'ฉันเกลียดหิมะ'
ค่ำคืนที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวบริสุทธิ์จนหนาตา ปรากฏร่างชายหนุ่มผู้ซึ่งเหม็นคาวไปด้วยกลิ่นอายของสารมึนเมานานาชนิด นั่งพ่นควันบุหรี่ขึ้นฟ้าราวกับเขากำลังคิดว่าควันเหล่านั้นคือเรื่องไม่ดีที่เข้ามาให้เขาเผชิญ และพ่นมันให้ล่องลอยหายไปในอากาศ
สีหน้าราบเรียบไร้อารมณ์เหม่อมองเกล็ดหิมะที่ค่อยๆตกลงมาใส่ตัวเขาอย่างเฉยชา....
'เขาเกลียดหิมะ'
'เขาเกลียดสีขาวโพลนของหิมะ'
'เขาเกลียดความเย็นของหิมะ'
'เขาเกลียด....ความบริสุทธิ์ของหิมะ'
หิมะ มันทำให้เขานึกถึงความทรงจำทีี่ไม่ว่าเขาจะพยายามผนึกมันไว้ ในส่วนที่ลึกที่สุดของจิตใจ แต่ภาพจำเหล่านั้น กลับปรากฏเด่นชัดขึ้นมาทุกครั้ง ที่เขามองเห็นมััน....
'เซธ! หนีไป!! ไม่ต้องห่วงฉัน ไม่ต้องหันกลับม---!'
เสียงเด็กชายคนหนึ่งดังก้องอยู่ในหัวของเขา ตามด้วยเสียงกัมปนาทของธนูเหล็กที่ช่วงชิงสิ่งสำคัญสิ่งเดียวที่เขามีไป
นัยน์ตาสีเขียวสดราวมรกตกรอกกลับไปมองยังต้นเสียงอย่างเสียไม่ได้ แต่ก่อนที่เขาจะมองเห็นผู้ที่ทำการลั่นไกออกมา ร่างของเด็กชายอีกคน ก็ล้มกระเด็นจมลงไปในพื้นหิมะหนาเตอะ
ปุยหิมะสีขาวถูกแต่งแต้มไปด้วยสีแดงชาดเป็นดวงๆ ราวกลับดอกไม้สีแดงที่เบ่งบานท่ามกลางทุ่งสีขาวพิสุทธิ์
'ไมล์?!!!!'
เสียงกรีดร้องจากเด็กชายอีกคนดังขึ้น แต่ไม่มีแม้เวลาจะเข้าไปจดจำใบหน้าสุดท้ายของเพื่อน เหล่าคนใจร้ายก็แหวกม่านพายุหิมะไล่ตามเขามาติดๆ
ช่างน่าเสียดาย เด็กชายตัวน้อยต้องรีบกุลีกุจอหนีหัวซุกหัวซุนเพื่อปกป้องชีวิตน้อยๆของตน
ช่างน่าสงสาร ที่มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น ที่สามารถรอดออกมาจากนรกอันหนาวเหน็บนั่นได้
ช่างน่าเวทนา เด็กชายผู้ใสซื่อที่ไม่กล้าแม้จะสังหารเป้าหมายตามที่ถูกไหว้วาน ได้เติบโตมาเป็นเด็กหนุ่มที่คลุ้งไปด้วยคาวกิเลส และราคะ
'เซธ รากัน รูเพิร์ต'
ทั้งหมดนั่นคือนามของเขา เด็กหนุ่มผู้ซึ่งไร้นามสกุลนั่งอยู่เคียงคู่เครื่องทำมาหากินที่เขาใช่มันเป็นเครื่องมือระบายโทสะไปก่อนหน้านี้ไม่นาน
ชีวิตของเขามันช่างไร้ค่าราวกับหนูสกปรกข้างทาง ที่ถึงแม้จะรอดออกมาจากสถานการณ์ปางตายสักกี่ครั้ง มันก็แทบไม่ต่างกันเลยจากการตายทั้งเป็น ด้วยชีวิตที่ไม่มีค่าควรสำหรับการอยู่รอดแบบนี้ กลับต้องใช้หลายชีวิตเพื่อแลกมา มันช่างเป็นเรื่องตลกร้ายเสียจริง
'สู้ให้วันนั้น เป็นเขาที่ตายแทนไปเสียยังจะดีกว่า'
เด็กหนุ่มที่ยังคงติดอยู่ในภวังค์ของตน มิได้รู้เนื้อรู้ตัวเลยว่าตนกำลังถูกลุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวโดยเด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่ง แต่จะให้เรียกว่าพื้นที่ส่วนตัวคงไม่ถูกนัก เพราะแท้จริงแล้ว เขาเพียงแค่วิ่งหลบหนีความผิดที่ตนพึ่งก่อมาอยู่ที่ตรงนี้เพียงเท่านั้น
ตรอกเล็กๆ.... ที่ไร้ผู้คนสัญจร ไร้ซึ่งแสงสว่างจากดวงจันทร์ มีเพียงเด็กหญิงตัวน้อยพร้อมกับร่มที่ใช้ป้องกันความหนาวเหน็บจากเบื้องบน และเด็กหนุ่มที่คละกลิ่นบุหรี่จนเหม็นหืน
ช่างสว่างไสว เด็กหญิงผู้ปรากฏตัวพร้อมร่มสีม่วงไม่เพี๊ยนไปจากร่องรอยฟกช้ำบนร่างกายของอีกคนยืนทอดกายเล็กๆมองอีกฝ่ายด้วยแววตาประกายไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เส้นผมหยักศกยาวจนแทบลงไปลากกับพื้น ส่องแสงสว่างไสวเมื่อสะท้อนกับแสงที่อยู่ภายนอก ตรอกอับแสงนี่
เสื้อผ้าตัวหลวมสีขาวพิสุทธิ์ไร้รอยด่าง เข้ากันได้เป็นอย่างดีกับรองเท้าบูทคู่หนาที่เธอสวมอยู่
รอยยิ้มอันเจิดจ้าปรากฏขึ้นบนใบหน้าจิ้มลิ้ม นัยน์ตาสีโอปอล์แวววาวราวกับมีใครทำอัญมณีหล่นไว้ มองมาที่เขาราวกับกำลังทักทาย
หากว่าเขายังคงเลื่อมใสในศาสนาอยู่ล่ะก็ คงอดคิดไม่ได้ว่าพระผู้เป็นเจ้าได้ทรงส่งทูตสวรรค์ตัวน้อยลงมาโปรดเขาให้ออกจากความมืดมิด
ความสว่างไสวและบริสุทธิ์ไม่ต่างกับหิมะรอบๆตัวเขาของเด็กหญิง มันทำให้เขาอดมองอยู่เฉยๆโดยไม่เอ่ยสิ่งใดได้อีกต่อไป
"มีอะไร? เวลานี้เด็กตัวเท่าเธอเขาเข้านอนกันหมดแล้วไม่ใช่หรือไง"
เด็กหนุ่มเอ่ยกับเด็กหญิงตัวน้อยที่เดินเข้ามาหาตนโดยไร้ความเกรงกลัวใดๆ มือน้อยยกขึ้นชี้มายังบุหรี่ในมือของเขา ก่อนที่เสียงเล็กจะถูกเปล่งออกมาทำลายความเงียบ
"นั่นคืออะไรหรอ?"
วัตถุทรงกระบอกขนาดเล็กที่มีควันออกมาจากตรงปลาย แต่อีกฝั่งกลับแตะกับริมฝีปากกระด้างของอีกฝ่าย มันช่างแปลกใหม่และน่าฉงนสำหรับเด็กหญิงตัวน้อยอย่างเธอนัก
เด็กหนุ่มชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะเลิกคิ้วพร้อมเลื่อนใบหน้าของตนเข้าไปใกล้เด็กหญิงตัวน้อยอย่างพิจารณา รอยยิ้มเจ้าเล่ห์กระตุกขึ้นมุมปาก เขาพ่นควันออกมาใส่เด็กหญิงพลางพูดเหน็บแนมอย่างไร้มารยาท
"ที่บ้านคงเลี้ยงมาดีมากเลยสินะ ถึงไม่รู้จักบุหรี่"
เสียงเล็กไอสำลักกลิ่นเหม็นจากควันบุหรี่จนน้ำตาคลอ แต่เด็กหญิงตัวน้อยก็ช่างเข้มแข็งเกินกว่าจะร้องไห้ให้กับเรื่องแค่นี้ต่างกับเด็กคนอื่นๆ เธอหันกลับไปยังชายหนุ่ม ก่อนจะชี้ไปยังวัตถุบางอย่างที่เธอไม่รู้จักข้างๆตัวเขา
"แล้วอันนั้นคืออะไรหรอ?"
แววตาใสซื่อมองข้ามการกระทำอันไร้มารยาทของอีกฝ่ายไป พร้อมทั้งยังคะยั้นคะยอคำตอบจากเด็กหนุ่มจนเจ้าตัวไม่สามารถหลีกเลี่ยงความเอาแต่ใจของร่างเล็กได้ ฝ่ามือกร้านบดขยี้บุหรี่ในมือลงกับพื้น ก่อนจะคว้าเอาสิ่งที่เด็กหญิงสนใจขึ้นมา
"มันคือกีตาร์ไฟฟ้า เธอไปอยู่ไหนมาถึงไม่รู้จักแม้กระทั่งเครื่องดนตรีแค่นี้"
เด็กหญิงทวนคำพูดของอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ เธอคงอยากทำความเข้าใจกับเครื่องดนตรีที่เรียกว่า กีตาร์ไฟฟ้า มากจนเต็มแก่
เด็กหนุ่มจึงจัดการบรรเลงเพลงง่ายๆให้เด็กหญิงได้ฟังไขข้อสงสัย ถึงแม้เครื่องดนตรีคู่ใจของเขาจะมีรอยเปื้อนสีแดงจางๆที่ถูกเช็ดออกไปอย่างลวกๆ และสภาพที่ค่อนข้างชำรุดของมัน แต่เพลงที่ถูกบรรเลงออกมา ก็ไม่ได้ถูกบั่นทอนความไพเราะลงไปเลย
คงเป็นเพราะความสามารถของเด็กหนุ่มที่แม้เครื่องดนตรีจะชำรุด แต่เขาก็สามารถบรรเลงมันออกมาได้อย่างตราตรึง
"ว้าว~"
เสียงปรบมือดังขึ้นจากฝ่ามือเล็ก พร้อมแววตาสดใสที่มองตรงมายังเขาอย่างเลื่อมใส ช่างไร้เดียงสาเสียจริง
"แค่นี้ถึงกับต้องดีใจขนาดนั้นเลยรึไง? เท่านี้จะกลับบ้านไปนอนได้รึยังล่ะหืม?"
เขามองเด็กหญิงที่ยืนมองมาอยู่ตรงหน้าพลางเอ่ยถามตามประสา แต่คำตอบของเด็กหญิงกับทำให้เขาจุกในอกอย่างไม่ทราบสาเหตุ
"มาร์ตี้ดีใจที่คุณยักษ์ยิ้มต่างหาก คุณยักษ์ยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อได้เล่นเครื่องดนตรีชิ้นนั้น"
เธอยิ้ม รอยยิ้มนั้นมันช่างชวนจั๊กจี้หัวใจอันด้านชาของเขาเหลือเกิน เขายิ้มหรอ ยิ้มอย่างมีความสุขอย่างนั้นหรอ ช่างน่าขัน เรื่องแบบนั้นมันจะเป็นไปได้อย่างไร ก็แค่คำพูดของเด็ก ช่างไร้แก่นสารเสียจริง
"คุณยักษ์ทิ้งเรื่องไม่ดีออกไปได้แล้วนะ ตอนนี้ก็มีความสุขได้แล้วล่ะ"
มือเล็กยกขึ้นปัดละอองหิมะที่ตกลงมาเกาะเส้นผมของเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่กับพื้นเบื้องหน้าอย่างแผ่วเบา
อุ่น.... ช่างอุ่นเหลือเกิน เป็นเพียงแค่ฝ่ามือเล็กจ้อยแท้ๆ แต่ทำไมมันช่างอุ่นเหลือเกิน
นัยน์ตาสีมรกตเหลือบลงไปมองสิ่งไม่ดีข้างตัวที่เขาบดขยี้มันทิ้งไปกับมือ ก้นบุหรี่ น่าสมเพชที่เขาถูกเด็กตัวเล็กๆถอนหงอกตั้งแต่ตนยังไม่ทันแก่
"มาร์ตี้ชอบให้คุณยักษ์ยิ้มนะ มาร์ตี้ชอบให้คุณยักษ์มีความสุข"
เธอยื่นร่มในมือออกมา ก่อนจะส่งร่มคันนั้นต่อไปให้กับเด็กหนุ่มตรงหน้า ตอนนี้ความหนาวเหน็บจากเบื้องบน ไม่สามารถทำอะไรเขาได้อีกแล้วเมื่อมีร่มคันนี้
คุณยักษ์? เด็กหนุ่มชันตัวลุกขึ้นเต็มความสูง มันก็จริงอยู่ที่เขาสูงกว่าคนอื่นขึ้นมาหน่อย แต่ว่าตลอดการสนทนา เขาเอาแต่นั่งมาตลอด.... รึว่าเด็กหญิงตรงหน้านี้ จะเห็นเขามาก่อนกันนะ
"ใกล้ได้เวลาที่หม่าม๊าจะกลับแล้ว มาร์ตี้ต้องรีบกลับบ้านแล้วล่ะ บ๊ายบายนะคุณยักษ์"
ร่างเล็กรีบวิ่งจากไปบนเส้นทางสีขาว โดยที่ไม่รอคำร่ำลาจากอีกฝ่าย เด็กหนุ่มได้แต่ชะงักค้างอยู่อย่างนั้น ตอนนี้เขากลับมาอยู่คนเดียวอีกครั้ง กับร่มสีม่วงที่มันไม่ได้เข้ากันกับเขาเลย
"มาร์ตี้...."
นั่นคือชื่อสินะ.... หวังว่าเราจะได้พบกันอีก นางฟ้าตัวน้อย