ทะเลตอนกลางคืนนี่มันเงียบดีจริงๆ เลยนะ...
ผมคิดพลางทอดสายตามองไปยังเส้นบางๆ ที่กั้นระหว่างผืนน้ำ กับท้องฟ้าเอาไว้ ถึงแม้มันจะมืดสนิทแล้ว แต่ผมก็ยังคงนั่งนิ่งอยู่ตรงนี้ อันที่จริงผมก็อยู่ตรงนี้ตั้ง.แต่เด็กแล้วล่ะ ก็ผมไม่รู้จะไปไหนนี่นา...
ผมชื่อซันเดย์...
ซันเดย์ ที่แปลว่า วันอาทิตย์ ผมเคยชอบชื่อของตัวเองมาก แต่ก็แค่เคยเพราะผมสูญเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของผมในวันอาทิตย์นี่เหมือนกัน แม่เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย และจากผมไปเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน วันอาทิตย์ที่เคยเป็นวันแห่งความสุข ได้จบสิ้นลงนับแต่วันนั้น
แม่เป็นคนเกาหลีที่ย้ายมาอยู่เมืองไทยกับพ่อ แต่พอผมเกิด พ่อก็จากไปด้วยอุบัติเหตุบนท้องถนน แต่แม่ก็ไม่คิดจะกลับเกาหลี ด้วยสาเหตุเดียวคือ อยากจะซึมซับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับพ่อให้มากที่สุด และผมเองก็ต้องการให้มันเป็นแบบนั้นจนกระทั่ง...
‘กลับเกาหลีนะลูก ถ้าแม่ไม่อยู่ที่นี่แล้ว ก็ไม่มีใครดูแลลูก พาพ่อกับแม่กลับไปด้วย’
นั่นคือจดหมายที่แม่ทิ้งไว้ก่อนเสีย ข้อความที่ถูกเขียนขึ้นมานานแล้ว ราวกับรู้ว่าทุกอย่างจะต้องเป็นแบบนี้ ภาษาเกาหลีที่พร่ำสอนมาแต่เด็ก จนชำนาญ ทั้งการฟัง พูด อ่าน เขียน และบังคับใช้จนเป็นภาษาประจำบ้านทำให้ฉุดคิดขึ้นได้ว่า นี่คงเป็นสิ่งสุดท้ายที่แม่ต้องการจริงๆ
เเม่ผมมีบ้านอยู่ที่โซลนะ แต่อาจจะเป็นเพราะว่าเราละทิ้งมันไปนาน บ้านเล็กหลังนั้นก็เลยดูร้างและกลายเป็นแหล่งซ่อมสุมของเด็กวัยรุ่นและคนพเนจรไปโดยปริยาย
เมื่อตอนกลางวันผมไปที่นั่นมาครั้งหนึ่งแล้ว และจากภาพที่เห็น มันทำให้ผมกลัวที่จะเข้าไปแสดงความเป็นเจ้าของ อีกอย่างผมก็อยู่คนเดียว ถึงแม้ว่าจะให้ตำรวจมาจัดการเรื่องทั้งหมดให้ แต่คิดว่ายังไงซะมันก็คงไม่ปลอดภัย
ผมอาจจะคิดมาก แต่ผมก็ไม่กล้ากลับไปที่นั่นอยู่ดี...ผมที่ไม่รู้จะไปไหนก็เลยได้แต่เดินเตร็ดเตร่ไปเรื่อย จนมาหยุดอยู่ที่นี่
ทะเลสีครามสะอาดตาที่เคยสะท้อนแสงอาทิตย์วิบวับเมื่อตอนเย็น บัดนี้กลับมืดสนิท บนท้องฟ้าไม่มีแม้พระจันทร์หรือดวงดาวสักดวง มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกโดดเดี่ยว สายลมพัดเอื่อยๆเหมือนพยายามจะช่วยชะล้างคราบน้ำตา ที่ตอนนี้มันเปียกนองหน้าผมไปหมดแล้ว ข้างกายมีเพียงกล่องไม้เล็กๆ ที่เก็บกระดูกของพ่อกับแม่ไว้รวมกัน
'ผมทำให้แม่แล้วน่ะครับ...สิ่งสุดท้ายที่แม่ต้องการ...'
ผมค่อยๆ ก้าวขาตัวเองออก ถึงจะรู้สึกว่าตัวเองหมดแรงและอ่อนล้าเต็มที แต่ก็ยังคงก้าวออกไปเรื่อยๆ จนปลายเท้าเริ่มสัมผัสความเปียกชื้นของน้ำทะเล สองมือยังคงกอดกล่องไม้ใบนั้นไว้แนบอก น้ำตาที่เคยใหลมาทั้งวัน ตอนนี้มันหยุดลงแล้วเหลือแต่เวลาที่หมองเศร้า ผมจะอยู่ไปทำไม ในเมื่อผมไม่เหลือใครแล้วสักคน
ผมยังคงเดินหน้าเรื่อยๆ จากน้ำทะเลที่เกาะซัดอยู่ตามขา ตอนนี้มันเลื่อนมาถึงเอวแล้ว และผมเริ่มรู้สึกว่ามันเริ่มลึงลงเรื่อยๆ ลึกเหมือนหัวใจของผมที่มันเหว่ว้า หวังว่าพ่อกับแม่จะไม่โกรธที่ผมทำตัวแบบนี้ อย่างน้อย เราก็จะได้อยู่พร้อมหน้ากันเสียที และทันทีที่ผมรู้สึกว่ากล่องไม้นั้นเปียกน้ำ ผมก็เริ่มยกมันขึ้นอยู่ในระดับที่สูงขึ้น
อย่างน้อยผมก็ยังคงปกป้องกระดูกของพ่อกับแม่จนวินาทีสุดท้าย...
ผมหยุดเดินหน้าต่อไปแล้ว เพราะตอนนี้ขาผมหยั่งไม่ถึงพื้น คลื่นใหญ่กำลังซัดสาดมา และผมคิดว่าหากคลื่นนี้พัดผ่านตัวผมไป ผมคง...ได้เจอพ่อกับแม่เสียที
ซ่า !! ...
ผมหลับตาแน่นสนิท น้ำตาที่หยุดไหลไปแล้วก่อนหน้า ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกว่ามันกำลังจะเอ่อล้นอีกครั้ง ผมไม่มีแรงแม้แต่จะหายใจ แต่ผมก็พยายามใช้แรงทั้งหมดที่มีประคองกล่องกระดูกไว้ เพื่อไม่ให้คลื่นซัดมันไปจากผม ผมเริ่มตะเกียดตะกายรู้สึกเหมือนกำลังจะหมดลมหายใจ ก่อนจะปล่อยให้ตัวเองจมดิ่งลงไปตามแรงโน้มถ่วงในขณะที่สองมือยังคงกอดประคองหัวใจผมเป็นอย่างดี หมดแรงจะสู้ หมดแรงจะหายใจ และผมรู้สึกว่า ผมกำลังจะตาย...
อยากให้กำลังใจไรท์ในการแต่งนิยาย ฝากคอมเม้นด้วยน่ะค่ะ
ชอบ ไม่ชอบ ยังไงก็ติชมกันได้น่ะค่ะ
เพราะกำลังใจของนักเขียนนิยาย ก็คือคอมเม้นจากบรรดารีดเดอร์ทุกคนที่เข้ามาอ่านกันน่ะค่ะ
ติดตาม สอบถาม ทวงนิยายกันได้ที่นี่น่ะค่ะ
https://m.facebook.com
ด้วยรัก คาเซะ