้าลูกชายแล้วยกมุมปาก
“ก็ถ้าแม่ไม่ใช้วิธีนี้ลูกจะยอมกลับมาเมืองไทยเหรอ” พูดพลางเดินมาจับแขนลูกชายแล้วพาเขานั่งลง “พ่อกับแม่มีลูกคนเดียวและก็หวังอยากให้ลูกกลับมาช่วยดูแลธุรกิจของเรา แต่ลูกก็ไม่ยอมกลับมา ลูกไปอยู่ที่อังกฤษกับคุณอาตั้งแต่อายุสิบสอง พอเรียนจบมีงานทำก็ไม่คิดจะกลับมาช่วยงานพ่อแม่บ้างเลย ลูกทำงานช่วยคุณอาอยู่ที่โน่นสู้กลับมาช่วยพ่อกับแม่ไม่ดีกว่าเหรอ ลูกรู้ไหมว่าพ่อกับแม่ต้องเจออะไรบ้าง ธุรกิจของเรากำลังจะไปไม่รอด ตอนนี้เราเป็นหนี้ท่วมหัวทีเดียว ต่อให้ขายบ้านหลังนี้ ขายทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่เรามีก็ยังมีเงินไม่พอใช้หนี้เลย”
“หนี้เหรอครับ ! ทำไมไม่มีใครเคยบอกเรื่องนี้กับผมเลย”
“ก็พ่อกับแม่คิดว่าจะสามารถกู้สถานการณ์ได้ แต่มันกลับแย่ลงเรื่อยๆ ธุรกิจครอบครัวเราสืบทอดมาหลายชั่วอายุคน จะปล่อยให้มันพังในรุ่นของเราไม่ได้”
ชายหนุ่มกุมขมับทำหน้าปวดหัวแล้วพ่นลมออกจากปาก
“แล้วมาบอกตอนนี้ผมจะช่วยอะไรได้ เราขอยืมเงินคุณอาก่อนไหมครับ”
“ไม่ได้หรอกลูก เราต้องใช้เงินเยอะจะทำให้บริษัทของคุณอาขาดสภาพคล่องไปด้วย บริษัทคุณอาที่ต่างประเทศต้องมีทุนสำรอง เราอย่าไปเบียดเบียนให้เขาเดือดร้อนเลย”
“ถ้ามันไม่มีหนทางอื่น ผมก็จะสู้สักตั้ง ผมจะพยายามให้ถึงที่สุด”
“ดีจ้ะ เพราะตอนนี้พ่อกับแม่ต้องใช้เงินอีกเยอะและลูกเท่านั้นที่จะทำให้เรามีเงินมาหมุน”
“ผมเหรอ ?” เขาชี้หน้าตัวเองและมองมารดาด้วยแววตาตั้งคำถาม “ผมจะไปเอาเงินมาจากไหน”
“คู่หมั้นของลูกไง”
“อะไรนะครับ !” เขาผงะและมองมารดาด้วยแววตาตกใจ ส่วนบิดาเอาหนังสือบังหน้าท่าเดียว
“เงินทั้งหมดที่พ่อกับแม่ได้มาคือเงินของตระกูลพิมานมงคล แม่ต้องการให้ลูกไปทำหน้าที่คู่หมั้นเพื่อตอบแทนที่เขาช่วยเหลือเรามาตลอด ที่สำคัญตอนนี้คู่หมั้นของลูกกำลังเสียใจ หนูสองเราเพิ่งสูญเสียทั้งพ่อและแม่ไปพร้อมกัน คุณธนธรกับคุณธิดาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปทั้งคู่ ลูกต้องไปอยู่เคียงข้างน้องแล้วก็แต่งงานให้เร็วที่สุดเพื่อที่เราจะได้มีเงินมาหมุน นี่คือหนทางเดียวที่ธุรกิจของเราจะรอด”
ชายหนุ่มอ้าปากค้างแต่ก็รู้มาตลอดว่าตัวเองมีคู่หมั้นตั้งแต่เด็ก ผู้ใหญ่สองตระกูลหมั้นหมายจับคู่ให้ตั้งแต่เขายังจำความไม่ได้ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าปัจจุบันคู่หมั้นหน้าตาเป็นยังไง มารดาเคยส่งรูปเธอไปให้แต่เขาไม่เคยเปิดดูสักครั้ง เขาเจอเธอครั้งสุดท้ายตอนอายุสิบเอ็ดปี ภาพในความทรงจำของเขาคือเด็กหญิงฟันหลออ้วนจ้ำม่ำผิวขาวเหมือนตุ๊กตาพลาสติก เมื่อรู้ว่าถูกคลุมถุงชนและเรียนจบชั้นประถมศึกษาเขาก็หนีไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศกับอาทันที และสาเหตุที่ไม่ยอมกลับมาก็เพราะกลัวว่าต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้รัก ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะหนีชะตานั้นไม่พ้นและเหตุผลของการแต่งงานก็ช่างน่าอายนัก
“คุณแม่จะให้ผมบากหน้าไปหาเขาเพราะเรื่องเงิน ผมทำไม่ได้ ผมรู้สึกไม่มีศักดิ์ศรีหลงเหลือเลย ที่ผ่านมาผมไม่เคยติดต่อไปหาเขา อยู่ดีๆ ก็โผล่ไป ผมไม่รู้ต้องทำตัวยังไง แค่จะตีสีหน้าผมยังนึกไม่ออกเลย” พูดพลางกุมขมับหลับตาและจินตนาการเห็นคู่หมั้นในปัจจุบัน ป่านนี้คงจะอ้วนเป็นช้าง คางย้อยพุงห้อยเหมือนอึ่งอ่าง โอยไม่อยากจะคิด เขาส่ายหัวด้วยอาการรับไม่ได้