บทนำ
ฉันน่ะ...ไม่ใช่ผู้หญิงเข้มแข็งอย่างที่ใครๆ เขาเห็นหรอกนะ แต่ถ้าหากฉันแสดงส่วนที่อ่อนแอออกมา ฉันก็ไม่อาจจะอาศัยอยู่บนโลกใบนี้ได้โดยที่ไม่มีเสียงร้องไห้
ฉันชื่อ ไป่ไหม พ่อของฉันตายตั้งแต่อยู่ ป.4 แม่ของฉันทำงานเป็นเลขาฯ ตั้งแต่นั้นมาแม่ก็ทำแต่งาน จนลืมว่ายังมีฉันนั่งรอทานข้าว รอเป่าเค้ก รอให้แม่กลับบ้าน ไม่นานแม่ก็แต่งงานใหม่ โดยที่ไม่ได้บอกกล่าวฉันสักคำ แม่มาหาฉันปีละไม่ถึงสามครั้ง ส่วนมากเราจะคุยกันในโลกออนไลน์ เพราะแม่ไม่มีค่อยมีเวลาว่าง เมื่อสามปีก่อนแม่ย้ายฉันมาอยู่บ้านใหม่ ใกล้กับที่เรียนของฉัน มีบ้าน มีเงินใช้ไม่ขาด แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ ความรัก ความอบอุ่นจากแม่ต่างหากที่ฉันต้องการ
เช้านี้ฉันเปิดประตูรั้ว เดินออกจากบ้านปกติ
แกร๊ก!! แอ๊ด แกร๊ก!!!
เสียงปิดประตูบ้านฝั่งตรงข้ามดังขึ้น ที่นี่เป็นบ้านรั้วติดกัน ประตูบ้านตรงข้ามกัน ถนนค่อนข้างคับแคบ ทำเป็นทางพอเดินและรถเข้าออกได้เท่านั้น ซอยนี้ไม่ค่อยลึก มีบ้านอีกสี่หลังถัดจากฉัน ส่วนที่สำหรับจอดรถจะอยู่ด้านหน้าหมู่บ้าน พอเดินอีกเก้าสิบก้าวก็ออกจากซอยเป็นถนนใหญ่แล้ว
ฉันมองชายสวมแว่นเลนส์หนา ร่างสูงโปร่ง หุ่นสมาร์ท เขากำลังมองมาที่ฉันเช่นกัน ฉันได้แต่ยิ้มแหยๆ ให้เขา
"หวัดดีค่ะ ย้ายมาอยู่ใหม่เหรอ"
เขาพยักหน้าเบาๆ หนึ่งครั้งแล้วเดินสะพายกระเป๋าออกจากซอยไป ฉันมองตามเขาแบบงงๆ ไม่เข้าใจเขาเหมือนกันนะว่าเขาเป็นใบ้รึเปล่า แต่ฉันว่าคงไม่หรอก เพราะหน้าตาก็ออกจะดูดี เอ...ทำไมน้า~ ชีวิตฉันถึงชอบมีแต่สิ่งแปลกๆ คนแปลกๆ เข้ามาในชีวิตจัง
วิทยาลัยอาชีวะศึกษา
วันนี้เป็นเป็นวันเปิดเรียนวันแรก มีพี่ๆ น้องๆ หน้าใหม่มากมาย บ้านของฉันอยู่ไกลแค่ไม่ถึงกิโลเมตร ฉันจึงเดินเท้ามาโรงเรียน เพราะสะดวกและระหว่างทางมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย เช่น ร้านหนังสือนิยายไงล่ะ ฮ่าๆๆ
แต่เหมือนฟ้าอดที่จะแกล้งฉันไม่ได้ เพราะขณะที่ฉันกำลังจะก้าวเข้าประตูโรงเรียน..
พลั่ก!! ตุ๊บ!!!
ก้นฉันกระแทกลงกับพื้นอย่างจัง เมื่อกี้มีใครบางคนวิ่งมาชนฉันอย่างแรง ไม่รู้ว่าจะรีบไปไหน ฉันเงยหน้าขึ้นมองตาขวาง
ชายร่างสูงผมสีชา ดวงตาสีน้ำตาลเข้มยื่นมือมาให้ฉันจับ พร้อมกับทำหน้าตาแบกโลกอีกด้วย
'เหอะ ถ้าไม่เต็มใจฉันลุกเองก็ได้ย่ะ!!!'
ฉันถีบตัวเองให้ลุกขึ้น แล้วเก็บกระเป๋าขึ้นมา โดยไม่สนใจเขาเลยสักนิด เจริญล่ะชีวิตนี้ เจอแต่คนแปลกๆ เขาถอนหายใจฟึดฟัด แล้วใช้มือข้างที่ยื่นมาให้ฉันเข้าไปล้วงกระเป๋ากางเกงแทน
"ไม่เป็นไรแล้วสินะ" ชายผมสีชาถามฉันด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เลย
ฉันเพียงแค่ส่ายหน้าเบาๆ เท่านั้น
"เหอะ!" หมอนั่นสบถแล้วเดินเข้าโรงเรียนไป
-ไอ้บ้าเอ้ย!!' ฉันอยากตะโกนตามหลัง แต่คนเยอะเกินไป แค่นี้ฉันก็เป็นเป้าสายตาไปเยอะแล้ว ขออย่าให้เราเจอกันอีกนะ...เพี้ยง!!!
"ไป่ไหม!!!" ตะโก้เดินเข้ามาหาฉันพร้อมกับยัยน้ำฟ้าที่ถือของกินเต็มมือมาด้วย ไม่รู้ว่ากินหมดได้ยังไง?
"ว่าไงสหาย เราเข้าเรียนกันเถอะ"
"เดี๋ยว" ตะโก้ติดไฟแดงซะงั้น
"คนเมื่อกี้ใคร"
"รุ่นพี่ปวส. ปี1 มั้ง ไม่เคยเห็นหน้า" ฉันตอบตามความคิด
"ฉันเห็นเขาชนเธอด้วย"
"ฉันไม่เป็นไร"
"ไม่เป็นไรแล้วก็เข้าเรียนกันเถอะ" ยัยน้ำฟ้าขัดขึ้นพลางสวบเครปไปคำใหญ่
***********************
บริษัท สกาย ทู ทัวร์
15:34 น.
ชายหญิงวัยกลางคนกำลังทะเลาะกันเสียงดังในห้องทำงานสุดหรู แม้จะทำด้วยผนังอย่างดี ก็ไม่อาจกั้นเสียงของทั้งสองคนไว้ได้ พนักงานที่อยู่ข้างนอกต่างตาเหลือกหูตั้ง ยิ่งกว่าตั้งใจทำงานซะอีก
"ใช่สิ! ผมมันไม่ดีพอที่จะรั้งคุณไว้หรอก!!"
"นี่คุณ อย่าตะคอกใส่ฉันแบบนี้นะ ฉันแค่ไปเยี่ยมลูกของฉัน วันสองวันฉันก็กลับ!!"
"ไปเยี่ยมลูก ผมบอกแล้วไงว่าให้ยัยหนูมาอยู่กับเราก็ได้!!"
"คุณจักรภพ ฉันบอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่งกับครอบครัวของฉัน!!!!"
"งั้นต่อจากนี้เราไม่ใช่ครอบครัวกันอีกต่อไป อ้อ...ไม่สิ เราไม่เคยเป็นครอบครัวเดียวกันเลยต่างหาก!!!"
"ใช่ เราไม่เคยเป็นครอบครัวเดียวกันเลยสักครั้ง!!!"
เพี๊ยะ!!!
เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าอย่างจัง จักรภพมองป่านแก้วอย่างเหลือเชื่อ เขาไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น
"คุณ.." ป่านแก้วตัวสั่นระริก มือหนึ่งลูบบนใบหน้าเบาๆ ดวงตาที่กำลังแดงก่ำกำลังมีน้ำตาค่อยๆ หยดมาทีละหยด เธอมองชายวัยสี่สิบด้วยสายตาที่ไม่ต่างจากจักรภพเลยสักนิด
"ฉันขอโทษนะคะที่ทำให้คุณโกรธ ต่อไปนี้ฉันจะไม่กวนใจคุณอีกต่อไป"
ป่านแก้วคว้ากระเป๋าสตางค์ของตนแล้วเดินลิ่วออกไป
เธอเอ่ยประโยคสุดท้ายก่อนปิดประตู
"ดูแลตัวเองดีๆ นะคะ" เสียงพูดปนเสียงสะอื้นเล็กน้อยทำให้จักรภพนิ่งไปกว่าเดิม
ป่านแก้วปิดประตูไปแล้ว จักรภพยังคงยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหวใดๆ น้ำตาเริ่มไหลจากดวงตาเรื่อยๆ เขาควรจะทำอย่างไรดี
ป่านแก้วเก็บข้าวของที่จำเป็นบางอย่าง แล้วขับรถที่ซื้อมาจากน้ำพักน้ำแรงของเธอเองออกไปจากบ้านหลังนั้น.
"ลาก่อน คุณจักรภพ"
***วิทยาลัยอาชีวะศึกษา***
"คะแม่"
["แม่จะกลับบ้านเย็นนี้นะลูก"]
"แม่มีปัญหาอะไรรึเปล่าคะ ทำไมเสียงของแม่ถึงเป็นแบบนั้น"
["เปล่าจ้ะ"]
"..."
["แม่จะซื้อกับข้าวที่ลูกชอบไปให้ด้วยนะ ลูกอยากได้อะไรรึเปล่า"]
"ไม่ค่ะ....ค่ะแม่....เดินทางปลอดภัยค่ะ"
ฉันวางโทรศัพท์ลง ทุกอย่างตรงหน้าดูเฉยชาไปหมด ทำไมนะ...ทั้งๆ ที่เรารู้ว่าที่เรากำลังทำอยู่มันเจ็บปวด แต่เราก็ยังทำมันอยู่ ฉันไม่ชอบเลยเวลาที่แม่โทรมาหาฉันด้วยน้ำเสียงแบบนี้ ฉันเคยขอให้แม่เลิกกับเขา...แต่ไม่เป็นผล แม่บอกว่า..สักวันฉันจะเข้าใจเอง
"เป็นอะไรรึเปล่าไหม" ยัยน้ำฟ้าจับไหล่ฉันไว้เบาๆ
"สงสัยแม่ฉันจะทะเลาะกับพ่อเลี้ยงอีกแล้วว่ะแก" ฉันก้มลงมองปลายเท้า เพื่อกั้นน้ำตาที่จะไหลออกมาให้ได้
"เฮ้ยแก..ใจเย็นๆ" ยัยน้ำฟ้าขยับเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้น มีสองคนนี้อยู่ด้วยแล้ว ฉันรู้สึกมีกำลังใจอย่างบอกไม่ถูก เหมือนยัยน้ำฟ้ากับตะโก้เป็นต่อมความสุขยังไม่รู้
"แม่ป่าน อาจจะกำลังซ้อมละครอยู่ก็ได้น้าา~"
โป๊กกก!!!
"โอ๊ย!!!" ตะโก้ร้องเสียงหลง เพราะโดนยัยน้ำฟ้าเขกมะกอกไปแรงๆ หนึ่งที
"ฟ้า แกเขกหัวฉันทำไมวะเนี่ย"
"นี่ โก้ นายน่าจะเอาส่วนสูงมาต่อเซลล์สมองตัวเองบ้างนะ"
"เอ้า ก็ฉันเห็นพวกเธอเครียดๆ อยู่นี่"
ฉันลุกขึ้นสะพายกระเป๋า เพราะเห็นว่าใกล้ถึงเวลาที่แม่จะมาถึงแล้ว
"แม่ฉันจะกลับเย็นนี้ ฉันว่าฉันกลับบ้านไปรอแม่ดีกว่า"
"ให้ฉันไปส่งนะไหม"
"ไม่เป็นไรฟ้า ฉันโอเค"
**ระหว่างทางเดินกลับบ้าน**
ฉันเดินร้องไห้มาตลอดทาง ใช้แขนเสื้อปาดน้ำตาจนเปียกชุ่ม เหมือนทำนบกั้นเขื่อนแตก ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับฉันมันผุดขึ้นมาในเวลาเดียวกัน ในที่สุด...ฉันเลยกลั้นมันไม่ไหวอีกต่อไป
ตึกๆๆๆๆ
เสียงฝีเท้าของคนเดินเข้ามาใกล้ฉันเรื่อยๆ ฉันพยายามรีบเดินให้เร็วที่สุดเหมือนกัน
แถวนี้เป็นถนนรกด้วยวัชพืชขึ้นสูง และไม่ค่อยมีคนผ่านไปมาด้วยสิ!!
"นี่!!"
เสียงใครคนหนึ่งดังมาจากข้างหลังฉัน
"หยุดวิ่งก่อนสิ" ฉันปาดน้ำตาออกแบบลวกๆ คงไม่ได้เป็นพวกโรคจิตหรอกนะ
เสียงเขาเดินเข้ามาใกล้ฉันเรื่อยๆ จนกระทั่ง
"เอ้า นี่ เช็ดน้ำตาออกดีๆ สิ ใช้แขนเสื้อเช็ดแบบนั้นมันไม่สะอาด รู้มั้ย" ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กถูกยื่นมาทางไหล่ขวาของฉัน ฉันหันหลังไปมองคนข้างหลังพลางสะอื้นนิดๆ ก็ฉันยังร้องไห้อยู่นี่
"ขอบคุณค่ะ" ฉันรับผ้าเช็ดหน้ามาจากเขา คนที่ฉันเจอที่หน้าบ้านเมื่อเช้านี้เอง
"ฉันเพิ่งรู้นะว่าฉันมีเพื่อนบ้านขี้แยแบบนี้"
"คนที่เสียใจ ถ้าไม่ร้องไห้จะให้หัวเราะรึไง" ฉันเช็ดน้ำตาไปด้วย คำพูดของฉันมันจึงปนเสียงสะอื้น แต่แปลกนะ ที่ฉันรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
"เอาสิ หัวเราะเลยสิ"
"จะบ้าเหรอไง" ฉันหลุดเสียงหัวเราะออกมาจนได้ เขาทำได้ยังไงกันนะ
"เห็นมั้ย เธอทำได้" เขายิ้มกว้างให้ฉัน จากชายหน้าตึงผู้แสนเย็นชาเมื่อเช้า ตอนนี้กลายเป็นคนละคนไปเลย
"ฉันว่า เรากลับบ้านกันเถอะ" 'เรา..งั้นเหรอ'
"แต่ฉันยังไม่รู้จัก..."
"ออ...เรียกฉันว่า 'พี่ไม้' ละกัน"