{- เรื่องสั้น -} - ย้อนเวลา...คืนความทรงจำ [End] Yaoi

เรื่องสั้น

{- เรื่องสั้น -} - ย้อนเวลา...คืนความทรงจำ [End] Yaoi

{- เรื่องสั้น -} - ย้อนเวลา...คืนความทรงจำ [End] Yaoi

บีดับเบิ้ลบิว

เรื่องสั้น

0
ตอน
3.79K
เข้าชม
54
ถูกใจ
6
ความคิดเห็น
11
เพิ่มลงคลัง

 

 

 

By บีดับเบิ้ลบิว

 

Timehop … ย้อนเวลาคืนความทรงจำ

 

 

Timehop 2 years ago

 

Guy Kawinpat

ร้ากกกก ร้ากกกเธอทั้งหมดของหัวใจ สิ่งเหล่านั้นเก็บไว้ข้างใน เธอได้ยินไหมคนดี ?

 

Tin Thiti

บอกกูหรอ ? หูย เขิน ><

 

Guy Kawinpat

ไอ้สัด ! กูร้องเพลงไหมล่ะ

 

Tin Thiti

ดาร์ลิ้งบอกรักเขาแบบนี้เขาเขินนะ >///<

 

Guy Kawinpat

ไอ้เหี้ยติณณ์ กวนตีน !

 

Mild Nittipan

เฮ้ยๆ สองคนนี้มาบอกรักอะไรออกสื่อ เดี๋ยวน้องๆ ได้กรี๊ดลั่นกับพอดี ฮ่าๆๆ

 

Guy Kawinpat

กูไม่ได้บอกรัก กูร้องเพลง มึงนี่ก็ ไอ้สัดติณณ์อย่าเงียบ มาแก้ข่าวเลย

 

Tin Thiti

อะไรหรอที่รัก จะแก้ทำไม เรารู้อยู่แก่ใจ

 

Guy Kawinpat

ไอ้สัดติณณ์ เรทติ้งกูตกหมด แม่ง !

 

Tin Thiti

ไม่เอาไม่นอกใจกูนะ ฮ่าๆๆๆ กูไปก่อนละ ดาร์ลิ้งงงงงง !

 

บางที เราก็อยากจะย้อนเวลากลับไปหาอะไรหลายๆ อย่างที่เราทำแล้วเรามีความสุข แต่อย่างว่าแหละครับ

 

 

เวลาไม่สามารถเอากลับมาได้

 

 

ดังนั้นสิ่งที่เหลือไว้ก็เป็นเพียงแค่ความทรงจำที่สวยงาม ความทรงจำที่ผมไม่อยากลืม ผมกำลังนั่งยิ้มด้วยความสุขเพียงแค่เห็นบทสนทนาของผมกับเพื่อนคนหนึ่งที่ผมไม่ได้คุยกันมา 2 ปีแล้ว ผ่านแอพลิเคชั่นในไอโฟนที่ชื่อ Timehop แอพที่ทำให้หลายๆ คนได้ย้อนกลับไปในช่วงเวลาหลายๆ ปีที่มีการอัพเดทผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในนั้น

 

 

หลายคนอาจจะชอบ

หลายคนอาจจะไม่ชอบ

หลายคนมีเรื่องที่ดีในนั้น

หลายคนอาจจะมีเรื่องที่ไม่ดีในนั้น

 

 

ดังนั้นแล้ว มันเป็นความรู้สึกที่หลากหลายของผมมากครับตอนนี้ที่มันประดังเข้ามา ทั้งมีความสุขที่ครั้งหนึ่งผมกับเขาได้คุยกันแบบสนิทแบบนั้น ทั้งเสียใจที่ตอนนี้ผมกับเขาไม่ได้คุยกันแบบสนิทแบบในตอนนั้น

 

ผมไม่รู้อะไรที่ทำให้ผมกับเขาไม่ได้คุยกันขนาดนี้ ผมเห็นแค่เขาผ่านหน้าไทม์ไลน์ของเฟสบุ๊ค ผมก็ไลค์เขาทุกอย่างที่เขาขึ้น แต่เหมือนว่าสังคมของผมกับเขาจะเป็นคนละแบบ และเป็นสังคมที่ผมไม่สามารถเข้าไปในนั้นได้ จึงเหมือนผมค่อยๆ เฟดตัวเองออกมาจากเขา

 

ผมไม่รู้ว่าเพื่อนของผมคนนั้นจะจำผมคนนี้ได้ไหม ผมไม่รู้ว่าเมื่อผมกลับไปเจอเขาอีกครั้ง ผมจะคุยกับเขายังไง ผมไม่มีคำถามอะไรในหัว แต่แค่ผมขอได้เจอเขาแล้วเขาคุยกับผมเหมือนเดิมผมก็พอใจแล้ว

 

 

ถ้าถามว่าทำไมผมถึงต้องมานั่งคิดถึงเพื่อนคนนั้น หลายคนอาจจะสงสัยไม่ต้องสงสัยหรอกครับ ด้วยความสนิทในครั้งนั้น มันส่งผลถึงความรู้สึกของผมที่มีต่อเขาในวันนี้ ผมไม่รู้ว่าทำไมตอนนั้นผมไม่บอกชอบเขาไป ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดกับผมทุกวัน หยอกล้อผมทุกวันเขาจะคิดกับผมมากกว่าเพื่อนไหม นั่นคือสิ่งที่ผมไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองไปมากกว่านี้เลย ทำให้ผมได้แต่เก็บความรู้สึกของตัวเองไว้ จนวันที่

 

 

ผมกับเขา เหมือนคนไม่รู้จักกัน

 

 

ผมจำได้ในวันส่งรุ่นพี่ ม.6 ซึ่งเป็นวันที่น้องๆ จะส่งพวกผมให้จบจากโรงเรียน ผมกับเขาอยู่คนละห้องแต่ทำกิจกรรมชมรมด้วยกันทำให้สนิทกัน ผมกับเขาไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยจนคนคิดว่าผมกับเขาเป็นแฟนกัน แต่ผมก็เอาแต่ปฏิเสธตลอดมาเพราะผมไม่อยากให้เขาคิดมาก

 

ผมจำได้แม่น วันนั้นเพื่อนคนนั้นเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับอ้าแขนทั้งสองข้าง

 

“กาย กูขอกอดหน่อย”ผมไม่ปฏิเสธถ้านั่นคืออ้อมกอดของเพื่อนที่จะแยกย้ายกันไป ผมไม่ลืมคำพูดของเขาเลยแม้แต่น้อย

 

“มึงอย่าลืมกูนะเว้ย เราอาจจะอยู่ในคนละสังคม แต่มึงรู้ไว้นะ มึงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกู”เพื่อนคนนั้นบอกกับผม ผมพยักหน้าพร้อมกับกระชับอ้อมกอดไว้ แล้วในใจคิดว่า

 

“กูขอโทษนะติณณ์ที่กูไม่สามารถบอกความรู้สึกของกูกับมึงได้ แต่มึงรู้ไหมว่า กูรักมึงมาก ทุกอย่างที่ได้ทำกับมึงมันมีค่ามากสำหรับกู กูมีความสุขทุกครั้งที่อยู่ใกล้มึง กูรักมึงติณณ์”แต่คำพูดที่ผมพูดกับเขาวันนั้น

 

“มึงก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกูเสมอนะเว้ย”ผมบอกแล้วผละออกจากร่างกายของเขา ก่อนที่เขาจะเดินไปหาเพื่อนคนอื่นๆ แต่เขาเดินกลับมาหาผมพร้อมกับยื่นกระดาษให้ผมไว้ใบหนึ่งที่มันอยู่ในซองจดหมายก่อนจะมองหน้าผม

 

“จดหมายลับ กูให้มึงเปิดตอนที่มึงมีแฟนแล้วเท่านั้นนะ ถ้ายังไม่มีแฟนห้ามเปิดนะเว้ย”ติณณ์บอกกับผม ผมก็มองอย่างงงๆ แต่ก็พยักหน้ารับ แล้วเขาก็เดินไป ทิ้งให้ผมยืนมองจอดหมายลับอันนั้นแล้วถอนหายใจ

 

“กูคงไม่มีทางได้เปิดมันแน่ๆ ว่ะ ติณณ์”ผมบอกแล้วยิ้มมุมปากก่อนจะเดินไปหาเพื่อนคนอื่น

 

 

แล้วมันก็เหมือนกับตอนนี้ที่ผมนั่งมองจดหมายซองนั้นที่อยู่บนโต๊ะข้างแมคบุ๊คสีขาวของผม ซึ่งผมกำลังเปิดหน้าไทม์ไลน์ของเฟสบุ๊คอยู่

 

 

Tin Thiti

วู้ววว วันนี้เจอกันไอ้เพื่อนยาก คืนสู่เหย้า ใครไม่มี กูเลิกคบ กับ ....

 

 

ผมอ่านสเตตัสของเขาแล้วยิ้มออกมาทันที เขาแท็กเพื่อนเยอะมาก แต่ในนั้นไม่มีผม ผมก็ได้แต่ถอนหายใจ สงสัยในความทรงจำของเขา คงจะไม่มีผมอยู่ในนั้นแน่ๆ ผมหันไปมองจดหมายที่อยู่ข้างๆ ตัวแล้วหยิบมันขึ้นมา วันนี้เป็นวันคืนสู่เหย้าของนักเรียนรุ่นผม ซึ่งเพื่อนๆ ในรุ่นมากันเยอะ จัดกันที่โรงเรียน ก็มีการรวบรวมเพื่อนกันเยอะแยะมากมาย ตอนแรกผมชั่งใจว่าผมจะไปหรือไม่ไปดี แต่ผมก็คิดว่าคงต้องไป เพียงเพื่อเหตุผลสองข้อ

 

 

หนึ่งผมอยากเจอเขาสักครั้งก่อนก่อนที่ผมจะตัดใจ

สองผมอยากจะคืนจดหมายนี้ให้กับเขาเพราะผมคงไม่ได้เปิดมันเพราะตอนนี้ผ่านมา 2 ปี ผมยังไม่ชอบใครสักคน ทุกครั้งที่มีคนมาจีบ ผมมักจะเอาไปเปรียบเทียบกับเขาเสมอ ใช่แล้วครับ ผมอยู่มหา’ลัย และผมก็ชอบผู้ชาย ผมรู้ว่ามันไม่ดี มันเป็นการปิดใจตัวเอง แต่จะทำยังไงได้ ก็ผมยังลืมเขาไม่ได้

 

 

ผมนั่งอ่านหน้าสเตตัสของเขาอีกครั้ง มีการพูดคุยกันอย่างสนุกสนานของกลุ่มเพื่อนของเขา ก็มีบทสนทนาหนึ่งที่ผมสนใจมาก

 

เพื่อน

ไอ้ติณณ์ มึงพาแฟนมาด้วยป่าววะ

 

Tin Thiti

แฟนไหน กูไม่มีแฟน

 

เพื่อน

เอ้า ก็คนที่ถ่ายรูปกับมึงบ่อยๆ ไง

 

Tin Thiti

ไอ้สัด นั่นเพื่อนในภาคกู

 

เพื่อน

เพื่อนหรือแฟน ไอ้สัด มึงหล่อแบบนี้ทำไมไม่แฟนวะ

 

Tin Thiti

เออ กำลังจะมีนี่แหละ กูตัดสินใจละ กูจะบอกกับเขา

 

เพื่อน

ฮิ้ววววว เขาสวยไหมวะ ? แล้วใครอ่ะ

 

Tin Thiti

มึงไม่เสือกสักเรื่องจะได้ไหม ไอ้แมน !

 

เพื่อน

ก็กูอย่างรู้ ว่าแต่มึงจะบอกเขาเมื่อไร ?

 

Tin Thiti

วันนี้แหละ กูว่าเขาต้องมางานนี้แน่ๆ

 

เพื่อน

ไอ้เหี้ย เพื่อนในรุ่นหรอ

 

เพื่อน 2

ครีม แน่ๆ ไอ้สัด มึงมันร้าย

 

Tin Thiti

ไอ้เหี้ยฟ่าง อย่าทำมาเป็นรู้ดี ไอ้สัด ! ฮ่าๆๆๆๆๆ

 

เพื่อน 2

ชัววววววร์

 

เพื่อน

เออ แน่ๆ ว่ะเห็นมึงกับเขาคุยกันทุกวันนี่

 

Tin Thiti

พอๆ กูขับรถละ เจอกันที่โรงเรียนนะพวกมึง

 

เพื่อน

บอกกูมาก่อนใช่ครีมไหม ไม่งั้นกูจะป่วนมึง

 

Tin Thiti

ตามที่พวกมึงสบายใจละกัน

 

ผมอ่านจบแล้วก็ถอนหายใจอีกครั้ง ที่แท้ติณณ์ก็ชอบครีมอยู่นี่เอง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่ครับ ครีมเป็นถึงดาวโรงเรียนของรุ่นผม แถมยังน่ารัก นิสัยดี เรียนก็เก่ง รู้สึกว่าตอนนี้จะเรียนหมอด้วยล่ะมั้ง

 

แต่ผมก็ไม่ได้เสียใจอะไรมากมาย เพียงแค่รู้สึกหน่วงเล็กๆ ในอกเท่านั้นเอง ก็ผมไม่ได้หวังนี่ครับ ผมจะผิดหวังทำไม ผมปิดหน้าจอแล้วปิดเครื่องพับหน้าจอลงแล้วลุกขึ้นส่องกระจกสำรวจตัวเองอีกครั้ง แล้วมองตัวเองในกระจก ก่อนที่จะก้มลงมองจดหมายซองนั้นก่อนจะพูดออกมา

 

“กลับไปหาคนส่งเถอะนะ ขอตีกลับจดหมายคืนแล้วกันนะติณณ์”ผมบอกแล้วยิ้มมุมปาก ผมตัดสินใจแล้วว่า ในเมื่อความทรงจำของผมมีแต่เขา แต่เขาไม่มีผมอยู่ในนั้น ผมก็สมควรคืนให้เขา แล้วเขาจะทำอะไรกับมันก็แล้วแต่เขา ผมไม่มีสิทธิ์อะไรทั้งนั้น

 

ผมออกจากห้องพักของตัวเองแล้วลงมาหน้าหอพักแล้วโบกแท็กซี่ซึ่งผมคิดว่าน่าจะทำเวลาได้ดีที่สุดแล้ว ผมแต่งสุดธรรมดา กางเกงยีนส์สีซีด เสื้อยืดสีขาวล้วนแขนสั้น แล้วทับด้วยเสื้อยีนส์แขนยาวพับแขนขึ้นรองเท้าผ้าใบคู่โปรด ตามสไตล์นักศึกษาเภสัชฯ ที่ชอบแต่วงตัวแบดๆ ฮ่าๆ

 

ตลอดทางที่นั่งรถมา ผมไม่คิดอะไรเลยนอกจาก เมื่อผมเจอหน้าติณณ์ผมจะเริ่มต้นด้วยคำพูดไหนดี เพราะรู้สึกผมกับเขาจะห่างกันไปมากจริงๆ แต่ผมก็ควรพูดไปตามที่ตัวเองอยากจะพูดแหละนะ ไม่รู้ว่ามันจะดีไหม แต่มันดีที่สุดแล้วในความรู้สึกผม

 

ใช้เวลาไม่นานผมก็มาถึงโรงเรียนเก่าของผมครับ โรงเรียนที่ผมคิดถึงตลอดเวลา ตลอด 6 ปีที่อยู่ที่นี่ผมมีความสุขมากๆ ความทรงจำของผมในทุกวันที่ผ่านไปมันสนุกและมีสวยงามมาก ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ครูและทุกๆ อย่าง ผมเดินอย่างช้าๆ จากหน้าโรงเรียนเพื่อผ่านหลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่างที่มันอยู่ในความทรงจำ ตั้งแต่ป้อมยาม สนามบอล ตึกประชาสัมพันธ์ ทุกที่ผมรอยเท้าของผมทั้งหมด ผมยิ้มกับทุกภาพที่เข้ามาในหัว

 

ก่อนที่ผมจะถึงหอประชุมของโรงเรียนที่เป็นสถานที่จัดงาน ซึ่งเพื่อนทั้งรุ่นมากันแล้วส่วนใหญ่ผมอาจจะมาถึงช้าไปด้วยซ้ำ ผมเดินเข้าไปลงทะเบียนทันที ทันทีที่ผมถึงโต๊ะลงทะเบียนเพื่อนที่นั่งอยู่กับทักทันที

 

“เฮ้ย ไอ้กาย ว่าที่หมอยาสุดหล่อ ไม่คิดว่าจะมีนะเนี่ย”เพื่อนผู้ชายของผมทักขึ้น ผมยิ้มแล้วมันก็เดินเข้ามากอดคอผม

“มึงมา ทำไมกูต้องไม่มาว่าไอ้สัดเทม”ผมบอกแล้วยิ้ม

“นั่นสินะ มาๆ ลงทะเบียนก่อน”มันลากผมไปลงทะเบียน

“อ่าว กายสบายดีไหม ?”เสียงหญิงสาวหวานๆ ทักผมขึ้น ผมเลยหันไปมอง

“อ่าวครีม เราสบายดี”ผมบอกแล้วยิ้มให้เธอ วันนี้เธอสวยมากครับ ผิวดีแล้วก็น่ารักมากด้วย “แล้วครีมล่ะ ?”

“เราก็สบายดี แต่ช่วงนี้เรียนหนักนิดหน่อย กายล่ะเป็นไงบ้าง เรียนเภสัชฯ นี่”ครีมถามผม

“ก็หนักๆ แหละช่วงนี้”ผมบอกแล้วยิ้ม ครีมก็พยักหน้า

“งั้นเดี๋ยวเราขอตัวก่อนนะ ดีใจที่ได้เจอกันนะ”ครีมบอกกับผม ผมพยักหน้าให้เธอก่อนที่เธอจะเดินออกไป ผมหันไปมองตามเธอ แล้วก็เห็นว่าเธอเดินเข้าไปหาคนที่ผมอยากเจอมากที่สุดแล้วครับ

 

 

          ติณณ์

 

 

ติณณ์ต่างโดนเพื่อนทุกคนเดินเข้าไปหาเพราะว่าเขาเป็นที่รักของเพื่อนๆ ในรุ่นพอสมควรเนื่องจากเป็นคนนิสัยดี แล้วก็แมนๆ ใจๆ มีเรื่องอะไรเขาก็พร้อมช่วยทุกคน ผมมองหน้าเขาที่ยืนหัวเราะกับเพื่อนอยู่ก็ยิ้มมุมปาก

 

 

“อย่างน้อย ก็มีความสุขสินะติณณ์”ผมพูดเบาๆ คนเดียว แล้วเดินเข้าในงานทันที ผมเดินมองหาเพื่อนผมอยู่ครับ ซึ่งตอนนี้มันอยู่ไหนยังไม่รู้เลย

 

“ไอ้กายยยยยย”เสียงเรียกผมดังขึ้นทำให้ผมหันไปมอง เพื่อนสนิทผมทั้งกลุ่มในห้องวิ่งเข้ามาแล้วกระโดดกอดผมอย่างกับไม่เจอกันมาเป็นชาติ

“โอ๊ยๆ เบาๆ หน่อยโว้ย กูหนัก”ไอ้คนที่เกาะผมอยู่เนี่ยคือไอ้มิกซ์ครับ เพื่อนที่ค่อนข้างกวนตีนแล้วก็สนิทกับผมมาก แล้วก็มีผู้หญิงอีกสองคน

“ไงมึง เรียนหมอยาแล้วดูมีราศีนะ”นีนเพื่อนหญิงคนแรงของตบไหล่ผมเบาๆ

“ดีๆ กูจะได้ไปเอายาฟรี”ไอ้มิกซ์พูด

“ไอ้สัดนี่ ร้านกูเจ้งพอดี”ผมบอกแล้วหัวเราะเบาๆ

“มึงเรียนให้จบก่อนเถอะไอ้มิกซ์ เกรดมึงน่าห่วงสุดๆ”ยิ้มบอกแล้วส่ายหน้า ที่เธอบอกแบบนี้เพราะว่าเป็นแฟนกับไอ้มิกซ์นั่นแหละครับ ซึ่งคบกันตั้งแต่เรียนมัธยม คบยาวจนจะจบมหาลัยละ ผมนับถือเลย

“จบอยู่แล้วน่า เค้าเก่งจะตาย”มิกซ์บอก

“เออๆ”ยิ้มบอกแล้วถอนหายใจ

“เอาน่า ถ้าไม่จบมึงก็เรียนรอมันสิยิ้ม”ผมตบบ่าเพื่อนผมเบาๆ แล้วหัวเราะ

“เออจริงนะมึง”นีนเห็นด้วย

“ไม่ค่ะ โนวเวย์”ยิ้มบอก ผมกับนีนเลยหัวเราะออกมา

“ป่ะๆ ไปนั่งกันเถอะ ไปคุยกันที่โต๊ะ”มิกซ์บอกแล้วลากพวกผมไปนั่งโต๊ะทันที ที่งานเลี้ยงเป็นโต๊ะจีนครับ ซึ่งผมก็นั่งกับเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่งที่เรียนห้องเดียวกัน บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเป็นไปอย่างสนุกสนาน ทุกคนคุยกันเหมือนไม่ได้เจอกันมานาน บนโต๊ะมีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ แน่นอนผมก็ยิ้มกับเขาด้วย มันสนุกนะครับที่ได้มาเจอเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานาน มิตรภาพที่เป็นมิตรภาพจริงๆ ไม่มีเสแสร้ง ไม่สร้างมันขึ้นมาเหมือนตอนเราโตขึ้น ทุกคนเข้าหากันเพื่อผลประโยชน์ ทำให้ผมไม่ค่อยอยากคุยกับใครสักเท่าไรในมหาลัย นั่นอาจจะเป็นอีกเหตุผลที่ผมไม่มีแฟน ฮ่าๆ

 

 

ตลอดระยะเวลาที่ผมนั่งคุยกับเพื่อนในโต๊ะผม ผมก็เหลือบมองติณณ์ที่นั่งอยู่ไม่ไกลเป็นระยะ เขาดูสนุกสนานมากกับการพูดคุยกับคนนั้นคนนี้ กับเพื่อนของเขาที่มีมากมาย แค่ผมเห็นรอยยิ้มของเขา ผมก็มีความสุขแล้วล่ะครับ ข้างๆ เขาก็คือครีมนั่นแหละ สงสัยจะชวนมานั่งด้วยกัน ผมเลยหัวเราะเบาๆ กับตัวเองที่คิดว่าข้างๆ กายของติณณ์อยากให้เป็นผมบ้าง

 

“หัวเราะอะไรของมึงวะ ?”ไอ้มิกซ์ถามผม

“อ่อ เปล่าๆ แค่คิดถึงเมื่อก่อนแล้วสนุกดีเนอะ”ผมบอกปัดๆ เพื่อนผมก็เห็นด้วย

“เออใช่”นีนบอก

“เมื่อก่อนโคตรสนุกอ่ะ”ยิ้มบอกแล้วหัวเราะออกมาแล้วก็พูดคุยกันถึงอดีตอีกครั้ง นี่สินะความทรงจำที่สวยงาม

“เดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”ผมบอกแล้วลุกขึ้นแล้วเดินออกมาทันที ที่ผมบอกไปเพราะว่าผมอยากจะออกมาสูดอากาศนะครับ ผมมองหน้าติณณ์แล้วคิดไม่ตกว่าจะเข้าไปคุยแล้วคืนจดหมายยังไงดี

 

 

ผมเดินออกมาหน้าประตูหอประชุมแล้วก็มองไปรอบ ผมมองขึ้นไปบนเสาธงที่ตระหง่านอยู่หน้าหอประชุม ถนนที่ผ่านรอบๆ นี้เป็นที่เข้าแถวของนักเรียนทุกชั้น ทุกเช้าจะมีนักเรียนมานั่งรออยู่รอบๆ ทุกวัน ซึ่งรอบถึงผมกับติณณ์ด้วย ตอนเช้าผมกับเขาจะมานั่งตรงนี้แล้วผมก็นั่งดูเขาเตะบอลกับเพื่อนๆ อยู่หน้าหอประชุม ซึ่งผมคิดแล้วก็อดยิ้มไม่ได้

 

ผมมองไปด้านซ้ายก่อนที่ผมจะมองไปที่ตึกเรียนข้างๆ ผมจึงเดินขึ้นตึกทันที ทุกห้องทุกชั้นเชื่อได้เลยว่ามันต้องมีรอยเท้าของผม ผมเดินไปเรื่อยๆ มองเข้าไปในห้องเรียนที่มีโต๊ะเรียนอยู่หนาแน่น ผมจึงเลือกเดินเข้าไปในห้องหนึ่งที่อยู่ชั้นสอง ซึ่งตอนที่ผมเรียน ตอนพักเที่ยงจะว่างอยู่ ผมก็จะมานั่งรอเรียนที่นี่แล้วติณณ์ก็เรียนห้องข้างๆ ผมกับเขาจึงไปกินข้าวแล้วก็มานั่งรอด้วยกัน ผมคิดถึงตรงนี้แล้วก็แปลกนะ เมื่อก่อนผมกับเขาอยู่ด้วยกันตลอด ขนาดเรียนคนละห้อง แต่ตัวติดกันมากๆ ผมก็เคยถามเขานะ

 

“เออติณณ์ ทำไมมึงไม่อยู่กับเพื่อนในห้องมึงวะ ?”ผมถาม

“ไม่เอาอ่ะ เบื่อ”เขาบอกสั้นๆ

“เอ้า มาอยู่กับกูแบบนี้ เหมือนมึงอยู่ห้องเดียวกับมึงเลยนะ”ผมบอกแล้วหัวเราะเบาๆ

“ได้อยู่ก็ดีดิ”ติณณ์พูดสั้นๆ แล้วล้มตัวลงนอน “กูไม่ชอบเพื่อนในห้องเลย มันเหมือนปั้นหน้าใส่กันยังไงไม่รู้ อยู่กับมึงสบายใจกว่า”เขาพูดแล้วหลับตาลงนอนข้างๆ ผมโดยเอาเก้าอี้มาต่อกัน ผมเลยพยักหน้า

“เออๆ เอาที่มึงสบายใจ”ผมบอก

 

ผมนั่งมองเก้าอี้ข้างๆ แล้วเอามือลูบเหมือนว่าติณณ์นอนอยู่ตรงนี้ ก่อนที่ผมจะยิ้มออกมาก่อนที่ผมจะลุกขึ้นแล้วก็เดินออกจากห้องเพื่อเดินดูไปทั่วตึก

 

ผมเดินลงมาจากตึกแล้วเดินไปที่สวนป่าของโรงเรียนที่มีต้นไม้สูงอยู่เหมือนป่าที่ให้ความร่มรื่นกับโรงเรียน ซึ่งมีโต๊ะม้าหินอ่อนอยู่ภายใน ผมค่อยๆ เดินเข้าไปแล้วเลือกนั่งโต๊ะที่ผมเคยนั่งประจำ ทุกครั้งที่รอเลิกเรียน ผมกับติณณ์จะต้องมานั่งรอกลับบ้านที่นี่เสมอ แล้วติณณ์ก็จะมาพร้อมกีตาร์เสมอ แล้วเขาก็เล่นอะไรของเขาไปเรื่อย ในขณะที่ผมนั้นอ่านหนังสือไปเรื่อยเปื่อย

 

“มึงๆ อยากฟังเพลงไร”ติณณ์ถามผม

“เพลงอะไรก็ได้เล่นมาเถอะ”ผมบอกทั้งที่ไม่ได้เงยหน้ามองหน้าเขาเลยแม้แต่น้อย

“งั้น...”

 

“รัก...รักเธอทั้งหมดของหัวใจ สิ่งเหล่านั้นเก็บไว้ข้างใน”ติณณ์ร้องเพลงไปพร้อมกับเกากีตาร์ไปด้วย นี่อาจจะเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเขาแล้วล่ะ

 

“มึงๆ ร้องกับกูดิ”ติณณ์สะกิดบอกผม ผมเลยถอนหายใจแล้วละสายตาจากหนังสือ

“จะร้องเพลงไร”ผมถาม

“เพลงนี้ๆ”แล้วเขาก็เกากีตาร์ไปผมก็รู้ทันทีว่าเพลงอะไร ก่อนที่กีตาร์จะเข้าจังหวะร้องผมก็อ้าปาก

 

“สองคนบนดาวที่กว้างใหญ่ ฉันเองไม่รู้ว่าเมื่อไร ที่เราได้เจอกัน...”ผมร้องเพลงไปพร้อมกับยิ้มหัวเราะไป ก็ผมไม่ใช่คนร้องเพลงเพราะมากแต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดเสียงน่าเกลียด

 

นี่เป็นอีกที่ที่ผมคิดถึงมันเสมอ ผมไม่รู้ว่าทำไมในความทรงจำของผมถึงมีติณณ์อยู่ทั้งหมดแบบนี้ นี่อาจเป็นอีกเหตุผลที่ผมไม่สามารถมีใครได้ก็ได้ เพราะทุกความทรงจำของผมมีแต่ติณณ์ ทุกที่ในโรงเรียนนี้มีแต่ผมกับเขา ผมคิดไม่ออกเลยว่าที่ไหมบ้างที่ไม่มีเขากับผม คิดถึงตอนนี้ผมว่าผมความรู้สึกช้าไป ถ้าผมรู้สึกเร็วกว่านี้ ผมอาจจะได้บอกความรู้สึกนี้ไปแล้วก็ได้ แต่ผมก็คิดไม่ออกว่าจนถึงตอนนั้นผมจะกลัวเหมือนตอนนี้หรือเปล่า

 

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วถ่ายรูปโต๊ะที่ผมนั่งอยู่ก่อนที่จะอัพลงเฟซบุ๊คของตัวเอง

 

 

Guy Kawinpat

ก็ยังคงเป็นความรู้สึกที่อยู่ข้างใน และจะเก็บมันไว้แบบนี้ตลอดไป ขอบคุณที่ทำให้ความทรงจำทุกอย่างที่คิดถึงมากสวยงาม มันจะอยู่ในใจตลอดไป – ที่ โรงเรียน...

 

 

ผมกดโพทส์แล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะว่าผมไม่ได้เป็นคนดังมากมายในเฟซบุ๊ค โพทส์ไปไลค์ก็ยังไม่ถึงร้อยหรอก ผมเลยนั่งซึมซับบรรยากาศไปเรื่อยๆ แต่ผมไปสะดุดอยู่ที่ใต้ต้นไม้แห่งหนึ่งผมจึงเดินเข้าไปแล้วหาไม้ข้างๆ มาขุดดูผมจำได้ว่าผมซ่อนของบางอย่างไว้ และมันอยู่จริงๆ ผมหยิบมันขึ้นมามันเป็นกล่องไม้เล็กอันหนึ่งที่ผมฝังเอาไว้ที่นี่ ผมแอบมาตอนที่ติณณ์ไม่อยู่ ซึ่งในกล่องนั้นเป็นรูปผมกับติณณ์ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน ผมหยิบมันขึ้นมาดูแล้วก็หัวเราะกับรูปทุกรูป

 

ที่ผมเลือกที่จะฝังมันไว้ที่นี่ เพราะผมอยากเก็บความทรงจำของผมกับติณณ์ไว้ที่แห่งนี้ ในเมื่อผมไม่สามารถที่จะไปอยู่ในความทรงจำของเขาได้ ผมก็ขอให้เขาเก็บไว้ที่นี่ก็พอ ผมก็ดีใจแล้ว ผมดูรูปไปเรื่อยๆ ก็เห็นรูปสุดท้ายที่ผมแอบถ่ายเขาไว้ตอนหลับ ก่อนที่ผมจะพลิกดูด้านหลัง

 

“รู้ไหม ?... แม้กูจะอึดอัดกับความรู้สึกตัวเอง แต่กูไม่เคยอึดอัดที่อยู่กับมึงเลยติณณ์ กูโคตรมีความสุข”

 

 

ผมอ่านความรู้สึกตัวเองที่เขียนลงไปแล้วได้แต่ยิ้มกับตัวเอง แม้แต่ตอนนี้ผมก็มีความสุข แม้เขาจะทิ้งความทรงจำระหว่างเราไปแล้วตาม มันมีความสุขมากจริงๆ

 

 

“ไม่คิดว่าจะมีคนอยู่ที่นี่ด้วย”เสียงคุ้นกูของผมดังขึ้นผมเลยรีบปิดกล่องไม้นั้นแล้วหันไปดู แล้วผมเดาไม่ผิด ติณณ์เดินเข้ามา สีหน้าดูมีความสุขพร้อมกับรอยยิ้ม ผมยิ้มไม่กว้างมากแล้วซ่อนกล่องไม้ไว้ข้างหลัง

“อ่าวติณณ์ มาได้ไง”ผมรู้ว่ามันเป็นคำถามโง่ แต่มันก็ดีที่สุดแล้วในความคิดผม ผมใจเต้นแรงมาก ไม่คิดว่าเขาจะเดินเข้ามาแบบนี้

“ก็เดินเข้ามาดิ”เขาตอบ นั่นแหละสไตล์เขา

“อ่อ นั่นสิเนอะ”ผมพูดอย่างเขินๆ แล้วเอามือข้างขวาเกาหัวตัวเอง “แล้ว...ไม่อยู่ในงานเหรอ”ผมถามอีกครั้ง

“แค่อยากมาเดินเล่นเบื่อๆ”เขาบอกแล้วเดินไปนั่งที่ม้าหินอ่อนที่ผมเพิ่งลุกขึ้นมา

“เบื่อด้วยหรอ เห็นคุยกับคนอื่นสนุกออก”ผมพูดโดยที่ยืนอยู่ที่เดิม

“ก็สนุกแหละ แต่ไม่ได้เป็นคนที่อยากคุยด้วยจริงๆ”ติณณ์พูดแล้วมองหน้าผม “แล้วไปยืนทำไมตรงนั้น ไม่มานั่งล่ะ”เขาถาม

“เอ่อ...ก็กำลังจะไปนั่งไง”ผมค่อยๆ เดินไปในขณะที่ซ่อนกล่องนั้นไว้ บางทีผมก็คิดนะว่าอยากจะให้เขาดู แต่ผมตัดสินใจแล้วว่าผมจะเก็บมันไว้คนเดียว เขาจะได้ไม่ต้องมาห่วงความรู้สึกที่มันจะเข้ามาทีหลังอีก

“สบายดีป่ะ”หลังจากเงียบอยู่สักครู่เขาก็ถามขึ้นมา

“ก็...สบายดี ติณณ์ล่ะ?”ผมหันไปมองหน้าแล้วพยายามทำหน้าให้ปกติที่สุด

“ก็สบายดี”เขาบอกแล้วเราก็เงียบอีกครั้ง “เรียนเป็นไงบ้าง”เขาถามอีกครั้ง

“ก็หนักอยู่”

“อยู่แล้วล่ะ เภสัชฯ นี่เนอะ”เขาบอก

“อืม”ผมพยักหน้า แล้วผมกับเขาก็ต่างคนต่างเงียบ ผมเข้าใจแล้วว่าระยะเวลากับความห่างไกลมันทำให้คนสองคนที่เคยสนิทกันมากเหมือนเป็นคนเพิ่งรู้จักกันได้ขนาดนี้จริงๆ ผมนั่งมองไปรอบๆ อย่างเรื่อยเปื่อย จะลุกออกไปก็ไม่กล้า

“เราว่าเราออกมาจากงานนาน...แล้วเราขอตัว...”

“คิดถึงเนอะ”อยู่ดีๆ เขาก็พูดขึ้นมาผมเลยชะงักแล้วนั่งกลับไปตามเดิม “คิดถึงโรงเรียน คิดถึงครู คิดถึงเพื่อน คิดถึงทุกที่”ผมนิ่งฟังไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้หวังว่าเขาจะพูดว่าคิดถึงผมออกมา

“อืม คิดถึงมากๆ เลยล่ะ”ผมบอกแล้วก้มหน้ายิ้มอย่างมีความสุข ที่ผมคิดถึง คือผมคิดถึงติณณ์ครับ

 

 

“คิดถึงติณณ์มากๆ”

 

 

ผมได้แต่พูดประโยคนั้นในใจเพราะไม่คิดจะพูดออกมา

 

“คิดถึงทุกอย่างเลยหรอ ?”ติณณ์หันมาถาม ผมก็พยักหน้า

“อืม”

“เราก็คิดถึงทุกอย่าง แต่มีอย่างหนึ่งที่เราคิดถึงสุดๆ เลยล่ะ”เขาพูด ผมเลยเลิกคิ้ว

“อะไรล่ะ...?”ผมถาม ติณณ์ก้มหน้าแล้วยิ้มหัวเราะเบาๆ รอยยิ้มแบบนี้นานแค่ไหนแล้วนะที่ผมไม่ได้เห็น จำได้ครั้งสุดท้ายที่เห็นก็เมื่อนานมาแล้ว

 

“เราคิดถึงคนที่เคยนั่งร้องเพลงกับเราตรงนี้ทุกเย็น”

 

 

อึก ! เหมือนวินาทีนั้นโลกของผมหยุดหมุนไปชั่วขณะ เสียงทุกเสียงไม่ได้เขาสู่โสตประสาทของผม ไม่มีลมพัดใดๆ เขามากระทบร่างกาย นี่ติณณ์กำลังบอกว่าคิดถึงผมอย่างนั้นหรอ แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมาที่ผมกับเขาไม่ได้คุยกันทำไมเขาไม่ทักผมมาบ้างเลย

 

“อะ...อะไรนะ ?”ผมถามเสียงติดๆ ขัดๆ

“เราคิดถึงคนที่อยู่ข้างๆ เราตอนนี้มากๆเลย”ติณณ์พูดกับผมแล้วยิ้มออกมา ทำให้ผมหน้าแดง

“อ่อ”

“แค่นั้นหรอ กายไม่คิดถึงเราเลยหรอ ?”ติณณ์ถามเหมือนรู้สึกผิดหวัง

“คิดถึงสิ คิดถึงมาก คิดถึงมากๆๆๆ คิดถึงจนต้องเดินไปทุกที่ในโรงเรียนที่เราเคยทำอะไรด้วยกัน จนมาอยู่ตรงนี้ไง”ผมบอกออกไปทันทีและรวดเร็ว ติณณ์เลยยิ้มออกมา “แต่...”

“อะไรหรอ ?”ติณณ์เลิกคิ้ว

“ทำไมไม่ทักทายกันบ้าง”น้ำเสียงผมเหมือนน้อยใจผมรู้ แต่มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ตอนนี้ผมรู้สึกถูกดึงกลับไปสู่อดีตเหมือนที่เราเคยทำอะไรด้วยกัน

“เราขอโทษ”ติณณ์บอกสั้นๆ แต่ผมไม่ได้โกรธติณณ์เลยแม้แต่น้อย

“เราไม่ได้โกรธ แค่อยากรู้ว่าทำไมไม่ทักทายกันบ้าง รู้ไหมว่าเราอยากทักติณณ์นะ แต่เหมือนว่าเราถูกอะไรบางอย่างกั้นไว้”ผมบอกไปตามความรู้สึก

“ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากคุยกับกายนะ แต่เหมือนตอนนั้นเราสนุกมากกับชีวิตใหม่ในมหาลัย เราเลย...”

“ลืมเรา”ผมบอกด้วยน้ำเสียงที่น้อยใจ

“แต่มันก็เป็นช่วงนั้นนะ พอหลังจากนั้นเราก็คิดถึงกาย แต่พอจะทักก็ไม่กล้าเพราะเหมือนว่ากายก็มีอะไรต้องทำเหมือนกัน”ติณณ์บอกกับผมด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด และไม่มองหน้าผม

“รู้ไหม เราอ่ะไม่เคยโกรธติณณ์เลยแม้แต่ครั้งเดียว ถ้าติณณ์อยากคุยกับเราแค่ทักเรามา เราก็ตอบติณณ์เสมอ เหมือนเมื่อก่อนที่ติณณ์คุยอะไรกับเราทุกเรื่องไง”ผมบอกแล้วยิ้มให้เขาอย่างจริงใจ ติณณ์มองหน้าผม

“ขอบคุณนะที่ไม่ลืมเรา”ติณณ์บอก

“จะลืมได้ไงล่ะ”ผมยิ้ม “อ่อติณณ์ เราเอาของมาคืน”ผมคิดได้จึงหยิบจดหมายนั้นออกมาแล้วก็ยื่นให้ ติณณ์มองแล้วรับไปก่อนจะเงยหน้าผมงงๆ

“คืนเราทำไม นี่กายยังไม่ได้เปิดหรอ”ติณณ์ถาม

“อืม ก็ติณณ์บอกว่าพอมีแฟนถึงให้เราเปิด แต่เราไม่เคยมี แล้วก็ไม่คิดจะมีด้วยก็เลยเอามาคืน”ผมบอกแล้วยิ้ม

“แล้วทำไมไม่อยากมี”

“เรา...”ผมหันไปมองหน้าติณณ์ที่กำลังตั้งใจฟังคำตอบ “เราไม่อยากทิ้งความทรงจำกับคนๆ หนึ่งไว้ข้างหลัง”ผมบอกแล้วหลบหน้าติณณ์ทันที โดยเป็นฝ่ายติณณ์ที่เงียบไป

“แล้วติณณ์ล่ะ บอกชอบเพื่อนคนนั้นหรือไง เห็นว่าจะมาบอกชอบนี่”ผมถามเพื่อนให้ติณณ์ลืมเรื่องที่ผมพูด ติณณ์หันมามองหน้าผม

“กำลังจะบอก”ติณณ์บอก

“เขาต้องดีใจแน่เลย ถ้าติณณ์บอกไป”

“ไม่รู้สิ เราหวังว่าจะเป็นแบบนั้น”เขายิ้มอย่างอายๆ

“ให้เราช่วยไหม ?”ผมถามพร้อมกับเสนอตัวให้

“ช่วยเราได้จริงหรอ ?”

“จริงสิ บอกเรามาเลยว่าจะให้ช่วยอะไร”ผมกระตือรือร้นถาม

“งั้น...ช่วยเปิดจดหมายนี้แล้วอ่านให้เราฟังหน่อย”ติณณ์บอกกับผมแล้วยื่นจดหมายมาให้ผม

“อะไรนะให้เปิด...”ผมชี้ไปที่จดหมายติณณ์ก็พยักหน้า ผมเลยรับมาแล้วก็มองหน้าติณณ์อีกครั้ง ผมเลยถอนหายใจ ไหนบอกว่าให้ผมเปิดตอนที่ผมมีแฟนแล้ว “อ่านให้ฟังด้วย”ผมหันไปมองหน้าติณณ์อีกครั้งก่อนที่จะอ่านจดหมายที่เป็นลายมือของติณณ์เอง

 

 

“กาย ถ้ามึงเปิดอ่านจดหมายของกูแสดงว่ามึงมีแฟนแล้ว กูดีใจกับมึงด้วยนะเว้ย ที่มึงมีแฟนสักที ถึงแม้ว่ากูจะเสียใจก็ตาม ที่กูเสียใจไม่ใช่อะไรหรอกนะ กูเสียใจที่กูไม่มีโอกาสได้บอกความรู้สึกของกูให้มึงได้ฟังตรงๆ สักที ทุกวันๆ ที่กูอยู่กับมึง ที่กูแกล้งบอกรักมึง รู้ไหมว่าลึกๆ แล้วมันเป็นความรู้สึกจริงๆ ของกูเอง ทุกๆ วันกูอยู่กับมึงมีความสุขมากเลยนะเว้ย แต่มึงไม่มีท่าทีคิดกับกูเกินเพื่อนเลย แต่กูก็ไม่เสียใจนะ อย่างน้อยกูก็ได้อยู่กับมึง กูรู้ตลอดเวลาที่กูอยู่กับมึง ทำตัวติดมึง มึงอาจจะรำคาญ แต่กูอยากอยู่กับมึงจริงๆ แล้วก็กูไม่อยากเห็นมึงมีแฟน กูเลยต้องกันท่าทุกคน แต่วันหนึ่งกูกับมึงต้องแยกย้ายกันไป กูก็ทำใจแล้วว่ามึงต้องเจอคนใหม่ๆ แน่นอน กูเลยเขียนจดหมายขึ้นเพื่อได้บอกความรู้สึกของกูเอง กูเขียนเพื่อบอกว่า

 

          กาย...กูรักมึงนะ รักมากกว่าเพื่อน รักมาตลอด ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันกูมีความสุขทุกครั้ง แม้มึงจะคิดกับกูแค่เพื่อนก็ตาม กูไม่รู้ว่าเมื่อไรกูจะลืมความรู้สึกกับมึงที่มากกว่าเพื่อนได้ แต่กูสัญญากูจะรักมึงแบบนี้ตลอดๆ รักมึงที่สุด กายเพื่อนรัก”

 

 

ผมอ่านจดหมายจบก็หันไปมองหน้าติณณ์ที่นั่งมองหน้าผมอยู่พร้อมกับยิ้มมาให้ผม ตอนนี้ผมไม่รู้จะพูดยังไงครับเพราะความรู้สึกมันกันไปหมด มันทั้งดีใจที่ผมกับติณณ์รู้สึกเหมือนกัน แต่ก็เสียใจที่เราสองคนมารู้ความรู้สึกของกันและกันช้ากันมาก แต่ก็ยังโชคดีที่ต่างคนต่างไม่มีใคร ผมเลยน้ำตาคลออยู่ที่เบ้า

 

“ไม่รู้ว่าเขาจะดีใจหรือเปล่านะ”ติณณ์พูดออกมาแล้วยิ้มกว้าง ผมเลยพับกระดาษแล้วมองหน้าเขาก่อนจะยิ้มออกมา

“เราว่า เขาดีใจมากเลยล่ะ”ผมบอกแล้วหัวเราะออกมา ติณณ์ลุกขึ้นแล้วมายืนอยู่ตรงหน้าผมก่อนจะนั่งยองๆ ข้างหน้า

“กาย มันอาจจะช้าไปหน่อยสำหรับคำนี้นะ แต่มันก็คงยังไม่สายไปใช่ไหมที่เราจะบอกว่า เราชอบกายนะ ชอบมาตลอด ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันกับกายเรามีความสุขมากๆ มันจะช้าไปไหมถ้าเราจะบอกว่า...”ติณณ์มองหน้าผมแล้วยิ้มกว้างอย่างเขินอาย

 

 

“คบกันไหม ?”

 

 

ผมยิ้มกว้างกับคำคำนั้นก่อนจะหยิบกล่องไม้ที่ซ่อนไว้ออกมาแล้วก็หยิบรูปที่ผมดูเป็นรูปสุดท้ายขึ้นมา แล้วยื่นให้ติณณ์

 

“อ่านข้างหลังดิ”ผมบอก ติณณ์เลยอ่านแล้วมองหน้าผม “เราอ่ะชอบติณณ์มานานแล้ว”ผมบอกแล้วยิ้มกว้าง ติณณ์ก็ยิ้มกว้าง

“งั้น...”ติณณ์จับมือผมทั้งสองข้าง

“บางทีการที่เราได้ย้อนความทรงจำกลับไปมันก็ดีเหมือนกันนะ”ผมบอก

“คบกับเรานะ”ติณณ์ถามบอก ผมเลยพยักหน้า “จริงๆ นะ”ติณณ์ถามอีกครั้ง

“จริงดิ”ผมบอกแล้วหัวเราะ แต่เร็วเท่าความคิด ติณณ์พุ่งหน้าเขามาจูบผมอย่างรวดเร็ว ทำให้ผมรู้สึกร้อนที่ใบหน้าแล้วมองหน้าติณณ์ที่ยิ้มทะเล้นอยู่

“รู้ป่ะ...อยากทำแบบนี้มานานแล้ว ในที่สุดก็ได้จูบสักที”ติณณ์บอกกับผมแล้วก็หัวเราะดัง ผมรักรอยยิ้มของเขาที่สุด ติณณ์มองหน้าผมอีกครั้ง

 

 

“ติณณ์รักกายนะ”

“กายก็รักติณณ์เหมือนกัน”

 

ผมบอก ผมไม่รู้ว่าผมจะมีความสุขแบบนี้แค่ไหน แต่ผมรู้ว่าผมได้ติณณ์กลับมาแล้ว กลับมาในฐานะที่ไม่ใช่เพื่อน แต่เป็นคนที่มากกว่าเพื่อน

 

“ขอบคุณที่รอติณณ์นะ ติณณ์สัญญาว่าจะรักกายเหมือนตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน”ติณณ์บอกกับผม

“ครับ”

“สองปีที่แล้วเราอาจจะคุยกันในฐานะเพื่อน แต่ถ้าเกิดเรากลับมาอยู่ตรงนี้อีกครั้งในปีหน้า แสดงว่าเรากลับมาที่เดิมในฐานะแฟนนะ”ติณณ์บอกกับผมแล้วส่งสายตาหวานและมีความสุขมากให้ผม ผมรับมันมาด้วยหัวใจที่มีความสุขที่สุด อย่างน้อยการย้อนเวลากลับมาครั้งนี้มันก็เป็นการย้อนเวลาที่หอมหวานและมีความสุข ผมไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอะไรได้ แต่ผมกับติณณ์เราจะเดินต่อไปข้างหน้าด้วยกันอย่างมีความสุข

 

 

Timehop

 

1 year ago

 

Tin Thiti

กลับมาในที่เดิม แต่ความรู้สึกไม่เหมือนเดิม ขอบคุณที่รอนะครับ รักมากๆ – กับ Guy Kawinpat

รูป

 

 

“ติณณ์ๆ ดูดิ หนึ่งปีแล้วอ่ะ”

“อืม เร็วเนอะ”

“อืมๆ”

“แต่จะผ่านไปกี่ปี ติณณ์ก็รักกายนะครับ ฟอดดดด”

“รู้แล้วน่า นี่ก็หอมแก้มจัง”

“ก็รักอ่ะ ไม่หอมแฟนจะให้หอมใคร”

“ครับๆ”

 

 

 

คุณลองคิดถึงความทรงจำที่สวยงามสิครับ เราย้อนกลับไปไม่ได้ แต่เราสามารถคิดถึงสิ่งที่สวยงามในขณะนั้นได้ แล้วคุณ จะยิ้มเหมือนกับผม

 

_______________________________________________________________________________________

เป็นเรื่องสั้นคั้นเวลานะครับ หวังว่าทุกคนจะสนุกและมีความสุขกับเรื่องนี้

สำหรับน้องพาร์ท รอก่อนน้าาาาาาา

 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว