***ความตายของแฟนสาวพร้อมลูกน้อยในครรภ์ ทั้ง ๆ ที่กำลังจะแต่งงานกันในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ต้นเหตุเกิดจากผู้หญิงหน้าซื่อ ใจคด ตัวต้นเหตุ ไหนเลยจะพี่ชายจอมชั่วที่ทำร้ายจิตใจพี่สาวสุดที่รัก ภพพัฒน์หรือจะยอมอยู่เฉย ๆ ให้ศัตรูอยู่อย่างมีความสุข ***
“ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่พิมจะกลับไปคืนดีกับมัน ผมผิดหวังจนบอกไม่ถูกเลยครับน้า” เสียงกราดเกรี้ยวของหลานชายตรงหน้าทำให้ผู้เป็นอาสาวไม่ทราบว่าจะปลอบใจได้อย่างไร ในเมื่อพฤติกรรมที่ทราบมาก่อนของผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นหลานเขยนั้นไม่ได้ดีนัก
“ใจเย็นก่อนเถอะ อาคิดว่าผู้ชายคนนั้นคงไม่กล้าทำตัวเหมือนเดิมอีกแล้ว ในเมื่อสัญญาเป็นมั่น เป็นเหมาะแล้วว่า จะเลิกพฤติกรรมแย่ๆ ทั้งหมด” พิณพรกล่าวแก้ความสบายใจของหลายชายคนโปรด ซึ่งเพิ่งจากการติดต่อลูกค้าจากต่างประเทศ แต่กลับต้องมาเจอเรื่องที่ไม่สบายใจ
“คอยดูผมบ้างก็แล้วกัน ถ้าคราวนี้มันทำให้พี่พิมเสียใจอีก มันจะต้องเจอกเหมือนกับที่ผมเจอ ผมจะทำให้มันรู้ว่า ผมไม่ได้แค่ขู่อีกต่อไป”
“น้าว่าพิมคงเห็นแกลูกที่กำลังจะเกิดมานั่นและ ถึงยอมกลับมาคืนดีด้วย ไม่งั้นน้าว่าพิมคงตัดใจได้เด็ดขาด คงไม่อยากให้ลูกต้องกำพร้าพ่อ”
“ผมไม่เห็นว่าขาดพ่อ แล้วจะทำให้เกิดปมด้อยตรงไหน เราสองคนก็โตมาได้เพราะคุณแม่และก็น้าพิน” ดวงตาคมแข็งกร้าวเมื่อกล่าวถึงปัญหาทางครอบครัวที่ตนเคยประสบ ภพพัฒน์ชายหนุ่มทายาทเจ้าของธุรกิจส่งออกเสื้อผ้ารายใหญ่แบรนด์ไทยผู้ซึ่งไม่เคยยอมแพ้ แม้ความลำบากที่เคยประสบมาในยามที่เขาเริ่มเข้าสู้วัยรุ่น ชีวิตครอบครัวที่เคยสุขสบายเริ่มเข้าสู่ความยากลำบาก เมื่อบิดาผู้เป็นเสาหลักของครอบครัวเริ่มติดผู้หญิง และการพนันงอมแงม จากฐานะที่เรียกได้ว่าผู้มีอันจะกินเริ่มทำให้ครอบครัวแตกสลาย มารดาจากไปด้วยโรคหัวใจตั้งแต่เข้าเรียนมัธยม ดีที่พี่สาวซึ่งอายุห่างจากเขาหลายปี เรียนจบและคอยส่งเสียเขาจนกระทั่งเรียนจบ และบากบั่นจนสร้างตัวขึ้นมาจากกิจการเล็กน้อยจนใหญ่โต ด้วยน้ำพักน้ำแรงตนและน้าสาวที่คอยดูแลเขาและพี่สาวเรื่อยมา
“น้าว่าเราควรเคารพการตัดสินใจของพิมเขานะ น้าว่าอะไรมันอาจจะดีขึ้นก็ได้”
“ครับคุณน้า ผมก็ขอให้ทุกอย่างเป็นอย่างนั้น ถ้าไม่ผมคิดว่าคงต้องทำอะไรเพื่อสั่งสอนคนอย่างมันให้เข็ดหลาบ” ชายหนุ่มเดินกลับไปห้องทำงานของตนด้วยใบหน้ากระด้าง พี่สาวของเขาไม่น่าเลือกผู้ชายคนนั้นแต่แรก เขาผิดเองที่ห่างเหินพี่สาวไปนานหลังจากที่ธุรกิจส่งออกเริ่มไปได้สวย พี่สาวก็ออกจากงานและไม่ค่อยได้เจอเพื่อน แต่ยังคงมีหนุ่มรุ่นน้อง แก่กว่าเขาไม่กี่ปีมาติดพัน จนไม่นานก็ตัดสินใจแต่งงาน เขาเป็นห่วงพี่สาวจึงไม่อยากให้ย้ายไปอยู่ไกล จึงได้สร้างเรือนหออยู่ในบริเวณรั้วบ้านเดิมหลังนี้
“ธนา นายไปสืบดูซิว่า ไอ้รัตมันยังเล่นพนันอยู่หรือเปล่า แล้วดูด้วยว่าผู้หญิงที่มันเคยไปติดมันยังติดต่อกันหรือเปล่า ” ภพพัฒน์ ตติยานนท์ สั่งเลขาคนสนิทหน้าเครียด ดวงตาคมเข้มวาววับเอาเรื่องจนเลขาเสียวสันหลังแทนพี่เขยของเจ้านาย
“ครับนาย แล้วนัดคุณรสรินเย็นนี้ที่ สกายรอยัลคลับนะครับ”
“อืม รู้แล้วไม่ลืมหรอกน่า แฟนฉันทั้งคน นายนี่ เออแล้วยายตัวแสบ รันลดาล่ะกลับมาหรือยัง ”
“ยังไม่เห็นตั้งแต่เย็นแล้วครับนาย สงสัยจะอยู่ที่ทำงานจนดึกอีกเหมือนเดิมล่ะครับ” เลขานึกถึงหญิงสาวผู้เงียบเชียบ ที่ชายหนุ่มกล่าวถึงและอมยิ้มเมื่อนึกถึงผู้หญิงที่ตนพึงใจ
“นายไปเถอะ” เขากล่าวตัดบท ก่อนจะเริ่มทำงาน จนดึกดื่นจึงได้เห็นเงาของคนเดินผ่านหน้าต่างห้องทำงานที่อยู่ติดกับส่วนหน้าของบ้าน
“บ้านนี้ไม่ใช่โรงแรมนะ อยากจะกลับเวลาไหนก็กลับ” รูปร่างสูงโปร่งเดินมาดักหน้าของหญิงสาวที่เขาไม่ได้เห็นหน้าคาดตา เหมือนเธอตั้งใจจะหลบหน้าเขาอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่อยู่บ้านอยู่บริเวณเดียวกัน แต่เขากลับแทบไม่ได้พบหน้า
“เวลากลับบ้านของเธอเวลานี้หรือไง รันลดา ไม่ยักทราบว่ากลับบ้านใกล้เที่ยงคืนเขาเรียกว่าเวลาปกติ”
“อย่ามาหาเรื่องรันได้ไหมค่ะ รันมีธุระส่วนตัวต่างหากจึงกลับดึก” ร่างบางทำท่าจะเดินเลี่ยงการปะทะเข้าบ้าน แต่เจ้าของบ้านยังไม่หลบ เธอจึงมองหน้าเขาอย่างไม่พอใจก่อนจะเดินหลบไปอีกทาง
“ธุระ ประเภทเดี่ยวกับพี่ชายเธอหรือเปล่า ชอบไปหากินอะไร ๆ นอกบ้าน”
“มันจะมากเกินไปแล้วนะค่ะ รันคิดว่าเราคุยกันเรื่องรินกลับดึก ไม่ได้คุยกันเรื่องพี่นพ แล้วก็ไม่เห็นว่าการที่รินกลับบ้านดึกจะเกี่ยวอะไรกับคุณ” เสียงใสแย้งออกมาเบาๆ อย่างไม่พอใจ
“อย่ามาทำเสียงเล็ก เสียงน้อย ประชดฉันนะรันลดา เธอก็แค่คนอาศัย กลับไม่เป็นเวลายังไม่เรียกว่ารบกวนเจ้าของบ้านอีกหรือยังไง”
“ขอโทษเจ้าค่ะคุณเจ้าของบ้าน ดิฉันจะไม่กลับบ้านดึกอีกแล้ว” พูดจบก็เดินแกมวิ่งหนีเจ้าของบ้านไปดื้อ ๆ เพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับผู้ชายหน้าดุ จอมเข้มงวด ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ไม่เคยถูกในสายตาของเขา เพียงเพราะเธอเป็นน้องสาวของพี่เขยที่เขาเกลียด แต่ก็ไม่สามารถย้ายไปไหนได้ดังใจเพราะพี่ชายเธอขอร้องให้อยู่ และไม่ยอมให้ออกไปอยู่ลังโดยเด็ดขาดไม่ว่าเธอจะขอร้องอย่างไร ไหนจะพี่สะใภ้ที่เอ็นดูเธอเหมือนน้องสาวแท้ๆ อีก เธอเลยพูดไม่ออก ตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมาหลังจากจบจากมหาวิทยาลัย เธอต้องย้ายเข้ามาอยู่บ้านของพี่สะใภ้ และไหนต้องทำงานที่บริษัทของน้องชายพี่สะใภ้ ด้วยว่าพิมพาอยากให้เธอไปช่วยน้องชายของตน ตั้งแต่นั้นเป็นตนมาไม่ว่าเธอจะทำอะไร ภพพัฒน์ก็ไม่พอใจ เรียกได้ว่าเกลียดพี่รวมมาถึงน้องด้วย
“ยายเด็กบ้า ไม่รู้ใครๆ ในบ้านชอบเข้าไปได้ยังไง มารยาทไม่ดี” ชายหนุ่มหันไปมองอย่างไม่พอใจ ตั้งแต่พี่เขยย้ายเข้ามาอยู่กับพี่สาวได้ไม่นาน พี่สาวของเขาก็ขอให้เด็กสาวคนนี้ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยเนื่องจากบ้านที่ต่างจังหวัดที่อยู่นั้นไม่มีใครเหลือแล้ว อีกทั้งจะให้อยู่คนเดียวก็ไม่ปลอดภัยนักกับเด็กสาวที่จะอยู่คนเดียว รันลดาจึงอาศัยบ้านพี่สาว ซึ่งเป็นบ้านหลังเก่าที่เขาไม่เคยคิดจะรื้อทิ้งนั้นจนบัดนี้
“คงไม่ทิ้งแถวเท่าไรหรอกชั่วไม่ต่างจากพี่เธอนักหรอก ” อารมณ์ที่โมโหจากการถูกเสียมารยาทจากคนอ่อนวัยกว่าตรงหน้าทำให้อารมณ์โกรธที่เริ่มจะเย็นลง กระพือขึ้นมาอีกจนได้ ภพพัฒน์มองตามร่างเล็กไปจนสุดตา ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ทำงานตัวโปรดเต็มแรง และหันไปสนใจภาพของพี่เขยที่กำลังเดินเข้าผับที่เปิดเป็นบ่อนการพนันของพวกไฮโซ นิ้วเรียวยาวกำรูปทั้งกอง และเหวียงเต็มแรงจนรูปกระจายไปทั่วห้อง
เช้าวันหยุดอันสดใสมาเยือนสองสาวต่างวัยที่มาตักบาตรด้วยกันหน้าบ้านทุกวันหยุด เป็นกิจวัตรประจำวันหยุดของ พิมพา และรันลดาที่ต้องตื่นแต่เช้ามาเตรียมอาหารเพื่อตักบาตร ตั้งแต่รันลดาย้ายเข้ามาอยู่บ้านตติยานนท์ พิมพาก็คล้ายเหงาเพราะมีเด็กสาวมาอยู่เป็นเพื่อนร่วมบ้านเกือบสามปี รันลดามาอยู่บ้านตติยานนท์ก่อนที่เข้ามหาวิทยาลัยแต่ก็ไปๆ มาๆ ระหว่างเรียนเธอก็ขอไปอยู่หอพักจนสำเร็จแต่พอเรียนจบไม่ว่ายังไงทั้งพี่ชายและพี่สะใภ้ก็ยืนคำขาดว่าให้มาอยู่ด้วยกันเพราะเรียนจบแล้วจึงไม่มีข้ออ้างในการอยู่ข้างนอกอีกต่อไป ติดตรงพี่ชายที่เป็นญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่หลังจากพ่อแม่เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตตั้งแต่เธอยังเด็ก ก็มีพี่ชายคนนี่เท่านั้นที่ดูแลมา ไม่ว่าเธอจะขอร้องอย่างไรก็ไม่เป็นผล ความอึดอัดคับข้องใจจากภพพัฒน์ก็ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดใจจนบอกไม่ถูก รู้แต่ว่าสายตาคนคู่นั้นดูไม่เป็นมิตร และยิ่งพี่ชายเธอมีปัญหากับพี่สาวเขาขึ้นมา ทำให้เขายิ่งดุเคร่งเครียด และน่ากลัวกว่าเดิม จนเธอไม่อยากเข้าหน้า
“ทำอะไรกันอยู่ครับพี่พิม ทำไมตื่นแต่เช้า ผมว่าพี่ดูหน้าซีดๆ นะครับน่าจะนอนพักเยอะ” ภพพัฒน์แต่งตัวด้วยชุดเตรียมพร้อมออกนอกบ้าน
“ก็ผมเป็นห่วงนี่ครับ ยิ่งคนใกล้ตัวไม่ค่อยดูแลด้วยแล้วยิ่งแล้วใหญ่” ปลายสายตามองรันลดาเล็กน้อยก่อนจะเดินมานั่งสนทนากับพี่สาว หญิงสาวจึงเดินเลี่ยงออกไปเมื่อรู้ว่าเขามองเหมือนอยากได้เวลาส่วนตัว
“รันขอตัวก่อนนะค่ะ พี่พิม คุณภพจะดื่มกาแฟไหมค่ะ รันจะเตรียมมาให้”
“ถ้ามีน้ำใจก็ขอกาแฟดำแล้วกัน”
“ค่ะ” เสียงแผ่วเบารับคำก่อนเดินเงียบกริบออกไปจากห้องรับแขกที่เจ้าของบ้านหนุ่มนั่งอยู่ ไม่มีสักครั้งที่เธอจะได้ยินเสียงรื่นหู หรือแม้จะเป็นคำพูดที่รู้สึกว่าเขาจะเต็มใจพูดกับเธอ ไม่ว่ากล่าวเรื่องกลับบ้านค่ำ ก็กระแนะกระแหนเรื่องพี่ชาย แรกเข้ามาอยู่เธอพยายามทำดีกับเขาหลายสิ่ง จนสุดท้ายต้องหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเขา เพราะไม่อยากโดนเขาดูถูก ถากถางด้วยสายตา เธอจึงเลี่ยงการเผชิญหน้ามาตลอดหลังจากเรียนจบ
“ผมนัดลูกค้าเกาหลีไว้ครับพี่พิม ตลาดแถบนั้นกำลังต้องการกระเป๋างานฝีมือของไทยเราไม่เปิดตลาดผมว่าน่าสนใจถึงจะเป็นการเปิดตลาดเล็กๆ แต่ก็อยากเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดนอกจากเสื้อผ้าแล้ว ผมว่าน่านะรุ่ง”
“ดีจ้ะ ของไทยเราจะได้เปิดตลาดเยอะขึ้น พี่ว่าให้น้องไปช่วยไหม เขาถนัดงานออกแบบอยู่นะ เห็นว่าที่ไปช่วยเพื่อนออกแบผลิตภัณฑ์ตัวใหม่อยู่ไม่รู้ลายของเสื้อ หรือว่ากระเป๋านี่และ” พิมพาได้โอกาสสร้างคะแนนบวกให้สาวน้อยผู้น่าสงสาร ที่น้องชายไม่ค่อยเอ็นดูนัก
“เห็นจะไม่รบกวนหรอกครับ อีกอย่างผมก็เป็นลูกคนเล็ก ไม่ได้มีน้องด้วยเท่าที่จำได้” น้ำเสียงทุ้มกังวานอยู่ในโสตประสาทจนหน้าชา ทำให้คนที่กำลังวางถ้วยกาแฟหน้าซีดเป็นไก่ต้มก็ไม่ปาน พิมพรรณเห็นแล้วก็สงสาร
“พูดอะไรอย่างนั้นตาภพ เออรันเดี๋ยวไปเตรียมแต่งตัวนะ ไปข้างนอกเป็นเพื่อพี่หน่อนะ”
“ค่ะ” ตากลมโตมองคนใจร้ายที่ไม่เคยไว้หน้าเธอ ตาคู่สวยวาวไปด้วยน้ำใสๆ ที่เจ้าตัวพยายามสกัดไว้จนเจ็บไปถึงข้างใน วันใดที่มีโอกาสเธอจะไม่รั้งรอที่จะทำให้เขารู้สึกเจ็บบ้าง
“พี่ขอได้ไหมตาภพ ยายรันเขาไม่ได้ผิดอะไร พี่กับน้องคนละคนอย่าเอารวมกันเลยพี่ขอร้อง”
“ผมก็ไม่ได้ทำอะไรนี่ครับ” แววตาคมเข้มที่อยู่ภายใต้คิ้วหนานั้นดูจริงจัง จนคนเป็นพี่กลัวใจน้องชายเพียงคนเดียว ยามดีดีใจหาย ยามร้ายไม่เคยมีคู่ต่อสู้เอาชนะเขาได้เลยสักครา
“แล้วนี่ทราบหรือเปล่าคนดีของพี่เขากลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ บ่อยๆ ทำตัวแบบเป็นเด็กใจแตก ที่ว่าดีนะ ดีเฉพาะต่อหน้าเราหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“ภพก็พูดเกินไปยายรันเขาก็ไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูงบางโอกาส วันๆ ก็ทำแต่งาน นี่ก็ขอออกไปอยู่ข้างนอก พี่ไม่รู้จะห้ามยังไง ดีที่ว่าพี่ท้องเขาจึงยอมอยู่ดูแล”
“อยู่บ้านเราดีๆ ไม่ชอบ สงสัยจะไม่อิสระ ทำอะไรได้ไม่เต็มที่” เมื่อทราบว่าจนที่ตนไม่ชอบประสงค์จะย้ายออก ก็ตีความไปในทางร้ายทันที เชื้อมันจะทิ้งแถวไปได้อย่างไร ความเลวที่พี่ชายของเธอก่อขึ้น ไม่ใช่เรื่องที่คนอย่างเขาจะทำใจยอมรับได้
“สบายแบบบ้านเราไม่ได้หาง่ายๆ ไม่รู้จะอยากไปจริงหรือว่าแค่พูดตามมารยาท เพราะพี่ชายเขาก็ใช่ว่าจะอยู่ติดบ้าน คนรับใช้ก็มีคอยดูแล แล้วจะหาอะไรที่มันสบายไปกว่าที่นี่” ภพพัฒน์อารมณ์ไม่ดีขึ้นมาเมื่อนึกถึงพี่เขยตัวแสบที่ยังไม่ปรับปรุงตัวทั้งที่กำลังจะเป็นพ่อคน ปากก็พูดดีไป แต่การกระทำไม่ได้บ่งบอก พี่สาวเขาก็อายุเกือบสี่สิบแล้วการเป็นคุณแม่วัยขนาดนี้ต้องดูแลสุขภาพกันอย่างดี
“แล้วนี่รสรินไปด้วยหรือเปล่า พี่ว่าหาเวลาดูแลคนรักบ้างนะ ไม่ใช่ทำแต่งาน ทุกวันนี้เราก็มั่นคงมากพอแล้ว พี่ว่าภพเพลาๆ งานลงหน่อยก็ดีนะ เลขาเราก็ไว้ใจได้นี่ ไม่เห็นต้องทำงานหนักขนาดนี้เลย”
“รสเข้าใจดีครับ พูดถึงก็มาพอดี รสรินเขาไม่ได้เป็นผู้หญิงงี่เง่านะครับ เธอเข้าใจงานผมดี เมื่อวานก็เพิ่งไปทานอาหารเย็นด้วยกัน”
“พี่ว่าเราน่าจะดูฤกษ์แต่งกันได้แล้วน่า ปีนี่ก็สามสิบสี่แล้ว ไม่ใช่น้อยๆ เพื่อนเราเขาก็แต่งกันไปหมดแล้ว”
“สวัสดีค่ะพี่พิม สบายดีไหมค่ะ ทราบหรือยังว่าจะเป็นลูกสาวหรือลูกชาย” รสรินสาวหวานใสสวยบอบบางสมกับเป็นลูกสาวของเจ้าโรงแรมและสปาหลายแห่ง
“ก็อาทิตย์นี้ล่ะจ้ะที่คุณหมอนัด สบายดีนะเรา ตาภพไม่ค่อยว่างพาไปเที่ยวที่ไหนกันเลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ รสก็ยุ่งๆ กับงานเปิดสปาใหม่ของคุณแม่ด้วย สาขานี้รสลงเต็มตัวเลยนะค่ะ เนี่ยกำลังให้บริษัทของน้องรันเขาออกแบบชุดพนักงานให้อยู่ ”
“จ้ะ พูดถึงก็ลงมาพอดี พี่ต้องขอตัวก่อนนะ ว่าจะออกไปซื้อของ นี่ยายรันเขาก็ว่างจะขับรถให้อยู่ ตามสบายนะจ้ะ ”