หลายๆคนมักบอกว่า “ การที่เราได้อยู่กับคนที่เรารักนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว ” ผมเองผมก็คิดว่าเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน
สวัสดีครับ ผมชื่อ พีม เรียนอยู่คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งย่านกรุงเทพฯ ตอนนี้ผมเรียนอยู่ปีสามแล้วครับ เรียนหนักขึ้นเรื่อยตามชั้นปี ถ้าถามว่าผมจะมาเวิ้นเว้ออะไรแถวนี้ ผมก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ผมแค่จะมาหาที่ระบายเฉยๆ ผมบอกไปรึยังว่าตอนนี้ผมมีแฟนแล้วครับ แฟนผมชื่อ “ ฟิวส์ ” เรียนอยู่คณะเดียวกันกับผมเนี่ยแหละ อีกอย่างแฟนผมเป็นผู้ชายนะครับ เราคบกันได้ปีกว่าแล้ว
ใครหลายคนอาจคิดว่าพวกเราเป็นพวกแปลกประหลาด ผมก็ไม่สามารถไปห้ามความคิดของใครได้ ผมรู้แค่ว่าทุกวันนี้ผมใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยที่ไม่ได้ไปเบียดเบียนใคร ผมก็ไม่ต้องไปแคร์สายตาใครทั้งนั้น เพราะผมแคร์คนที่ผมรัก และคนที่รักผมแค่เท่านั้น
“ พีม รอนานไหม ” ฟิวส์เอ่ยทักผมขึ้นทันทีทีเดินมาถึงผม ผมลืมบอกไปว่าตอนนี้ผมกำลังยืนรอฟิวส์อยู่ที่ใต้ตึกคณะ
“ ไม่นานหรอก ” ผมบอกกลับไปเพราะผมมายืนรอแค่ห้านาทีเอง
“ ปะ กลับห้องกัน ” ฟิวส์มันบอกผม
พวกเราสองคนก็เดินกลับหอด้วยกัน การใช้ชีวิตของพวกเราสองคนก็ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากเดิมหลังจากเป็นแฟนกัน มีก็แค่การที่มันบังคับให้ผมย้ายเข้ามาอยู่ที่ห้องเดียวกันกับมัน ผมย้ายมาอยู่ห้องมันได้สามเดือนแล้วครับ และก็คงไม่ต้องถามว่าผมกับมันทำกิจกรรมเข้าจังหวะกันหรือเปล่า มันก็คงต้องมีกันมั่งละครับ ><
“ มึงรู้ยังว่าน้องรหัสคนไหน ” ผมถามมัน
“ เห็นไอ้คินมันดูให้มันบอกว่าน้องรหัสกูเป็นผู้หญิง เห็นมันบอกว่าสวยด้วยแหละ ” มันบอกผมทุกคนไม่ต้องงงนะที่เราสองคนจะพูดมึงพูดกูกัน มันคงเป็นเรื่องปกติสำหรับพวกเราไปแล้วแหละครับถ้าให้มาพูด เค้าๆ ตัวเองๆ อะไรแบบผมว่ามันแปลกนะ เลยให้พูดแบบที่เป็นตัวเองที่สุดจะดีกว่า
“ อย่าหลงเสน่ห์น้องรหัสตัวเองซะล่ะ ” ผมเอ่ยแซวกลับไป ไอ้คนได้ยินมันก็หันหน้ามาหาผมก่อนจะยกมือบีบจมูกผม ผมเองก็ไม่คิดเหมือนกันนะว่าคำพูดที่ผมพูดแซวมันในวันนั้นมันจะเป็นจริง
3 เดือนผ่านไป
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด ดดดดด [ สี่สายผ่านไป ]
“ ทำไมไม่รับโทรศัพท์นะ ” ผมพึมพำกับตัวเอง หลังจากที่กดโทรศัพท์หาไอ้แฟนตัวดี ผ่านไปสี่สายแล้วก็ยังไม่รับ ผมจึงตัดสินใจเดินกลับหอทันที เผื่อว่าไอ้ฟิวส์มันจะกลับไปที่ห้องแล้ว แต่ก่อนจะถึงหอที่ผมอยู่ข้างหน้ามันมีร้านขายข้าวอยู่ผมก็จัดแจงซื้ออาหารเย็นไปเลยเพราะจะได้ไม่ต้องลงมาข้างล่างอีก
ทำไมผมรู้สึกมีรางสังหรณ์แปลกๆ ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ประตูหน้าห้องใจยิ่งสั่น ผมหยิบกุญแจห้องจากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะค่อยสอดลูกกุญแจเข้าไปในลูกบิดเพื่อไขประตู
แกร๊ก !!
ผมเปิดประตูเสร็จ ก็เดินเข้ามาผ่านในห้องอย่างเคย ผมเดินไปยังโซนครัวที่ไว้ใช้ทำอาหาร ผมจัดการวางอาหารมื้อเย็นที่น่ากินแสนอร่อยไว้ที่โต๊ะก่อนจะเดินออกมา ผมเดินตรงไปที่ห้องนอนอย่างเคยชินเพราะผมจะเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่เท้าของผมก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมีเสียงแปลกๆดังลอดออกมา
“ อื้อ พี่ฟิวส์ทำเร็วๆสิค่ะ วุ้นรู้นะว่าพี่ก็อยากปลดปล่อยเหมือนกัน ”
เสียงร้องกระเซ่าที่ผมได้ยินนั้นมันคืออะไร ผมยืนฟังเสียงของชายหญิงคู่นั้นตัวความรู้สึกที่ตีกันไปหมด ผู้ชายในห้องนอนจะใช่ฟิวส์แฟนผมหรือป่าว แล้วทำไม่ฟิวส์ถึงทำอย่างนี้ ผมไม่กล้าที่จะขยับตัวไปทางไหน จนกระทั่งผมรวบรวมความกล้าก่อนจะเอื้อมมือไปบิดลูกบิดประตู เพื่อเปิดมันออก
แกร๊ก !!
ตัวผมชาไปหมด ผมรู้สึกว่าขอบตาผมมันร้อนผ่าว น้ำตาพาลจะไหลออกมาดื้อๆ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมฟิวส์ถึงทำแบบนี้กับผม ผมยืนแน่นิ่งอยู่หน้าประตูด้วยน้ำตาเต็มใบหน้า มองการกระทำของชายและหญิงคู่นั้น จนกระทั่งหญิงสาวคนนั้นหันมาเห็นผม ผมถึงได้รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นน้องรหัสของไอ้ฟิวส์
“ ว๊ายยย พี่ฟิวส์ค่ะ หยุดก่อน ” หญิงสาวร้องขึ้นเสียงดังทันทีที่เห็นหน้าผม ก่อนจะหันไปหยิบเสื้อผ้ามาบังเนื้อหนังของตน ทำให้ฟิวส์ละสายตาหันมาเจอหน้าผม พร้อมกับแสดงสีหน้าที่แสดงความตกใจ
“ พีมมม !! ไม่ใช่อย่างที่มึงคิดนะ มึงฟังกูก่อนนะ ” ฟิวส์มันเรียกผมเสียงดัง มันลุกขึ้นจากเตียงจะเดินเข้ามาหาผม
ผมไม่อยากได้ยินเสียงมัน พอได้ยินเสียงมันแล้วน้ำตามันพาลจะไหนออกมาเรื่อยๆ ไม่ใช่อย่างที่มึงคิดหรอฟิวส์ แล้วที่กูเห็นคาตาอยู่แบบนี้มึงจะให้กูคิดว่าอะไร ผมไม่สนใจเสียงมัน ผมรีบหันหลังเดินออกจากห้อง ผมเดินไปหยิบกระเป๋ากับโทรศัพท์ของผม แล้วรีบวิ่งออกไปทันที
ผมวิ่งออกมาจนพ้นตัวหอ ผมถึงได้หยุด พอผมคิดถึงหน้ามันน้ำตามันก็ไหลออกมาเรื่อย ๆ ทั้งๆที่มันพร่ำบอกผมมาตลอดว่ามันจะไม่มีใคร มันจะรักแค่ผมคนเดียว นี่ผมไว้ใจมันมากเกินไปใช่ไหม ผมยึดติดกับคำว่ารักของมันเกินไปใช่ไหม ผมเดินมาเรื่อยๆจนมาถึงป้ายรถเมล์หลังมหาวิทยาลัย
ผมทรุดตัวลงกับที่นั่งพักก่อนที่จะสะดุ้งนิดหน่อยกับมือถือที่ตอนนี้มันสั่นแบบไม่คิดจะหยุด ผมหยิบมือถือขึ้นมาดู พบว่าเป็นชื่อของผู้ชายคนที่ผมรักมากที่สุด ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่าเป็นผู้ชายที่ผมเคยรักมากที่สุด เพราะต่อจากนี้ไปมันก็คงจะเป็นคนรักของคนอื่น มันโทรเข้ามากว่า 20 สายตั้งแต่ที่ผมวิ่งออกมาจากหอ ผมเก็บมันเข้ากระเป๋าแบบที่ผมไม่ได้สนใจมันสักนิดว่ามันจะโทรเข้ามาอีกนานแค่ไหน
“ คืนนี้ไปนอนที่ไหนดีนะ ” ผมพึมพำคนเดียว ก่อนจะตัดสินใจกลับบ้าน บ้านของผมอยู่ที่นครปฐมครับ ตามจริงจะนั่งรถไปกลับก็ได้แต่คือผมขี้เกียจนะครับ นั่งรถนานๆเมื่อยด้วย ผมเลยตัดสินใจไปอยู่หอ โชคดีที่วันนี้วันศุกร์พอดี ได้หยุดวันเสาร์อาทิตย์สองวัน
ผมรอรถไม่นานรถประจำทางที่สามารถนั่งไปอนุสาวรีย์ได้ก็มาพอดี ผมก็ขึ้นทันที ผมใช้เวลาเดินทางจนมาถึงบ้านทั้งหมดสามชั่วโมง ผมก็เดินทางมาถึงบ้านที่นครปฐม
“ พ่อ แม่ สวัสดีครับ ” ผมเอ่ยทักพ่อแม่พร้อมยกมือไหว้ท่านทั้งสอง
“ วันนี้นึกยังไงกลับบ้านได้เนี่ยไอ้ตัวแสบ แล้วนี่เจ้าฟิวส์ไม่มาด้วยหรอ ” แม่ผมถามขึ้น ไม่ต้องสงสัยหรอกครับว่าทำไมแม่ผมถึงถามหาไอ้ฟิวส์ ระหว่างที่ผมกับไอ้ฟิวส์คบกัน พ่อแม่ผมและพ่อแม่ของไอ้ฟิวส์ท่านรับรู้เรื่องนี้ทั้งสองฝ่าย ผมดีใจนะที่ท่านทั้งสองเข้าใจผม และไม่ได้รู้สึกรังเกียจกับสิ่งที่ผมเป็นอยู่ แต่พอคิดถึงเรื่องนี้น้ำตาเจ้ากรรมมันก็พานจะไหลออกมา พอแม่ผมเห็นท่านก็เข้ามากอดผมไว้
“ฮึก ฮือออออ ”
“ เป็นอะไรหะเรา ร้องไห้ทำไม ไหนบอกแม่สิ ” แม่พูดบอกกับผมพร้อมเอามือลูบหลังผมเพื่อเป็นการปลอบ พอผมได้อยู่ในอ้อมกอดของแม่ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ทำให้น้ำตาที่ผมเก็บไว้ ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ แม่กอดปลอบผมอยู่อย่างนั้นจนผมคลายอาการสะอื้นลง แม่ถึงไม่ผละอ้อมกอดออก
“ไว้สบายใจเมื่อไหร่ค่อยเล่าให้แม่ฟังก็ได้ แม่รอฟังหนูอยู่นะ ” แม่ผมพูดบอก ผมเข้าสวมกออดแม่อีกครั้ง ก่อนจะผละออกมา
“ ขอบคุณครับแม่ ถ้างั้นผมขอตัวขึ้นห้องก่อนนะครับ ” ผมบอกแม่ก่อนจะเดินขึ้นห้องทันที
พอผมเข้ามาห้องตัวเองได้ ผมก็นอนร้องไห้อีกครั้ง ผมไม่คิดเลยว่าไอ้ฟิวส์มันจะทำแบบนี้กับผมทั้งๆที่ระยะเวลาที่ผ่านมาที่ผมกับมันอยู่ด้วยกันมันไม่เคยทำท่าทีว่ามันมีคนอื่น ผมไม่เข้าใจว่าผมทำอะไรผิด ทั้งที่ผมรักแค่มันคนเดียว ไม่เคยคิดจะมีใคร หรือไม่บางทีตอนนี้มันอาจจะรู้ตัวเองแล้วก็ได้ว่ามันไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับผมอีกต่อไปแล้ว ก็นั่นสิเนอะธรรมชาติสร้างผู้ชายให้เกิดมาคู่กับผู้หญิง ไม่ใช่ให้ผู้ชายกับผู้ชายรักกัน... ผมนอนคิดเรื่องราวต่างๆจนยุ่งเหยิงไปหมด ก่อนที่จะผล่อยหลับไป
[ ฟิวส์ : Talk ]
ย้อนไปเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน วันที่ให้น้องๆปีหนึ่งตามหาพี่รหัส
“ ไอ้ฟิวส์น้องรหัสมึงมาหาแล้วว่ะ ” ไอ้คิม เพื่อนสนิทของผมพูดบอกเสียงดัง
“ แล้วไงวะ ”
“ อย่างสวยอ่ะมึง มึงไม่สนกูขอนะเว้ย ”
“ ตามสบายเหอะมึง ” ผมบอกตามตรงเพราะผมไม่ได้คิดจะพิศวาทใคร เพราะตอนนี้ผมมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้ว ผมรักมันมาก และผมก็รู้ว่ามันก็รักผมมากเช่นกัน
“ สวัสดีค่ะ พี่ฟิวส์ใช่หรือป่าวค่ะ ชื่อวุ้น ค่ะ คือหนูเป็นน้องรหัสของพี่อ่ะค่ะ ” หญิงสาวบอกผมพร้อมทำท่าบิด เป็นเชิงว่าอาย ผมรู้ว่าน้องคนนี้คิดยังงกับผมคงไม่ได้คิดว่าจะเป็นพี่รหัส น้องรหัสกับผมอย่างเดียวหรอกครับ
“ ครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะ ” ผมตอบกลับไปตามมารยาท
หลังจากวันนั้นผ่านมาสัปดาห์นึง น้องเขาก็เริ่มตามผมมากขึ้นเรื่อยจนผมอึดอัด แต่ผมก็ไม่กล้าพูดกับน้องเขาตรงๆว่าผมรำคาญ ผมก็ใช้ชีวิตของผมเรื่อย ๆ ทั้งที่น้องเขารู้อยู่แล้วว่าผมมีแฟนแล้ว แต่น้องเขาก็ยังไม่เลิกตามผม จนล่วงเลยมาวันเกิดเหตุน้องเขานัดเจอผม บอกว่าเขามีเรื่องสำคัญอยากคุยกับผมแต่เขาขอมาคุยที่ห้องผม ผมเองก็ตอบตกลงไปเพราะผมจะคิดคุยกับน้องเขาเรื่องที่ตามติดผมเหมือนกัน วันนี้ผมเรียนเสร็จตั้งแต่เที่ยง แต่ผมโกหกไอ้พีมไปว่ามีสอบเลิกเย็น เพราะผมคิดว่าผมน่าจะกลับมาเคลียร์กับน้องเขาที่ห้องรู้เรื่องแล้ว แต่ผมคิดผิด !!
“ พี่ฟิวส์ไม่คิดจะเสิร์ฟน้ำดื่มให้วุ้นหน่อยหรอค่ะ ” หญิงสาวเอ่ยขึ้น ทำให้ฟิวส์รู้สึกฮึดฮัด ไม่น้อย แต่เขาก็พยายามควบคุมอารมณ์ไว้ ก่อนจะเดินไปหยิบน้ำมาเสิร์ฟให้
หลังจากฟิวส์หยิบน้ำมาเสิร์ฟให้แล้ว หญิงสาวก็พยายามหาวิธีที่ทำให้ฟิวส์เดินออกไปจากบริเวณที่ตนนั่งเพื่อตนจะได้จัดการ ใส่ยาปลุกซ์เซ็กซ์ในแก้วน้ำดื่มของฟิวส์
“ พี่ฟิวส์ค่ะ มีใครมาหรือป่าวอ่ะ วุ้นได้ยินเสียงคนเคาะประตู ” หญิงสาวเอ่ยเท็จ เพื่อที่จะให้ฟิวส์เดินออกไปบริเวณนั้นซึ่งมันก็ได้ผล
ทันทีที่ฟิวส์ได้ยินหญิงสาวบอก ฟิวส์ก็รู้สึกตกใจไม่น้อย คิดว่าพีมต้องกลับมาที่ห้องแน่ๆตนจึงเดินไปที่ประตู เมื่อฟิวส์ลุกเดินออกไปเปิดประตู หญิงสาวได้โอกาส ก็รีบจัดการเทยาลงไปในแก้วน้ำทันที ฟิวส์เดินไปเปิดประตูแต่ปรากฏว่าไม่พบใครอยู่หน้าห้อง เขาก็เดินกลับมานั่ง ด้วยความที่เขาไม่รู้ เขาก็หยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม
“ พี่ฟิวส์รู้ใช่ไหมค่ะ ว่าวุ้นรู้สึกยังไงกับพี่ วุ่นรักพี่จริงๆนะ ” หญิงสาวพูดเปิดประเด็น
“ วุ้นก็รู้ว่าพี่มีแฟนแล้ว วุ้นอย่าคิดกับพี่เกินเลยเลยนะ พี่รู้สึกกับเราแค่ในฐานะน้องสาวเท่านั้น ”
“ ฮึก ก็ได้ค่ะ แต่วุ้นขอกอดพี่ฟิวส์ครั้งสุดท้ายก่อนได้ไหมค่ะ ” หญิงสาวพูดบอกด้วยอาการสะอื้น ฟิวส์เองก็ไม่คิดอะไร เขาจึงพยักหน้าเป็นเชิงว่าตกลง
ทั้งคู่นั่งกอดกัน คนนึงกอดด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่อีกคนกอดไปพร้อมกับยกยิ้มร้ายขึ้นที่มุมปาก ฟิวส์รู้สึกว่าตัวเองร้อนรุ่มแปลกๆ หลังจากที่หญิงสาวแตะต้องตัว ราวกับไฟที่กำลังจะเผาไหม้
“ พี่ฟิวส์เป็นอะไรหรือป่าวค่ะ ” หญิงสาวแกล้งถามเพื่อลองเชิง
“มะ ไม่ได้เป็นอะไร ”
“ วุ้นนึกว่าพี่ฟิวส์ต้องการให้วุ้นช่วยปลดปล่อยให้พี่ซะอีก ” หญิงสาวยกยิ้มออกมาก่อนจะค่อย ลูบไล้แผงอกของคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่รหัสลงมาจนถึงหน้าท้อง ทำให้คนถูกกระทำรู้สึกผิดปกติกับร่างกายของตน
“ วุ้นใส่ยาให้พี่กินใช่ไหม !! ” ฟิวส์พูดออกมาตามความรู้สึก เพราะประสบการณ์มันบอก
“ ใช่ค่ะ วุ้นใส่ยาให้พี่กินเอง วุ่นจะช่วยให้พี่กลับมาเป็นผู้ชายที่ปกติกับเขาสักที พี่เป็นผู้ชายนะ ผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิงสิ ไม่ใช่แบบที่พี่เป็นอยู่ ” หญิงสาวพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเดินเข้าไปยังห้องนอนของฟิวส์
“พี่รักไอ้พีม พี่ไม่ปกติตรงไหน คนเราจะรักกันมันไม่ได้ขึ้นอยู่ที่เพศหรอกนะ พี่รักมันเพราะมันเป็นมัน พี่รู้แค่ว่าพี่รักมัน พี่อยากปกป้องดูแลมัน ไม่ใช่ความรักจอมปลอมที่วุ้นอยากได้ ” ฟิวเดิมตามมาในห้องก่อนก่อนพยายามฉุดมือหญิงสาวให้ออกจากห้องแต่ก็ไม่ได้ผล เมื่อหญิงสาวเห็นท่าว่าฟิวส์ยังคงมีความอดทนสามารถข่มตนเองไม่ให้รู้สึกตัวไปตามฤทธิ์ยา หญิงสาวจึงเปลี่ยนวิธีการเข้าหาฟิวส์เป็นการออดอ้อนแทน หญิงสาวถอดเสื้อของตนเอง พร้อมกับถอดชุดชั้นในออก ก่อนจะกอดเข้าเอวสอบทางด้านหลังเป็นเหตุให้คนถูกกอดชะงัก
“ วุ้นรักพี่ฟิวส์จริงๆนะคะ ” หญิงสาวพูดบอกก่อนใช้มือลูบไล้ร่างกายของชายหนุ่มครั้ง เพื่อปลุกอารมณ์ไฟราคะในตัว ฟิวส์พยายามกดฟัน อดทนต่อสู้กับฤทธิ์ยาที่ตอนนี้มันส่งผลให้ร่างกายเขามันร้อนราวกับไฟ เขาตัดสินใจผลักหญิงสาวให้ล้มลงไปกับเตียงเพื่อที่ตนจะได้โอกาสในการหนีไปขังตัวในห้องน้ำเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างว่าเกิดขึ้น แต่ก็ไม่เป็นดั่งที่คิดเพราะหญิงสาวดึงเข้าล้มลงไปด้วย ทำให้ตอนนี้เขาทั้งคู่อยู่ในท่าล่อแหลม
“ อื้อ พี่ฟิวส์ทำเร็วๆสิค่ะ วุ้นรู้นะว่าพี่ก็อยากปลดปล่อยเหมือนกัน ”
“ ว๊ายยย พี่ฟิวส์ค่ะ หยุดก่อน ” เสียงร้องของวุ้น ผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นน้องรหัสของผม ที่ตอนนี้เธอกำลังนอนอยู่ใต้ร่างผม เป็นเหตุให้ผมต้องหยุดการกระทำที่เธอเป็นคนขอร้องให้ผมทำ มัน ผมหันไปมองตามสายตาของหญิงสาวที่มองอยู่หน้าประตู ก่อนที่ผมจะชะงัก
“ พีมมม !! ไม่ใช่อย่างที่มึงคิดนะ มึงฟังกูก่อนนะ ” ผมเรียกชื่อพีมมันเสียงดัง ผมตกใจไม่น้อยที่ไอ้พีมมันเปิดประตูมาเห็นผมกำลังจะมีอะไรกับวุ้น ผมเห็นน้ำตามัน ผมทำมันร้องไห้ เรื่องๆนี้มันไม่ควรเกิดขึ้นด้วยซ้ำ ผมทำมันเสียใจ ผมผิดเอง ผมผิด !!
“ออกไปได้แล้ว แล้วก็เรื่องนี้ขอให้จบ ซะใจเธอแล้วซินะ ” ผมลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะเอ่ยปากไล่เธอ เธอหยิบเสื้อผ้ามาใส่จนครบทุกชิ้น ก่อนจะเดินออกไปอย่างหน้าตาเฉย อารมณ์ราคะที่เกิดขึ้นจากที่ผมกินยานั้นไปมันเริ่มจากหายทันทีที่ผมเห็นน้ำตาของไอ้พีม ทั้งๆที่ผมบอกกับมันว่าจะไม่ทำให้มันร้องไห้ จะป้องปกมัน แต่วันนี้ผมกลับทำมันเสียเอง
[ ปัจจุบัน ]
“ ไอ้พีม รับสายกูสิวะ ”
[ 10 misscall ]
[ 20 misscall ]
[ 40misscall ]
[ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถ.... ]
“ พีมมึงไปอยู่ที่ไหนว่ะ กูเป็นห่วงมึงนะ ” ผมกดโทรศัพท์เป็นครั้งที่ไหร่ก็ไม่รู้ แต่ไม่ว่าจะกดกี่ครั้งเสียงตอบรับก็ยังคงเป็นแบบเดิม
มันจะรู้บ้างไหมนะว่าผมเป็นห่วงมันมากแค่ไหน ผมออกตามหามันทุกที่ที่คิดว่ามันน่าไป แต่ก็ไม่พบ ผมไปหาเพื่อนสนิททุกคนที่สนิทกับมัน ผมถามว่ามีใครเจอมันบ้างไหม ผมหวังว่าจะมีใครสักคนที่ได้เจอมันมั่ง แต่ผมก็ต้องหมดหวังเพราะไม่มีใครเจอมันเลย นี่ก็ผ่านไป 5 ชั่วโมงแล้วผมยังหาทางติดต่อมันไม่ได้สักที จนกระทั่ง
[21:00 น.]
ครืด ครืด
แม่พัชร
[ ครับแม่ ] ผมรับสายทันทีที่เห็นชื่อ แม่พัชร แม่ของไอ้พีม
[ ฟิวส์เราสองคนทะเลาะอะไรกันรึป่าวลูก ] ผู้เป็นแม่อดสงสารลูกตัวเองไม่ได้ ที่เห็นลูกชายนั้นร้องไห้ ทำให้เขาต้องกดโทรศัพท์หาอีกคนอย่างช่วยไม่ได้
[ แม่ครับ คือผมขอโทษ อึก ผมทำพีมมันเสียใจ ผมไม่ได้ตั้งใจ ครับ ฮืออ .... ] ผมเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างผมและพีมทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้แม่ไอ้พีมมันฟังด้วยอาการสะอื้น
[ แม่เข้าใจแล้วล่ะลูก ]
[แม่ครับ แล้วตอนนี้ไอ้พีมมันอยู่ที่บ้านแล้วใช่ไหม มันไม่ได้เป็นอะไรแล้วใช่ไหมครับ ] ผมถามหามัน
[ พีมถึงบ้านได้สักพักแล้วล่ะลูก ตอนนี้เข้าห้องไปแล้ว ]
[ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะเข้าไปนะครับ ]
[ คุยกันดีๆนะลูก เรียนผูกเองก็ต้องหัดแก้เอาเองนะ แม่บอกลูกได้แค่นี้แหละ ]
[ ขอบคุณแม่นะครับที่ไม่โกรธผม ที่ผมทำให้ไอ้พีมมันเสียใจ ]
[ จ๊ะ พรุ่งนี้ขับรถมา ก็เดินทางปลอดภัยนะลูก ]
[ ครับ ]
“ หวังว่ามึงคงจะให้อภัยกูนะพีม ”
[ End : ฟิวส์ Talk ]
ก๊อก ก๊อก !!!
“ พีม พีมตื่นรึยังลูก ” เสียงแม่เรียกผมแต่เช้า
“ อื้อ ตื่นแล้วครับ ” ผมครางในลำคอ ขานรับแม่ผม
“ แม่เข้าไปนะ ”
“ครับ ไม่ได้ล็อค ”
“ เป็นไงบ้างเรา ดีขึ้นบ้างรึยัง ดูสิร้องไห้ซะตาบวมเลย ” แม่เดินมานั่งบนเตียงผมก่อนจะพูดถาม ผมได้แต่ยิ้มแหย่ๆส่งไปให้ เพราะผมร้องไห้จนตาบวมจริงๆ
“ เจ้าฟิวส์มาถึงเมื่อไหร่นะน่าดู ” แม่พูดออกมา ผมหันขวับไปมองหน้าแม่ผมทันทีที่แม่พูดจบ
“ แม่รู้ได้ไงครับว่า .... ” ผมถามออกไปด้วยความสงสัย
“ เมื่อคืนแม่คุยกับเจ้าฟิวส์มันแล้วหน่ะ ทำไมเวลามีปัญหากันหนูไม่หันหน้าคุยกันล่ะลูก หนีมาอย่างนี้มันไม่ดีเลยนะ ถ้าเรามัวแต่หนีเราก็จะคุยกันไม่รู้เรื่องสักทีนะ ” แม่พูดบอกผม ผมรู้สึกว่าน้ำตามันจะไหล
“ อึก แต่สิ่งที่ผมเห็นมันก็แทนคำพูดได้ทุกอย่างแล้วนะครับ ” ผมพยายามกลั้นเสียงสะอื้นก่อนจะบอกกลับไป พร้อมกับเข้าสวมกอดแม่ เพราะภาพที่ผมเห็นมันก็สามารถแทนคำพูดได้หลายๆอย่าง อย่างแรกมันคงจะคิดได้แล้วว่ามันไม่ได้ชอบผู้ชายอีกต่อไป อย่างที่สองมันคงไม่ได้รักผมแล้ว มันถึงได้พาน้องเขามานอนด้วยอย่างนี้
“ สิ่งที่เห็นอาจไม่ได้เป็น อย่างสิ่งที่หนูคิดก็ได้นะพีม ” แม่บอกพร้อมกับเอามือลูบหลังผมเบา
“ เดี๋ยวฟิวส์จะเข้ามา ลูกก็คุยกันดีๆล่ะ ฟังเจ้าฟิวส์มันอธิบายบ้างนะรู้ไหมเรา ” แม่บอกผม ก่อนที่ท่านจะเดินออกจากห้องไป
เห้อ มันจะเข้ามาหาผมทำไมนะ ผมว่ามันคงจะเข้ามาบอกเลิกผม มันคงจะรู้จักตัวเองมากขึ้นกว่าเดิมแล้วแหละว่ามันคงไม่ได้รู้สึกแบบเดิมกับผมอีกต่อไปแล้ว ถึงเวลาที่ผมต้องตัดใจจากมันแล้วสินะ
หลังจากที่แม่ออกจากห้องผมไป ผมก็จัดการธุระส่วนตัว เรียบร้อยผมก็เดินลงมากินอาหารเช้ากับพ่อและแม่ ท่านทั้งสองชวนผมคุยจนผมเริ่มเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ชั่วขณะ พ่อบอกผมว่าวันนี้ท่านไปที่ไร่ซะหน่อย ไม่ได้เข้าไปมาสองสามวันแล้ว ผมลืมบอกไปว่าครอบครัวของผมเป็นครอบครัวที่ทำเกษตรกรรมนะครับ มีสวนเป็นของตัวเอง มีทั้งสวนผลไม้ และแปลงปลูกผัก จะว่าไปผมก็ไม่ได้เข้าไปนานเหมือนกันนะเนี่ย
“ ถ้างั้นพ่อไปก่อนนะแม่ ว่าจะเข้าไปดูลูกน้องในไร่สักหน่อย เจ้าพีมไปกับพ่อไหม ”พ่อบอกแม่เสร็จ ก็หันมาถามผมหลังจากกินข้าวเสร็จ
“ เดี๋ยวผมตามเข้าไปตอนบ่ายนะครับ ตอนนี้รู้สึกมึนๆหัวนิดหน่อยนะพ่อ ”ผมบอกพ่อ เพราะตอนนี้รู้สึกมึนๆหัว สงสัยคงจะเป็นเพราะผมร้องไห้มากหนักเกินไป
“ กินข้าวเสร็จแล้วอย่าลืมกินยานะไอ้แสบ งั้นพ่อไปแล้ว ”
“ ครับ / จ่ะ ”
“พีม วันนี้แม่มีนัดกับป้าพร ว่าจะไปทำผมกันสักหน่อย หนูจะไปกับแม่ไหม ”
“ ไม่ดีกว่าครับ พีมกะว่าจะกินยาแล้วนอนพักสักหน่อย แล้วตอนบ่ายๆว่าจะเข้าไปที่ไร่น่ะครับ ” ผมบอก
“ เอางั้นก็ได้ลูก งั้นเฝ้าบ้านให้แม่ด้วยนะ ”
“ ครับ ”
.
.
.
[10:00 น. ]
“ พีมแม่ไปก่อนนะลูก ป้าพรเขามารอแล้ว อย่าลืมลงมากินข้าวนะลูก ”
“ ครับแม่ ”
ผมตอบรับแม่ผมก่อนจะฟุบหน้าลงไปกับหมอนอีกครั้ง ยาสองเม็ดนี้มันออกฤทธิ์ดีจริงๆครับ ผมนอนหลับไปตื่นนึงแล้ว ผมยังรู้สึกง่วงอยู่เลย งั้นผมขอนอนต่อก่อนนะครับ ง่วงมากกกก
[ ฟิวส์ : Talk ]
“ อื้อ หนัก ” ไอ้พีมมันครางออกมา สงสัยว่าผมคงกอดมันแน่นเกินไป ทำให้มันตื่นพอดี
“ ฟิวส์ ” มันเรียกชื่อผมเสียงแผ่ว ก่อนที่จะมีน้ำใสๆจะไหลออกจากตามัน ผมทำมันร้องไห้อีกแล้ว
“ พีม มึงฟังกูก่อน เรื่องนั้นกูอธิบายได้นะ ” ผมพูดบอกมัน ผมขอแค่โอกาสที่จะได้พูดบอกมันเท่านั้นเอง ไอ้พีมมันสะบัดมือผมออก มันพยายามผลักผมให้ออกห่างจากตัวมัน แต่ผมไม่ยอมเสียโอกาสที่จะได้อธิบายให้มันฟังอีกแล้ว
ผลั๊ก ตุบ !!
“ พีม ไอ้พีมกูเจ็บ พีมหยุดเถอะ กูขอโทษพีม กูขอโทษ ” ผมพูดบอกมัน เพราะตอนนี้มันปล่อยหมัด ทั้งซ้ายและขวา ทุบหลังผม ผมเลยคว้าตัวมันเข้ามากอด
“ ฮึก ปล่อย บอกให้ปล่อยไง ฮืออ ” ไอ้พีมมันร้องไห้ไม่หยุด แถมยังไม่เลิกทุบหลังผมอีกด้วย
“ ไม่ปล่อย กูจะไม่ปล่อยให้มึงหนีกูไปไหนอีกแล้วพีม มึงรู้ไหมว่าเมื่อคืนกูไม่ได้นอนทั้งคืนเลยรู้ไหม กูอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีมึงนะ ” ผมบอกมัน พร้อมกระชับกอดให้แน่นขึ้น
“ โกหก ฮืออ มึง โก... อื้อ ” มันพูดออกมาทั้งยังสะอื้นอยู่ แต่ผมจะไม่ให้มันพูดอีก ผมเลยก้มลงไปปิดปากมัน ไอ้พีมมันขัดขืนพยามจะผลักผมออก แต่ผมไม่ยอม ผมยังคงจูบมันอยู่อย่างนั้น จนมันหมดแรงเลิกทุบตีผม ผมจึงผละออก
“กูไม่ได้โกหกมึงนะพีม แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งกูอธิบายให้มึงฟังได้นะ มึงพร้อมจะฟังกูรึป่าว ” ผมพูดบอกมัน
“...”
“ วันนั้นน้องเขานัดกู บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับกู แต่เขาขอมาคุยที่ห้อง กูก็เลยตอบตกลงไปเพราะกูก็มีเรื่องจะคุยกับน้องเขาเหมือนกัน ที่แรกกูกับน้องเขาคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ ว่ากูไม่ได้คิดอะไรกับน้องเขา แต่กูไม่รู้ว่าน้องเขาใส่ยาปลุกเซ็กซ์ให้กูกินตั้งแต่เมื่อไหร่ น้องเขายั่วกู แต่กูไม่ได้มีอารมณ์ร่วมกับน้องเขานะ มึงก็รู้ว่ากูมีอารมณ์ง่ายกับมึงแค่คนเดียวเท่านั้นแหละ กูก็เลยผลักน้องเขาล้มลงที่เตียงแต่น้องเขาดึงกูลงไปด้วย แล้วมึงก็เข้ามาเห็นพอดี กูกับน้องเขายังไม่ได้ทำอะไรกันนะ ” ผมพูดอธิบายออกไปเป็นชุด พร้อมกับกอดไอ้พีม
“ รู้ไหมว่ากูเจ็บ อื้ออ ” มันพูดบอก ผมจึงก้มไปจูบมันอีกครั้ง
“ รู้ๆเพราะกูก็เจ็บไม่ต่างจากมึงหรอกนะพีม แค่กูเห็นน้ำตาของมึง กูก็เจ็บแล้ว ทั้งๆที่กูเป็นคนบอกมึงเองว่าจะไม่ทำให้มึงร้องไห้ แต่กูกลับเป็นคนทำมึงร้องไห้เองซะนี่” ผมพูดบอกด้วยน้ำเสียงติดตลกเล็กน้อย ก่อนจะเกลี่ยน้ำตาออกจากใบหน้าของไอ้พีม
“ พีม กูขอโทษนะ ที่ทำมึงร้องไห้ ขอโทษที่ทำให้มึงเสียใจ ขอโทษที่ทำให้ผิดหวัง ขอโทษ ”
“ … ”
ตุบ !!
“ โอ๊ย พีมกูเจ็บ ” ผมร้องออกมาเสียงดัง เพราะตอนนี้ไอ้พีมมันกลับมาแผลงฤทธิ์ใส่ผมอีกแล้ว
“ มึงให้โอกาสกูอีกสักครั้งได้ไหม ” ผมพูดบอกมัน
“ อือ ” เสียงตอบรับจากลำคอ แค่คำๆเดียว จากไอ้พีม ก็ทำให้ผมยิ้มได้
“ ขอบคุณ ขอบคุณนะพีม ” ผมบอกมันก่อนจะเข้าไปกอดมันอีกครั้ง ก่อนจะจูบมันจนมันครางต่ำในลำคอผมถึงได้ถอนจูบออก
“ กูรักมึงนะ ”
‘ รัก’ ของผมจะมีให้แค่ผู้ชายที่ชื่อ พีม คนนี้คนเดียว
******************
#บ้านพักใจ