บทนำ
ถ้าเราไม่เคยเจอกับความทุกข์......
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าอะไรคือความสุข.....
มือคู่เล็กยื่นออกไปรับตุ๊กตากระต่ายสีขาวสะอาดมากอดไว้ในอ้อมอกอย่างยินดีโดยมีรอยยิ้มของผู้ให้ปรากฏอยู่บนใบหน้าฝ่ามืออุ่นลูบไล้ไปมาบริเวณพวงแก้มสีแดงระเรื่อของร่างเล็กตรงหน้า
“ชอบไหมจ๊ะ”
“ชอบมากที่สุดเลยครับ”
ตอบคำถามนั้นจบร่างเล็กก็ก้มหน้าลงหอมเจ้าตุ๊กตาขนสัตว์เพื่อยืนยันคำตอบเสียงหัวเราะเบาๆ แว่วออกมาจากฝ่ายของผู้ให้สายตายังคงจับจ้องอย่างเอ็นดู
“มันมีชื่อไหมครับแม่”
“ลูกตั้งให้มันสิจ๊ะ”
“ไม่เอา ผมอยากให้แม่ตั้งให้มากกว่า” ร่างน้อยๆ ส่ายศีรษะแล้วยื่นตุ๊กตานั้นไปตรงหน้าของหญิงผู้ให้กำเนิดฝ่ายผู้เป็นแม่ยิ้มรับบางๆ แล้วทำท่าครุ่นคิดอยู่เพียงครู่
“ถ้าอย่างนั้น...แม่ตั้งชื่อให้มันว่า‘เจ้าเมฆขาว’ก็แล้วกันนะจ๊ะ”
“เจ้าเมฆขาวเหรอ?ดีจังครับ ตกลงมันชื่อเจ้าเมฆขาวนะครับ” พูดจบก็ดึงตุ๊กตากลับมาแล้วกอดไว้อย่างถนอม
“ผมจะดูเจ้าเมฆขาวอย่างดีเลย แม่ให้ผมจริงๆ นะ” ร่างน้อยๆ พูดอย่างกระตือรือร้นพลางก้มหน้าลงจูบเจ้าตุ๊กตาตัวนั้นอีกครั้งอย่างรักใคร่
รอยยิ้มค่อยๆ จางหายไปจากใบหน้าของผู้เป็นแม่มีเพียงดวงตาโศกเศร้าเท่านั้นที่มองลูกรักไม่วางตาเด็กคนนี้ยังเด็กเกินกว่าที่จะรับรู้เรื่องราวเลวร้ายใดๆ
“ผมต้องอาบน้ำให้มันไหมครับ” เสียงใสๆ ยังตั้งคำถามต่อไปอย่างไร้เดียงสา
“เจ้าเมฆขาวไม่ชอบอาบน้ำหรอกจ๊ะ” เธอตอบพร้อมกับลูบศีรษะลูกน้อยไปด้วย
รอยยิ้มของเด็กคนนี้ทำให้เธอมีความสุขทุกครั้งที่เห็นแต่ครั้งนี้มันไม่เป็นเช่นนั้นเพราะความรู้สึกของเธอตอนนี้มีเพียงแค่ความเศร้าโศกเท่านั้น
“ทานต์”
“ครับแม่”
“เวลาที่ลูกคิดถึงแม่ก็ให้กอดเจ้าเมฆขาวไว้เข้าใจไหมจ๊ะ”
ตั้งแต่ที่ได้ของเล่นชิ้นใหม่มานั้นเด็กน้อยก็ไม่ได้ละสายตาออกจากมันเลย แต่พอได้ยินผู้ให้กำเนิดพูดเช่นนี้ร่างเล็กนั้นถึงกับวางเจ้าตุ๊กตาขนสัตว์ลงทันที
“ไม่เข้าใจ....ถ้าคิดถึงแม่ก็ต้องกอดแม่สิ”
ไม่พูดเปล่าแต่มือเล็กทั้งสองข้างตวัดกอดผู้ให้ไออุ่นแกเขาตลอดมาทันทีผู้เป็นแม่เม้มปากแล้วกอดตอบลูกชายตัวน้อยแนบแน่นพลางพยายามกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลรินออกมาถ้าไม่มีเธอเด็กน้อยคนนี้จะเป็นเช่นไร
“แม่เล่านิทานให้ฟังหน่อยสิครับ”
“ได้สิลูก” แม้น้ำตากำลังจะเอ่อล้นแต่เธอก็ไม่ปฏิเสธคำขอนั้น
“แต่คนเก่งของแม่ต้องนอนลงที่หมอนก่อนนะจ๊ะ”
โดยไม่ต้องรอให้ย้ำคำร่างเล็กนั้นก็ล้มตัวนอนลงทันทีในขณะที่ผู้เป็นแม่ก็เอนตัวนอนลงกอดลูกชายไว้ด้วยเช่นกัน
“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว” น้ำเสียงอ่อนโยนเริ่มต้นเล่านิทานให้เด็กน้อยฟัง “มีเด็กชายเล็กตัวๆคนหนึ่งอาศัยอยู่กับแม่ของเขาในบ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น และวันหนึ่งแม่ของเขากลับมาพร้อมกับตุ๊กตาตัวใหญ่...”
“ใหญ่แค่ไหนครับแม่? ใหญ่กว่าเจ้าเมฆขาวหรือเปล่า?” เอื้อนเอ่ยถามแทรกขึ้นมาตามประสาฝ่ามืออุ่นลูบพวงแก้มยุ้ยๆ อย่างเอ็นดู
“เหมือนเจ้าเมฆขาวนี่แหละ”
เมื่อได้รับคำตอบอันเป็นที่พอใจแล้วร่างเล็กนั้นก็ไม่เซ้าซี้อะไรอีกแต่ยังคงส่งสายตาจับจ้องมองใบหน้ามารดาเพื่อฟัง ‘นิทานเรื่องใหม่’ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
“แม่ของเด็กคนนั้นได้บอกกับเด็กชายตัวเล็กๆ คนนั้นว่า...‘แม่จะต้องไปในที่ที่ไกลแสนไกลและไม่อาจพาลูกไปได้ตุ๊กตาตัวนี้จะเป็นตัวแทนของแม่ที่จะคอยอยู่เคียงข้างลูกเสมอ’ฉะนั้นลูกต้องดูแลมันดีๆนะจ๊ะ”
สีหน้าของเด็กชายเริ่มสลดลงนิทานในความหมายของเขาจะต้องมีแต่ความสุขสิแต่นิทานเรื่องนี้ของแม่มันไม่เห็นเป็นเหมือนที่เขาคิดไว้เลย
“แม่” เสียงเล็กๆ เอ่ยเรียกมารดาเบาๆ
“ผมไม่อยากฟังเรื่องนี้ต่อแล้วล่ะครับ มันเศร้าเกินไป”
“ผมไม่อยากให้แม่ของเด็กคนนั้นจากไปไหนผมอยากให้แม่ของเขาอยู่กับเขาตลอดไปแม่เปลี่ยนให้เขาได้อยู่กับแม่ของเขาได้ไหมครับ”
คำถามนั้นทำให้ขอบตาของนักเล่านิทานถึงกับร้อนผ่าวถ้าทำได้เธอก็คงทำเช่นนั้นเช่นกัน
“ทานต์ฟังแม่นะลูก” ร่างเล็กขยับเข้ากอดมารดาแน่นขึ้นดวงตาสุกใสจ้องมองอย่างเชื่อฟัง
“นิทานน่ะไม่ได้จบแบบมีความสุขเสมอไปหรอกนะจ๊ะ”
“ทำไมล่ะแม่” เด็กน้อยตั้งคำถามอย่างไม่เข้าใจ แต่คำถามนั้นไม่ได้รับคำตอบตามต้องการ
“สักวันหนึ่งลูกจะรู้เอง”
“วันไหนล่ะครับ”
ท่าทางไร้เดียงสานั้นทำให้ผู้เป็นแม่หัวเราะได้ทุกครั้งแต่ในวันนี้ความรู้สึกมันกลับกันน้ำตาไหลลงอาบแก้มอย่างกลั้นไม่อยู่แม้ว่าจะได้พยายามอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม
“แม่ร้องไห้ทำไมครับ” เด็กน้อยผลุนผลันลุกขึ้นด้วยความตกใจเล็กน้อย
“แม่แค่สงสารเด็กคนนั้น”
มือเล็กยกขึ้นเช็ดน้ำตาให้มารดาอย่างแผ่วเบา
“แม่ไม่ต้องห่วงนะครับ ยังไงเด็กคนนั้นก็ต้องตามหาแม่ของเขาจนเจอแน่ๆ” เสียงเล็กๆ ที่เอื้อนเอ่ยเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น “เพราะนิทานของเราต้องจบแบบมีความสุขเสมอ”
คราวนี้คนได้ฟังร้องไห้ออกมาอย่างหนักพร้อมกับกอดลูกรักไว้แนบแน่นเด็กก็ยังคงเป็นเด็กซึ่งใสซื่อบริสุทธิ์ในทุกสถานการณ์
“ทานต์จ๊ะ” ในที่สุดเธอก็จัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้
“ครับแม่”
“นอนได้แล้วลูกรัก”
“ครับ”
ร่างเล็กหลับตาลงอย่างว่าง่ายดังเช่นทุกครั้งผู้เป็นแม่ก้มหน้าลงจูบลูกรักอย่างหนักหน่วงและเนิ่นนาน
“แม่รักลูกมากนะจ๊ะ” พูดจบก็วางตุ๊กตาลงในอ้อมแขนเล็กของลูกชาย เด็กน้อยกอดมันอย่างรักใคร่โดยหารู้ไม่เลยว่า…
‘แม่กำลังบอกลาเขาด้วยตุ๊กตาตัวนี้’