ผมมีน้องสาวอยู่คนหนึ่ง เธอชื่อว่ามินา
เธอไว้ผมม้า รวบผมยาวไว้ด้านหลังด้วยหนังสติ๊กหลากสี ตาโตคิ้วโค้ง มองแล้วเเหมือนเด็กญี่ปุ่น
อายุเพิ่งได้ห้าขวบได้ไม่นาน
เธอเป็นเด็กซุ่มซ่าม โตขนาดนี้แล้วยังเดินล้ม ๆ สะดุดได้แม้แต่เท้าตัวเอง
คราวนี้ก็เหมือนกัน ปากเธอคาบขนมปัง มือเธอถือกล่องนม ส่วนอีกข้างถือแทปเลต
ขณะผมก้าวเข้าบ้าน เธอก็ขว้างสิ่งเหล่านั้นมาให้ผมพร้อม ๆ กัน พร้อมกับเสียงโครมเมื่อร่างของเธอกระทบพื้น
"หวาย..."
สิ่งที่ผมทำได้ตอนนั้น ปากคาบแทปเลต มือขวาคว้าขนมปัง มือซ้ายรับขวดนมไว้ได้ ทั้งหมดลอยมาพร้อมกันในอากาศ มันเป็นสัญชาตญานพิเศษที่ผมเองก็ยังงงตัวเองอยู่เหมือนกันว่าทำได้ยังไง
กระนั้นผมก็ต้องล้มก้นจ้ำเบ้า หงายผึ่งลงไปกับพื้นเพราะเสียหลัก
แล้วก็มีเสียงแปะ ๆ จากการตบมือของเจ้าตัวเแสบ
เธอไม่ได้ตบมือชื่นชมผม เธอตบมือไปมาเพื่อปัดฝุ่นที่มือของเธอ
"เอาของมินาคืนมา.."
"ไม่แปลกใจเลยรึว่าทำไมพี่ถึงรับได้ นมไม่หกแม้แต่หยดเดียว?"
ผมพูดอู้อี้เพราะปากคาบแทปเลตอยู่ เธอทำสีหน้าแปลก ๆ
"น้ำลายพี่ไหลเปรอะแทปเลตหนู่แล้ววว"
นั่นเป็นเรื่องของน้องสาว ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อยู่บ้าง ไม่ต้องกล่าวถึงก็ยังได้
แต่ที่ผมเอามาเปิดเรื่องก็เพราะมันเหมือนจริง ๆ
มันเหมือนเรื่องในการ์ตูนเรื่องหนึ่ง ที่ผมเคยอ่านมาตอนเด็ก ๆ มีการเปิดตัวพระเองด้วยฉากนี้แหละ
ผมซึ่งไม่ใช่พระเอก คืนข้าวของเหล่านั้นให้น้องสาวไป พร้อมกับนึกถึงฉากต่อไป
ในการ์ตูนจะต้องมีเพื่อนมาเรียก เป็นเพื่อนซี้มาตั้งแต่ชั้นประถม
เพื่อที่จะออกไปทำธุระอะไรกันซักอย่าง
แล้วผมก็ถึงกับใจหาย..เมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อดังมาจากรั้วบ้าน
"นายธัน..อยู่ป่าวววว?"
นั่นมันเสียงของยัยปาล์ม เพื่อนเล่นต่างเพศมาตั้งแต่เรียนชั้นประถมของผมจริง ๆ
ตายล่ะหว่า หรือเรื่องนี้จะเป็นเหมือนในการ์ตูนจริง ๆ??
ในชีวิตจริงมีอย่างนี้ด้วยหรือ??
++++
เธอมาพร้อมกับสายฝน
สายฝนที่ทำให้ผมรีบกลับบ้าน เธอกลับมาชวนผมฝ่าสายฝนไปทำธุระกับเธอ
"เป็นเพื่อนซี้กัน ต้องไปด้วยกันสิ"
ผมมองดวงตากลมบ๊องแบ๊วนั้นอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี เพื่อนซี้ของเธอแปลว่าอะไรกันแน่?
ผมสั้นแค่คอตามปกติของเด็กสาวมัธยมต้น เธออยู่ในชุดสีทึม ๆ กับกางเกงยืดรัดตัว
ปากเธอแดง หูเธอกางออกมาจากไรผมเล็กน้อย
เธออายุสิบห้าเท่าผม
""แล้วจะไปไหนล่ะ?"
"เถอะน่า..ตามมาเถอะ"
เธอพูดเหมือนในการ์ตูนเรื่องนั้นเปี๊ยบเลย แต่ว่า ในการ์ตูนเพื่อนซี้ที่มาเรียกเป็นผู้ชายไม่ใช่รึ?
ผมแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
ขออย่าให้เหมือนในการ์ตูนเลยนะ
++++
สภาพถนนที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำที่กระเด็นเจ๊าะแจ๊ะขึ้นมาเปื้อนรองเท้า ทำให้ผมไม่ค่อยอยากจะไปไหนไกลนัก
"ถึงหรือยังล่ะ?"
"นั่นไง.." เธอชี้มือไปที่แห่งหนึ่ง
เราสองคนยืนอยู่หลังต้นไม้ต้นใหญ่ฝั่งตรงข้าม ถนนรถราไม่มากนักขวางกั้นเราอยู่
ผมมองตาม..มันเป็นร้านคาร์แคร์ร้านเดียวที่เมืองของเรามีอยู่
"แล้วไง?"
เธอเพ่งตามองตามใครคนหนึ่ง ผมยาวประบ่า ใส่หมวกสีส้ม เสื้อยืดสีน้ำเงิน กับกางเกงกีฬาสีดำ
ผมมองเห็นแต่สันจมูกของเขาที่โผล่พ้นออกมา ขณะที่เขากำลังก้ม ๆ เงย ๆ ล้างรถหรูคันหนึ่งอยู่
"ใคร?"
"แฟนฉันเอง"
ผมถอนใจ ยัยปาล์มมักขี้ตู่อย่างนี้เสมอ
แม้แต่ผมเธอก็เคยทึกทักว่าเป็นแฟนกันมาพักหนึ่ง กระทั่งผมต้องใชคำพูดเด็ดขาดไปในวันหนึ่ง เธอถึงยอมเลิกลา
"ฉันไม่ชอบผู้หญิง"
"แล้วทำไมมายืนแอบดูอยู่ตรงนี้??" ผมถาม
เธอทำหน้าแดง ม้วนไปมา
"เขายังไม่รู้ตัวน่ะดิ ว่าเขาเป็นแฟนฉันแล้ว"
"คบกันมานานรึยัง?"
"ฉันแอบดูเขามาได้อาทิตย์หนึ่งแล้ว"
"นานนะนั่น.."
"ใช่มะ ถึงเวลาแล้วที่ฉันจะต้องให้เขารู้ให้ได้ว่าเขาต้องเป็นแฟนฉันแล้วใช่มะ?"
ผมส่ายหัว
"ฉันยังไม่ได้พูดอย่างนั้นสักหน่อย.."
ปาล์มทำสีหน้ากลุ้มใจ
"ช่วยฉันหน่อยสิ ขอแค่ให้ฉันได้รู้จักชื่อเขาก็พอ.."
ผมเกาหัว ฝนยังไม่มีทีท่าจะหยุดตก เราสองคนคุยกันในร่มคันเดียวกัน
"เป็นเหารึไง อย่ามาติดฉันนะ"
ผมคว้ามือเธอออกจากโคนไม้ใหญ่นั้น
"บุกเข้าไปเลยดีกว่า.."
"ว๊าย..."
ในทันทีที่เรามายืนอยู่หน้าร้านคาร์แคร์แห่งนั้น ยัยปาล์มที่หวีดว้ายเป็นพิธีก็เงียบกริบ
มีเหตุการณ์ที่เหมือนกับในการ์ตูนเรื่องนั้นเป๊ะ ๆ เกิดขึ้น
ชายฉกรรจ์สองคน ดูก็ออกว่าน่าจะเป็นรุ่นพี่ของเด็กหนุ่มคนที่ยัยปาล์มแอบชอบอยู่ เดินเข้าไปผลักอกเขาจนฟองน้ำในมือของเขาก็เด็น ฟองแชมพูกระจาย เขาเซถอยหลังไปสองสามก้าว
"มึงทำอะไรของมึงวะ กูบอกแล้วไงว่าเด็กใหม่อย่างมึงต้องไปล้างผ้ายางก่อนไม่ใช่มาล้างรถ รถหรูอย่างนี้มึงทำของเขาเป็นรอยน้ำหน้าอย่างมึงจะมีเงินชดใช้เขารึวะ?"
มันเป็นเสียงหาเรื่องโดยแท้ ผมเองที่เป็นคนเรียบร้อยใจเย็นยังรู้สึกเลยว่าเสียงมันกวนตรีนจริง ๆ
แต่หมอนั่นใจเย็นยิ่งกว่า ร่างสูงของเขาสงบนิ่ง ตาคมวาว ปากบางเม้นแน่น
"ชิ ทำเป็นขยัน หัวหน้าเขาไม่พิศวาสอะไรมึงนักหรอก มาได้ไม่กี่วันทำตัวได้น่าเตะดีเหลือเกินนะมึง.."
เขายังคงเงียบ ผมก็เดาได้ ไอ้หนุ่มจมูกโด่งคนนั้นคงเป็นเด็กใหม่ที่ขยันซะจนเด็กเก่ารู้สึกเสียหน้านั่นเอง
"มองหน้าอีก มีปัญหารึไง" ไอ้รุ่นพี่อีกคนตะคอกมา พร้อมกระโจนเข้าใส่
ยัยปาล์มยกมือปิดปากตาเหลือก ผมหลับตาปี๊ ผมไม่เคยทนดูเรื่องพวกนี้ได้มาแต่ไหนแต่ไร
ได้ยินเสียงตุบตับไม่กี่ทีทุกอย่างก็เงียบกริบ
พอผมลืมตาขึ้นมา ภาพตรงหน้าก็ทำให้อ้าปากค้าง
ฉกรรจ์สองคนนอนเค้เก้อยู่กับพื้น ไอ้หนุ่มผมยาวเดินไปหยิบฟองน้ำตรงไปล้างรถต่อ
"นี่มันในการ์ตูนชัด ๆ "
ผมอุทานออกมาอย่างลืมตัว
++++