[HRK X YOU] Destination ปลายทาง
3
ตอน
5.76K
เข้าชม
26
ถูกใจ
4
ความคิดเห็น
16
เพิ่มลงคลัง

บทนำ 

เชื่อไหมคะว่าคนเราคนนึงในบางครั้งเราอาจเดินไปในทางที่ผิด อาจทุ่มเทให้กับความรักที่ผิด มีทางเลือกให้เราเลือกระหว่างคนที่รักเรากับคนที่เรารัก แต่ในบทสุดท้ายทุกคนย่อมเลือกคนที่ "ตังเองรัก"ทั้งสิ้นใช่ไหมคะ 

ฉันอยากบอกเล่าเรื่องราวที่ฉันได้พบมา การตัดสินใจ และการตัดสินใจที่ฉันเองก็ยังคงเจ็บมาจนถึงวันนี้แต่ถ้าหากผู้หญิงคนนี้สามารถย้อนเวลากลับไปได้ ฉันอยากกลับไปบอกพี่ว่า 

"ขอโทษนะคะพี่เอก" 

 

 

. 

. 

. 

มันไม่มีใครที่สามารถลืมความเจ็บปวดที่สุดในชีวิตได้หรอกค่ะ ปลายทางของทุกคนไม่เคยมีใครไปจบที่ทางเดียวกัน ทุกอย่างที่ฉันทำมันผ่านการกลั่นกรองความคิดจนขาวสะอาดและมั่นใจในสิ่งที่จะตามมา มันดีกว่าการที่ไม่ได้คิดอะไรแล้วมาเสียใจกับผลที่ตามมาทีหลัง ผู้หยิงคนนี้เลือกที่จะทิ้งชายหนุ่มคนหนึ่งที่เป็นแสงนำทางเพียงแสงเดียวของตัวเอง เพื่อที่ให้พี่ไปมีชีวิตของตัวเองได้แล้ว ฉันรับได้ในตอนนั้น 

แต่ตอนนี้ฉันเริ่มไม่หมั่นใจแล้วว่าฉันจะสามารถอยู่ได้โดยที่ไม่มีพี่หรือเปล่า ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้มันก็ 5 ปีมาแล้วนะ ฉันอยากกลับไปเจอหน้าพี่ อยากกลับไปบอกพี่ว่าผู้หญิงคนนี้รักพี่มากแค่ไหน การตัดสินใจครั้งนี้จะเป็นการตัดสินใจครั้งสุดท้ายคือการ  

"กลับไปหาพี่" 

 

. 

. 

เสียงแผ่วเบาในห้องนอนสีขาวสะอาด สายน้ำกลือนำเลือดที่อยู่ในถุงไหลผ่านเข้ามาในร่างของหยิงสาวที่อยู่บนเตียงผู้ป่วย สายออกซิเจนยังคงทำหน้าที่ของมันในการทำให้ร่างของเธอยังสามารถหายใจได้ปกติเหมือนคนอื่น เครื่องวัดชีพจรหัวใจแสดงอัตราการเต้นของหัวใจที่เชื่องช้าเหมือนคนที่ใกล้เลือนลางออกไปเต็มที 

แอ๊ดดดด...... 

เสียงประตูบานขาวค่อยๆเปิดออกมา นางพยาบาล 1-2 คน และผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหมอที่ดูแลอาการของเธออยู่ก็เดินเข้ามาในห้องผู้ป่วย นางพยาบาลทำหน้าที่ยื่นแฟ้มผู้ป่วยให้หมอก่อนที่หมอจะตรวจดูอาการของเธออย่างที่ทำมันเหมือนทุกวันตามหน้าที่ เธอคนนี้ไม่มีแม้กระทั่งพ่อแม่หรือเครือญาติ มันไม่เชิงว่าไม่มีแค่เพียงพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้สนใจในตัวเธอมากนัก  

"ชีพจรเต้นคงที่แต่อยู่ในระดับที่ยังอันตรายอยู่นะ" 

"เธอคนนี้มีสภาวะขาดเลือดอยู่ อาจหัวใจวายได้ยังไงพยาบาลก็ควรให้การดูแลอย่างใกล้ชิดนะยังไงหมอต้องฝากดูด้วย" 

"ค่ะ" 

. 

. 

. 

หลังจากที่นางพยบาลและหมออกไปแล้วร่างของผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาทีละน้อยก่อนจะลุกขึ้นนั่งบนเตียงเหมือนกับไม่มีอะไร ก่อนหน้านี้ที่ทำให้เธอต้องมาอยู่ที่โรงพยบาลคือเธอโดนรถชนในขณะที่เกิดอาการเหม่ออยู่ หลังจาก 5 ปีก่อนที่ได้เลิกลาคนรักของเธอไปเธอก็เกิดอาการเหม่อมาโดยตลอด แต่ดันโชคไม่ดีที่ดันไปเหม่ออยู่กลางถนนทำให้คนที่เมาแล้วขับแถวนั้นชนเข้า ยังดีที่ไม่มีอะไรหักหรือพิการเพียงแค่เสียเลือดมากไปหน่อยแค่นั้น  

"ไอเหี้ยเอ้ย เบื่อที่นี่เต็มทีแล้วนะ" 

จบประโยคฉันก็ดึงสายน้ำเกลือที่ให้เลือดและเครื่องช่วยหายใจออกทันที รวมทั้งอะไรต่างๆที่มันพันระโยงระยางเต็มตัวไปหมดอกไปให้พ้นๆ ฉันอยุ่นี่มาสามวันแล้วนะ ถึงฉันหนีออกไปก้ไม่มีใครไปตามฉันอยู่ดีเพราะฉันหนีออกจากโรงพยาบาลทั้งที่ยังไม่หายบ่อยมาก เพราะอะไรหน่ะเหรอ ป่าวกูอินดี้  

ฉันเดินไปหยิบเสื้อของตัวเองและกระเป๋ามาใส่ก่อนจะปีนออกทางระเบียงดีที่ฉันอยู่ชั้นที่ 1 มันไม่ได้สูงจนฉันกระโดดลงไปไม่ได้  

พรึบ! 

ร่างบางกระโดดลงมาจากบนอาคารชั้น 1 ก่อนจะรีบวิ่งไปที่หน้าโรงพยบาลเพื่อที่จะเรียกแท็กซี่กลับหอของตัวเอง ลืมบอกไปว่าเธอเรียนอยู่มหาลัยธรรมศาสตร์ คณะมนุษย์ศาสตร์ สาขาภาษาศาสตร์ ปี 2 ถ้าถามว่าเอาเงินจากไหนเรียนน่ะเหรอ มันคือเงินของพ่อแท้ๆของเธอที่อยู่ต่างจังหวัดส่งมาให้เพื่อชดใช้ความผิดที่ไม่ได้มาดูแลเธอเพราะมีภรรยาใหม่ลูกใหม่ ส่วนแม่ของเธอก็แต่งงานใหม่และย้ายไปอยู่ต่างประเทศอย่างสุขสบายจนมีลุกใหม่ไปแล้วเหมือนกัน นั่นมันทำให้เธอเป็นคนที่อยู่ตรงกลาง กลับไม่ได้ จะไปก้ไปไม่ถึง การออกมาใช้ชีวิตคนเดียวมันคงเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเธอ เงินที่ใช้กินข้าวเธอก็ต้องหามาจากการทำงานพาร์ทไทม์ และฟรีแลนซ์ ไหนจะเรื่องเรียน ทำงานส่งลูกค้ามากมาย มันทำให้เธอเป็นโรคเครียด ความดันขึ้นบ่อยๆ 

ครืดดด ครือดดด 

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นในกระเป๋าของเธอ 

"ค่ะ สวัสดีค่ะสาย(ชื่อคุณ)ค่ะ" 

"เธอลืมไปแล้วเหรอว่าวันนี้ฉันให้เธอไปเป็นช่างภาพในงานเกมประจำปีของฉันหน่ะ!" 

"อ่ออ ทราบแล้วค่ะคุณโยพิน ดิฉันกำลังกลับไปเอากล้องที่หอค่ะ" 

"ฉันให้เวลาเธอแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น ถ้าเธอยังไม่ถึงงานฉันจะลดค่าจ้างเธอเข้าใจไหม" 

"ได้เลยค่ะคุณโยพิน หนูหมั่นใจว่าไปถึงก่อนเวลานัดค่ะ" 

"ดีมาก ฉันหวังว่าเธอจะทำได้อย่างที่พูดนะ" 

ตรู๊ดด ตู๊ด... 

นี่ฉันลืมได้ยังไงเนี่ยยยยยยย คือวันนี้ฉันลืมไปเลยว่าต้องไปเป็นตากล้องที่งานเกมประจำปีนี่หน่า แล้วเป็นงานใหญ่ซะด้วยสิT^T 

ฉันใช้เวลาตั้งสติแล้วรีบโบกแท็กซี่กลับไปที่หออย่างเร่งด่วนเพราะกลัวว่าจะไปไม่ทันงานก่อนที่มันจะเริ่ม ฉันต้องไปถ่ายตั้งแต่ตอนที่ยูทูปเบอร์เดินเข้างานจนจบงานเลย ทำไมเราต้องมาทำงานอะไรแบบนี้นะเรื่องถ่ายภาพก้ยังไม่เคยเรียนด้วยซ้ำแต่เสือกถ่ายออกมาสวยเฉย 

ณ คอนโดของมหาวิยาลัยธรรมศาสตร์ 

ฉันรีบวิ่งขึ้นมาบนหออย่างเร่งร้อนจนข้าวของในกระเป๋านี่หล่นเป็นทางๆ ก่อนจะมาถึงห้องและคว้ากล้องตัวโปรดที่วางอยู่ยนโต๊ะเขียนหนังสือ แต่ที่ชิบหายก้คือ กุญแจรถของฉันมันหายไปไหนไม่รู้หน่ะสิมันไม่ได้อยู่ในกระเป๋าของฉันตั้งแต่ที่รพ.แล้วที่ห้องของฉันก็ไม่มี แต่คือตอนนี้ฉันไม่สามารถจะมานั่งหาอะไรได้แล้วเวลามันไม่เหลือแล้วววว 

"ช่างแม่งแล้วสัสเอ้ยย" 

ฉันคว้าทุกสิ่งทุกอย่างมาก่อนที่จะวิ่งลงมาจากหอและโบกแท็กซี่อีกรอบ ไอบักห่าเอ้ยเงินก็ไม่ค่อยจะมี 

. 

. 

ณ สยามพารากอน 

แล้วทำไมคนมันถึงได้เยอะขนาดนี้ ตอนนี้ฉันอยู่บนลิฟแก้วที่กำลังขึ้นไปบนชั้นที่จัดงาน มีแต่คนแต่งเป็นตัวการ์ตูนหรือตัวละครเต็มไปหมดหรือก็คือคอสเพลย์นั่นแหละ ฉันก็เคยแต่งอยู่ครั้งหนึ่งนะแต่คือไม่ค่อยจะเข้ากับเบ้าหน้าเท่าไหร่เลยไม่เอาอีกแล้วดีกว่า 

"คุณโยพินคะฉันขอโทษที่มาสายนะคะ!" 

หลังจากที่ฉันออกมาจากลิฟได้ฉันก็รีบวิ่งหน้าตั้งเข้าไปหาคุณโยพินที่ยืนอยู่หน้าทางเข้างานทันทีเพราะกลัวจะโดนตำหนิไปมากกว่านี้ 

"ถ้าเธอมาสายอีกครั้งฉันจะไม่จ้างเธออีกต่อไปนะ(ชื่อคุณ)" 

"ค่ะ ขออภัยจริงๆค่ะจะไม่เป็นแบบนี้อีกแล้วค่ะพอดีหนูเพิ่งออกจากโรงพยาบาล" 

"อ่ะๆ ครั้งนี้ฉันไม่เอาเรื่องเธอก็ได้ แต่ตอนนี้เธอรีบเข้าไปถ่ายรูปในงานได้แล้ว พวกนักแคชเกมเข้าไปกันหมดแล้ว" 

ฉันผยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะรีบเดินเข้าไปในงานอย่างรีบร้อน กลุ่มคนที่คุณโยพินให้ฉันไปตามถ่ายคือนักแคชเกม ถึงฉันจะไม่ค่อยได้ดูอะไรพวกนี้แต่ฉันก็เคยเห็นผ่านๆมาบ้างแล้วแหละ พวกเขาคือคนที่อัดคลิปตอนที่เล่นเกมลงยูทูปและมีคนติดตามเป็นจำนวนมากอีกทั้งยังมีพวกที่เรียกกันว่านัก E-Sport หรือก็คือคนที่เล่นเกมเป็นอาชีพมีการจัดการแข่งขันขึ้นในหลายๆเกมแถมได้เงินอีกต่างหากชีวิตแค่นั่งอยุ่หน้าจอคอมแล้วใช้ความสามารถพิเศษในการเล่นเกมเพียงเท่านั้นก็ได้เงินแล้วน่าอิจฉาจริงๆเลย 

ผู้คนเดินไปเดินมากันอย่างพลุกพล่านและเบียดเสียดกันเต็มไปหมดจนเดินไปไหนไม่ถูกเลยเพราะดันกันจนไม่รู้จะดันยังไงแล้ว ตัวฉันที่ค่อนข้างเป็นคนตัวเล็ก(เตี้ย)อยู่แล้วยิ่งหายใจลำบาก ถึงในงานจะเปิดแอร์เย็นฉ่ำแต่ฉันก็ร้อนจนเหงื่อออก 

สองเท้าฉันพยายามจะเย่งขึ้นไปมองด้านบนให้พ้นหัวคนอื่นเพื่อที่จะมองหากลุ่มของนักแคชเกมที่ผู้ว่าจ้างให้ฉันไปตามถ่าย ดูเหมือนว่าตอนนี้ฉันจะเจอเป้าหมายเข้าแล้วแหละนะ เพราะไทยมุงข้างหน้าฉันมันใหญ่เหลือเกินพวกเขากำลังรุมล้อมคนกลุ่มนึงอยู่ ที่ฉันดูคล่าวๆจะมีอยู่ประมาณ 5 คนด้วยกันซึ่งฉันก็ไม่รู้จักสักคนเลยในนั้น แต่ที่น่าสนใจก็คือคนที่ยืนอยู่ตรงกลางเขาใส่หน้ากากสีขาวสนิทและใส่ชุดสูทสีดำเนคไทส์สีดำและใส่ฮูดสีดำแดง เขาดูโดดเด่นที่สุดใน 5 คนเลยและดูเหมือนแฟนคลับทุกคนจะให้ความสนใจกับเขาเป็นพิเศษอีกด้วย นี่สินะนักแคชเกมอันดับ 1 ของประเทศไทย คนที่ปกปิดใบหน้าตัวเองไว้ภายใต้หน้ากากสีขาวฉันอยากเห็นหน้าจริงๆของเขาจังเลย  

"แต่หุ่นแบบนี้ ความสูงเท่านี้มันคุ้นจังเลย.." 

ใช่รูปร่างของเขาเหมือนแฟนเก่าของฉันมากแต่ก็แตกต่างออกไป มันทำให้ฉันนึกคิดถึงเขาคนนั้นขึ้นมาเลย แต่ตอนนี้ฉันควรที่จะหาทางที่จะเข้าไปด้านหน้าเพื่อที่จะเก็บรูปให้ได้ก่อนไม่งั้นคุณโยพินเอาตายแน่  

สิ่งที่ฉันทำได้ดีที่สุดก็คงเป็นการแหวกฝูงชนเข้าไปด้านในเพื่อที่จะประชิดตัวให้ได้มากที่สุด  

"ขอโทษนะคะขอทางหน่อยค่ะฉันเป็นช่างภาพของงานค่ะ" 

ฉันพยายามใช้มือทั้งสองข้างดันคนที่อยู่ข้างหน้าที่ไม่ยอมถอยออกไป บางคนก็หันมาแสดงสีหน้าไม่พอใจใส่ฉันอย่างเห็นได้ชัด ก็นั่นแหละเนอะพวกเขาก็มีสิทธิ์ที่จะไม่พอใจแต่เพราะแบบนี้ไงฉันจะทำงานไม่ได้เอาหน่ะสิ โดนด่าฉันก็ยอม! 

"ขอโทษจริงๆนะคะ! ขอทางหน่อยค่ะ!" 

ฉันใช้พลังทั้งหมดแหวกมาจนถึงด้านหน้าได้ด้วยความยากลำบากก่อนจะควักกล้องขึ้นมาถ่ายไปที่กลุ่มนักแคชเกมที่อยู่ข้างหน้าพวกเข้าหันมามองฉันก่อนจะยิ้มให้ส่วนคนที่อยู่ภายใต้หน้ากากฉันไม่รู้ว่าเขาทำหน้ายังไงอยู่เขาอาจจะยิ้มอยู่หรืออาจจะทำหน้าตำหนิฉันอยู่ก้ได้ 

"ขอโทษนะคะ ฉันขอถ่ายรูปหน่อยนะคะ" 

หลังจากที่จบประโยคฉันก็รัวชัตเตอร์ใส่คนตรงหน้าทั้ง 5 คน ซึ่งพวกเขาก็ทำตัวตามสบายเหมือนกับว่าฉันไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้แต่มีคนที่มองฉันอยู่ตลอด เขาคนนั้นคนที่อยู่ภายใต้หน้ากากสีขาว เขาหันมามองฉันก่อนจะจ่อปืน(ปลอม)ใส่ฉัน 

 

ฉันงงนิดหน่อยแต่ก้ไม่ลืมที่จะกดชัตเตอร์เก็บภาพนั้นไว้ 

"เหี้ยยยยย..!?" 

อยู่ดีๆฉันก็รู้สึกเหมือนถุกผลักจากด้านหลังก่อนจะล้มลงไปกับพื้น กระโปรงที่ฉันใส่มาวันนี้เป็นกระโปรงนักศึกษาทรง A พอล้มแรงๆมันก็จะ 

แขวกก!! 

ใช่ค่ะ กระโปรงของฉันมันตึงตึงจนขาด ขาดต่อหน้าประชาชีเลยค่ะ! โอ้ยย ฉันอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีอยู่แล้วใครกันมันกล้าผลักผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างฉันได้ลงคอT^T 

"จะมองกันทำไมคะ ขาดความอบอุ่นหรอมาผลักคนอื่นอ่ะ!?" 

ฉันหันไปมองรอบๆมีแต่คนยิ้มสะใจทั้งนั้นนี่คือฉันไปทำอะไรให้พวกหล่อนนัหนานะขาดความอบอุ่นกันรึไง นิสัย! ดีที่มันเป็นพื้นพรหมฉันเลยไม่ได้เลือดไม่งั้นไอคนที่ทำได้เห็นดีกันแน่! 

ฉันพยายามเอามือปิดต้นขาของตัวเองที่ถูกเปิดและดันตัวเองลุกขึ้น แต่อยู่ดีๆก็มีมือของใครคนหนึ่งยื่นมาที่ฉัน ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าของมือเขาคือคนที่ใส่หน้ากากสีขาวที่ฉันบอกไว้ข้างต้น เขาเดินมาที่ฉันและยื่นมือมาที่ฉันเพื่อที่จะช่วยฉันลุกขึ้น แต่ใครมันจะไปลุกกันถ้าลุกคนก็เห็นก้นฉันหมดหน่ะสิ 

"อื้อออ.." 

ฉันมองหน้ากากสีขาวก่อนจะส่ายหน้าเบาๆเพื่อบ่งบอกว่าฉันลุกไม่ได้ 

"เอ่ออ ขอโทษนะครับแทนแฟนคลับของผม" 

ทำไมน้ำเสียงของคนคนนี้ถึงมีน้ำเสียงที่ทุ้มแต่แหบและน่าดึงดูดมากขนาดนี้ เสียงหล่อมากแม่นักแคชเกมเสียงเป็นอย่างนี้ทุกคนเลยรึเปล่านะ 

"มะ ไม่เป็นไรค่ะ" 

ฉันตอบกลับไปสั้นๆ  

เสียงแฟนคลับที่กริ๊ดกันแทบจะกลบเสียงการสนทนาของเราสองคนหมด  

คนที่อยู่ตรงหน้าถอดเสื้อฮูดสีแดงดำของตัวเองออกก่อนที่จะเอามันมาคุมที่ต้นขาของฉันอย่างอ่อนโยน 

"กริ๊ดดดดดดดดดดดด" 

สิ้นสุดการกระทำเขาก็ฉุดแขนของฉันให้ลุกขึ้นก่อนจะโอบไหล่ของฉันไว้ ฉันสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก้ไม่ได้ตอบโต้อะไร 

"ทุกคนเดี๋ยวผมกลับมานะคร้าบบบบ" 

เขาหันไปบอกกับแฟนคลับของเขา 

"เอ้าเอกมึงจะพาน้องเขาไปไหน" 

"กูจะพาไปห้องสตาฟเดี๋ยวกูกลับมาแปปนึง" 

เพื่อนของเขาเดินเข้ามาถามก่อนที่เขาจะตอบไปว่าจะพาฉันไปไหน คนคนนี้ชื่อเอกสินะ ก็คงจะเป็นพี่เอกที่เขาชอบพูดถึงกันสินะ 

พี่เอกหันมามองฉันซึ่งฉันก้ไม่รู้ว่าเขาทำหน้ายังไงอยู่เหมือนกันเพราะหน้ากากสีขาวนี่ฉันอยากจะกระชากมันออกไปซะจริงๆเลย เขาพาฉันเดินออกมาจากฝูงชนอย่างง่ายดายก่อนที่จะพาฉันเดินไปที่ห้องสตาฟเหมือนที่เขาบอกกับเพื่อน ระหว่างทางพี่เขาก็ยังคงโอบไหล่ฉันไว้ไม่ยอมปล่อยจนเดินมาถึงที่ 

. 

'ขอโทษด้วยนะ เป็นอะไรเปล่า" 

"ไม่ค่ะ แค่กระโปรงขาด.." 

"ฮื้ออ แย่จังขอโทษแทนแฟนคลับของผมด้วยนะ" 

"อ่อ ไม่เป็นไรเลยพี่แค่นี้สบายมากค่ะ พี่รีบกลับไปเถอะเดี๋ยวพวกแฟนคลับก็รอนานหรอกนะ" 

"แหนะ ไม่เป็นไรแน่นะ" 

"ค่ะ!" 

"โอเคงั้นพี่ไปละนะ" 

พี่เอกยกมือขึ้นมาโบกลาฉันก่อนจะเปิดประตูเดินออกจากห้องไป ตอนนี้ในห้องไม่มีใครอยู่เลยเหลือเพียงแค่ฉันคนเดียวกับ... 

"นี่พี่เขาไม่ได้เอาเสื้อไปหนิ!" 

ใช่ค่ะพี่เขาทิ้งฮูดของเขาไว้ ฉันมองไปที่ฮูดสีแดงดำบนตักตัวเองก่อนจะยิ้มเล็กๆออกมา นี่เป็นเฟริ์สอิมเพสชั่นที่ได้อยู่กับคนดังเลยนะเนี่ยย ถึงแม้ว่าเราจะไม่รู้จักเขาก็เถอะ 

[จบบันทึกของเธอ] 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว