“เอ้า” คนปากเสียยื่นน้ำมะตูมหอมอ่อนๆให้เธอ “ดื่มเสีย”
หญิงสาวรับมาอย่างพินอบพิเทาจนเกินพอดีในสายตาของศิขรินทร์ ท่าทางโหดห้าวในวันนั้นของเธอยังตราตรึง มองเส้นสายอ่อนหวานบนใบหน้าเธอ ดวงตากลมโตอ่อนหวาน ปากจิ้มลิ้มละเลียดดื่มน้ำมะตูมเผยรอยยิ้มจางๆเม็ดเหงื่อผุดพรายจากใบหน้า ไหลซึมลงสู่ปลายคาง ลับหายไปในคอเสื้อเชิ้ต ชายหนุ่มสะบัดหน้าหนีเมื่อรับรู้ถึงความคิดของตนว่าอาจจินตนาการในทางให้โทษสำหรับหญิงสาว
“ขอบคุณค่ะ” คนไม่รู้ตัวว่าหน้าหวานๆของตนเขย่าใจคนมองส่งยิ้มให้เขาอีกคำรบ เท่านั้นศิขรินทร์ก็หูแดง เบือนหน้าหนีเดินกระแทกเท้าออกไปนอกออฟฟิศ ทำเอาโพยมถึงกับงง ท่าทีเขาเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายจนตามไม่ทัน
“มัวรออะไรอยู่ ยังไม่รีบตามมา!”
หญิงสาวร้องอ้อเบาๆวางแก้วน้ำมะตูมลงช้าๆค่อยๆเดินสามขาไปหาเขาอย่างทุลักทุเล สายตาคมกริบนั้นกวาดมองขาเจ้าปัญหาของเธออย่างขัดใจ แต่เมื่อสบตาหวานๆนั้นก็อ่อนลงอย่างเผลอตัว
“รู้ว่าเจ็บ ยังไม่ยอมพัก”
“ฉันอยากตอบแทนคุณ… อ๊ะ!”
ท้ายเสียงขาดหายเมื่อศิขรินทร์ยกร่างบางขึ้นอุ้มในวงแขนแกร่ง ดวงตาเขาทอประกายอ่อนโยนขณะสุ้มเสียงก็อ่อนลง
“ปล่อย!” หญิงสาวเสียงแข็ง ดวงตาที่ว่าหวานก็วิบวับเอาเรื่อง แต่ศิขรินทร์หรือจะสน ชายหนุ่มพาเจ้าหล่อนไปถึงรถกระบะโฟร์วีลคันสูงของตัวเรียบร้อย คนที่แข็งทั้งตาทั้งเสียงรีบเอื้อมมือจับไหล่เขาทันควันเมื่อพ่อเลี้ยงหนุ่มแสร้งปล่อยมือ
“อย่าปล่อย!”
“อ้าว ปล่อยหรือไม่ปล่อยกันแน่คุณ”
โพยมเม้มปากแน่น สะบัดหน้ามองข้ามไหล่เขา ตั้งใจจะไม่สนคนตรงหน้า แต่โชคร้ายที่พักเที่ยงแบบนี้ คนงานส่วนใหญ่พากันเดินขบวนไปโรงอาหาร แล้วเขากับหล่อนก็ยืนอุ้มยึกๆยักๆกันอยู่บนออฟฟิศยอดเขา กลายเป็นจุดรวมสายตาโดยปริยาย
“ปล่อย!” หญิงสาวขึงตาดุหน้าร้อนผ่าว เขาปล่อยเธอลงข้างรถช้าๆ กำชับเสียงนุ่มไม่รู้ตัว
“นั่งดีๆ”
หญิงสาวผละห่าง มุดเข้ารถทั้งหน้าแดงก่ำ ถ้าศิขรินทร์จะเห็นอย่างที่สายตาใครหลายคนเห็น เขาคงจะประหลาดใจที่ตัวเองพูดจานุ่มนวล สายตาอ่อนโยนได้ขนาดนี้
โพยมต้องแต่งงานล้างหนี้ให้กับเสี่ยภาวิต เจ้าพ่อเงินกู้ผู้ทรงอิทธิพล คืนเข้าหอเธอจับเจ้าบ่าวขึงผืดแล้วหนีมา ถูกไล่ล่าจนพบเจอกับ...คนที่เธอตามหามาทั้งชีวิต
คนที่เธอยอมกระทั่งแต่งงานกับเสี่ยภาวิตเพื่อให้ได้เบาะแสของเขา
แล้วเธอจะถอดใจกับแค่ความปากหมาของพ่อเลี้ยงศิขรินทร์น่ะหรือ ไม่มีทาง!
ภูโพยม
โพยมเป็นคนช่างจินตนาการ หญิงสาวมักจะเปรียบเทียบผู้คนกับดอกไม้ชนิดต่างๆ สำหรับพ่อเลี้ยงศิขรินทร์หรือคุณภูนั้น ไม่ทราบว่าจะนิยามเขาด้วยดอกไม้ชนิดไหน ไม้ประดับประเภทใด คนอย่างเขาคงเป็นเหมือนหินสักก้อนกระมัง หินแกร่งก้อนใหญ่สีดำสนิทที่ดึงดูดสายตาที่สุดในสวน ตระหง่านอยู่ตรงน้ำตกจำลองคอยให้สายหมอกจางๆอย่างเธอพักพิง
ศิขรินทร์ ฤทธิประเสริฐ
พ่อเลี้ยงไร่ภูเชียงคำ พ่อเลี้ยงเถื่อนๆผู้มีอิทธิพล เป็นคนประเภทตาต่อตา ฟันต่อฟัน
เหตุผลที่ให้โพยมพักที่ไร่คือ 'อย่าเรียกว่าสงสาร เรียกว่าเวทนาจะดีกว่า'
สายหมอก โพยม วรรณรัศมิ์
ผู้หญิงที่บอกกับพ่อเลี้ยงศิขรินทร์ว่าเธอแค่มาลี้ภัยจากเสี่ยบ้ากาม แต่ศิขรินทร์ไม่โง่พอจะเชื่อ