ชิวฟางซิน ตำนานรักโลกไม่ลืม

จีน

ชิวฟางซิน ตำนานรักโลกไม่ลืม

ชิวฟางซิน ตำนานรักโลกไม่ลืม

Evil_Qiu

จีน

6
ตอน
4.17K
เข้าชม
44
ถูกใจ
6
ความคิดเห็น
29
เพิ่มลงคลัง

 

ชิวฟางซิน คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลคหบดีชื่อดังแห่งเมืองโหลว เมืองหลวงของแคว้นฮุ่ย  คุณหนูน้อยต้องดิ้นรนหาเลี้ยงตัวเองตั้งแต่อายุเพียง 5 ปี หลังมารดาเสียชีวิตลงเพราะหยางลี่หง สตรีใหม่ที่บิดาพาเข้ามาอยู่ที่จวนช่างพยายามทำให้คุณหนูใหญ่ของจวนค่อยๆไร้ตัวตนไปแทบทุกๆวัน จนในวันหนึ่งขณะที่นายท่านใหญ่สกุลชิว ชิวอิ๋นถาง ต้องเดินทางไปตรวจดูร้านค้าของตระกูลที่แคว้นอื่น   หยางลี่หงจึงวางแผนขับไล่ให้เด็กน้อยต้องย้ายไปอยู่ที่กระท่อมท้ายจวน  โดยการอ้างว่าเด็กน้อยมาลักเอาปิ่นของนางไป  จึงจัดการลงโทษให้เด็กน้อยกับแม่นมและสาวใช้คนสนิทต้องย้ายไปรอรับการลงโทษยามนายท่านใหญ่กลับมา   โดยอ้างกับทุกคนว่าที่ต้องทำเช่นนั้นก็เพื่อป้องกันไม่ให้มีข้าวของอะไรต้องโดนขโมยอีก ในทุกๆวันหยางลี่หงก็กลั่นแกล้งจากเรื่องเล็กๆ เช่นอาหารการกินที่แทบจะเรียกได้ว่ามันคืออาหารหมูชัดๆ จนเวลาผ่านไปได้สามเดือนการกลั่นแกล้งก็เริ่มหนักขึ้นถึงขนาดตัดการช่วยเหลือทุกอย่าง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเงินทองค่าใช้จ่ายใดๆ เพราะมันไม่เคยมีแม้แต่สักอีแปะเดียวที่จะกระเด็นมาถึงกระท่อมร้างท้ายจวนแห่งนี้    

  

เสี่ยวหลิงสาวใช้คนสนิทที่คอยดูแลคุณหนูใหญ่มาตั้งแต่ยังแบะเบาะจึงตัดสินใจออกไปรับจ้างหางานข้างนอกทำเพื่อจะได้มีเงินไว้ซื้ออาหารให้กับคุณหนูของตน  ส่วนแม่นมฉางนั้นก็คงต้องให้คอยอยู่เป็นเพื่อนคุณหนูไปในกระท่อมร้าแห่งนั้นคอยปลูกผักเล็กๆน้อยๆประทังชีวิตกันไป   และในวันหนึ่งระหว่างที่แม่นมเผลอหลับกลางวัน ฟางซินก็แอบมุดรั้วออกไปแอบดูโลกที่ด้านนอก  ออกไปแค่ไม่เท่าไหร่ก็ได้เห็นขอทานชราที่นั่งอยู่กับพื้นถนน  เนื้อตัวเหม็นสกปรกเอามากๆ แต่ก็ยังคงมีคนที่เดินผ่านไปมาอดเวทนาไม่ได้ก็โยนเศษเงินลงมาให้ตรงหน้า  บ้างก็โยนหมั่นโถวแปะลงไปใกล้  ทั้งที่มันแสนจะสกปรกแต่ยาจกชราผู้นั้นก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไรเขารีบคว้าเจ้าก้อนขะมุกขะมอมนั้นขึ้นมากัดกินอย่างรวดเร็ว ฟางซินเผลอนั่งยองๆเท้าคางลงมองอย่างพยายามคิดหาทางออกกับชีวิตต่อจากนี้ไป  ภาพเด็กน้อยตากลมโตนั่งมองขอทานนั่งกินหมั่นโถวอย่างไม่กระพริบตาก็ไปสะกิดใจบุรุษผู้หนึ่ง  เด็กน้อยหน้าตามอมแมมผมยุ่งเหยิงที่สวมเสื้อผ้าที่ดูแทบจะเป็นผ้าขี้ริ้วได้อยู่แล้วนั้นช่างมีแววตาที่เฉลียวฉลาดยิ่งนัก  เขานึกเอ็นดูขึ้นมานิดหน่อยจึงคิดแบ่งปันขนมที่มีไปให้  คนติดตามของเขาที่เห็นเจ้านายหันมาสบตาแล้วมองไปที่ร่างมอมแมมตรงหน้าก็รู้จุดประสงค์ของเจ้านายได้ทันที  จึงเดินปรี่ไปตรงหน้าเด็กขอทานตัวน้อยแล้วยื่นห่อขนมไปยัดใส่มือให้   ฟางซินที่กำลังตกใจเงยหน้าขึ้นมองทันทีที่อยู่ๆก็มีคนมายัดห่อกระดาษใส่มือให้  กำลังคิดจะวิ่งตามไปคืนของให้แต่ชายขอทานที่นั่งอยู่รีบเอ่ยออกมาให้รีบเก็บซ่อนเอาไว้  ก่อนที่จะโดนขอทานคนอื่นๆเห็นแล้วเข้ามาแย่งทุบตี   ฟางซินได้แต่ยืนขมวดคิ้วด้วยความที่มารดาเคยสั่งสอนเอาไว้ไม่ให้รับของคนแปลกหน้า  แต่เวลานี้ถ้าไม่รับไว้แล้วจะเอาอะไรกินกันอีกเล่า  กว่าพี่เสี่ยวหลิงจะกลับมาที่กระท่อมบางทีก็มืดมาก  ทั้งนางและแม่นมฉางต่างอดทนรอกินข้าวเย็นอย่างทรมาน  ปวดท้องก็ตั้งบ่อยแต่ก็ไม่อยากปริปากบ่นนอกจากพยามดื่มน้ำอุ่นเข้าไปมากๆ   สุดท้ายจึงตัดสินใจเอาห่อขนมซุกซ่อนเอาไว้ในเสื้อแล้ววิ่งสุดฝีเท้ากลับไปยังกระท่อม  ฟางซินเอาห่อขนมไปซ่อนไว้ในช่องลับหลังตู้เสื้อผ้ารอทุกคนกลับมากินพร้อมๆกัน  ระหว่างนั้นนางก็แอบไปนั่งคิดถึงเรื่องวันนี้เงียบๆริมดงไผ่ข้างกระท่อม   อยู่เฉยๆคงพากันอดตาย  เงินที่พี่เสี่ยวหลิงหาได้น่าจะเก็บไว้เป็นค่าหมอค่ายาไม่ดีกว่าหรือ   กว่าบิดาจะกลับมาก็คงอีกนาน  หากระหว่างนั้นเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นคงจะไม่มีใครช่วยเหลือพวกตนได้  มารดาเคยบอกไว้ว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตนคือสิ่งที่ดีที่สุด   สายตาของสตรีดุร้ายผู้นั้นก็ดูน่ากลัวจนฟางซินได้ตัดสินใจแล้วว่าพวกนางไม่ควรอยู่ที่นี่อีกต่อไป  ไปแอบซ่อนตัวให้ไกลจากคนจวนนี้ก่อน  คงไว้ใจใครไม่ได้อีกต่อไปแล้ว    

  

ในคืนนั้นระหว่างที่นั่งกินอาหารและขนมที่ได้มา  ฟางซินตัดสินใจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้สาวใช้ของตนและแม่นมฟังและขอร้องให้ทั้งสองรีบพาตนหนีออกจากกระท่อมแห่งนี้  เพราะเมื่อเย็นนางสังเกตุเห็นคนมาด้อมๆมองๆและได้ยินเสียงหนึ่งคนพูดกันว่าจะรีบมาจัดการให้เสร็จสิ้นปัญหา แล้วปัญหาคืออะไรกันเล่า...ถ้าไม่ใช่พวกนาง!   ยามดึกทั้งสามจึงกวาดของที่มีลงในห่อผ้าแล้วพากันรีบหนึออกมาอย่างไม่รั้งรออะไรอีกต่อไป  เพียงห่างไปไม่ถึงสองเค่อก็ได้ยินเสียงคนร้องเอะอะโวยวายว่าท้ายจวนคหบดีชิวไฟไหม้  กระท่อมท้ายจวนโดนไฟเผาไม่มีใครไปช่วยดับไฟได้ทัน  คนที่นอนหลับอยู่ในนั้นคงจะไม่มีใครรอดตายสักคนเป็นแน่    ผู้คนต่าพูดกันไปต่างๆนาๆ แต่สุดท้ายเรื่องราวจะเป็นเช่นไรนั้น  สตรีต่างวัยทั้งสามนางต่างก็ไม่มีใครคิดสนใจฟังอีกแล้ว  ต่างพากันลัดเลาะเดินไปตามทางที่พอจำได้ไปจนเจอบ้านร้างหลังจวนขุนนางท่านหนึ่ง  จึงแอบพากันเข้าไปหาที่พักหลับนอนกันชั่วคราว  จวนแห่งนี้เคยมีเหตุฆ่ากันตายยกจวน  จึงไม่ค่อยมีใครกล้าจะเดินผ่านมาหรือแม้ญาติๆที่เข้ามารับมรดกอยากจะขายก็ไม่มีใครซื้อจนกลายเป็นเรือนร้างมาถึงทุกวันนี้     

  

หลังจากได้นอนหลับพักเอาแรงมาทั้งคืน  เช้าวันนี้ฟางซินจึงตัดสินใจได้อย่างแน่วแน่แล้วว่าตนจะไปเป็นยาจกน้อย  เพราะนั่นคือหนทางที่เธอต้องทำเพื่อเอาตัวรอดและสารถหลบหน้าพวกคนจากจวนสกุลชิวได้   หากนางเก็บเงินได้มากพอนางจะออกเดินทางข้ามไปยังแคว้นเว่ยเพื่อตามหาท่านลุงใหญ่และพาทั้งพี่เสี่ยวหลิงกับแม่นมฉางไปขออาศัยกับท่านลุงที่นั่น  เพียงแต่ตอนนี้ข่าวลือแพร่สะบัดไปทั่วแล้วว่าคุณหนูใหญ่ชิวฟางซินแห่งจวนคหบดีชิวผู้มั่งคั่งได้ตายไปในกองเพลิงพร้อมคนรับใช้ดุแลทั้งสองคน  พิธีศพก็ถูกจัดแบบลวกๆโดยที่บิดาของนางก็ยังไม่แม้แต่จะกลับมาถึงแคว้นฮุ่ยเลยด้วยซ้ำ นี่มันพิรุธทั้งนั้น!   

  

เวลาผันผ่านไปแล้วถึงสามหนาวสารพัดรูปแบบการเอาตัวรอดที่นางเฝ้ามองดูจากขอทานคนอื่นๆจากหลายๆถนน  ทำให้นางเอามาประยุกต์ใช้กับตนเองจนอยู่รอดปลอดภัยมีอายุได้ถึง 8 ปี กระทั่งวันหนึ่งนางได้เข้าไปช่วยเหลือสตรีที่กำลังเป็นลมล้มพับอยู่บนถนนระหว่างที่นางกำลังจะกลับเขาบ้านร้างแห่งนั้น  และนั่นเองเป็นจุดพลิกผันที่ทำให้ชะตาชีวิตของนางเปลี่ยนไปชั่วนิรันดร์ 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว