ชีวิตที่สมบูรณ์พร้อมด้วยทรัพย์สินเงินทองฐานะชาติตระกูล สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เหล่าบุรุษเพศต่างปรารถนาหมายมั่นให้ได้มาครอบครองก่อนชีวาอันแสนสั้นของมนุษย์จักล่วงลับสูญสลายกลายเป็นเพียงส่วนหนึ่งของวัฏจักรของธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ ทว่าอุดมคติที่ใครหลายคนเฝ้าถวิลหาอยากครอบครองนั้น หาใช่เรื่องง่ายดายเพียงแค่ปรารถนาก็จักได้มาเป็นของตน แต่ในบางครั้งโชคชะตาก็เล่นตลกกับมนุษย์
หมู่บ้านแห่งหนึ่งทางทิศตะวันออกห่างจากเมืองหลวงราวหกร้อยกิโลเมตร พื้นที่ในบริเวณนี้เป็นเขตเนินเขาและภูเขาสูงปกคลุมด้วยป่าไม้กว้างใหญ่ เนื่องด้วยพื้นที่ราบสำหรับการเพาะปลูกมีอยู่อย่างจำกัด ผู้คนโดยส่วนใหญ่ประกอบอาชีพหาของป่าและนายพรานล่าสัตว์ดำรงชีพ
กระท่อมหลังน้อยท้ายป่าทรุดโทรมจนน่ากลัวว่าจะพังได้ทุกเมื่อ ที่นั่นเสียงของขวานที่กำลังผ่าท่อนฟืนดังขึ้นเป็นจังหวะ แขนของเด็กชายวัยที่อายุยังไม่ขึ้นเลขสองหลักใช้สายตาเล็งกะระยะให้คมขวานสับตรงกลางของไม้ได้พอดิบพอดี เมื่อผ่าได้ในจำนวนที่ต้องการจึงก้มลงเก็บท่อนฟืนเต็มอ้อมแขน ยกขนเข้าไปในกระท่อมอันเป็นที่พักผิงซุกหัวนอน มือทั้งสองข้างชาลมหนาวจนแทบไร้ความรู้สึก อุณหภูมิภายนอกลดต่ำลงเมื่อลมหนาวมาเยือนอีกรอบฤดูกาล
ดวงตาสีน้ำตาลหันมองร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงไม้เก่าหลังเดียวในกระท่อมใต้ผ้านวมหนาที่มีรอยฝีเข็มจำนวนมากที่เกิดจากการนำเศษผ้ามาเย็บรวมกันจนเป็นผืนเดียว เด็กชายนั่งยองเติมฟืนเข้าไปในเตาผิงเพื่อเพิ่มความอุ่นให้ชีวิตไม่ต้องจบลงเพราะความหนาวไปอีกหนึ่งฤดูกาล
ลมหนาวพัดเข้ามาด้านในกระท่อมผ่านกรอบไม้ของประตูที่ถูกเปิดออกโดยชายแปลกหน้าที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เด็กชายที่เนื้อตัวสกปรกมอมแมมยังคงนั่งอยู่ที่เดิมแม้ชายในเครื่องแบบทั้งสองคนจะเดินเข้ามาใกล้
“เจอตัวจนได้” ยังไม่ทันที่เด็กชายจะได้เอ่ยถามสิ่งใดออกไป ชายอีกคนหนึ่งก็พูดต่อ “พวกเราได้รับคำสั่งให้มาพาตัวท่านกลับไปกับเรา”
“ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น” ท่อนฟืนถูกโยนใส่เข้าไปในเตาผิง “ข้าจะอยู่กับแม่ที่นี่”
ชายในเครื่องแบบหันมองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างมีสีหน้าลำบากใจไม่แพ้กัน แต่สุดท้ายคนที่อายุน้อยกว่าก็เข้าคว้าตัวจากทางด้านหลัง เด็กชายพยายามขัดขืนสู้สุดแรง แต่สุดท้ายก็ต้องสงบลงเพราะถูกชกเข้าที่ท้องอย่างแรง ได้ยินเสียงกล่าวคำขออภัยห้วนๆจากชายคนหนึ่ง แม้ดวงตาเริ่มพร่ามัวแต่ยังคงเพรียงเรียกหามารดาผู้ยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียง
ที่นี่คือสวรรค์อย่างนั้นเหรอ…?
มือยกกุมท้องที่ยังคงรู้สึกปวดแปลบขณะพยุงตัวลุกขึ้นนั่ง เตียงสี่เสาหลังใหญ่ทั้งนุ่มทั้งอุ่นสบาย ห้องนี้กว้างเกือบหนึ่งในสามของกระท่อมท้ายป่าที่เติบโตมา เด็กชายรู้สึกตื่นเต้นระคนด้วยห้องนี้ตกแต่งได้วิจิตรงดงามราวกับสวรรค์ พรมผืนใหญ่สีแดงที่แขวนบนผนังช่างเด่นสะดุดตา ลวดลายทอจากเส้นไหมทอง มองพิจารณาให้ดีก็พบว่าเป็นรูปหัวสิงโต เด็กชายสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู หันไปมองก็พบหญิงวัยกลางคนสองนางในชุดกระโปรงดำยาวคาดผ้าผืนยาวที่เอว
“พวกดิฉันจะพาท่านไปชำระล้างทำความสะอาดร่างกายนะคะ”
แม้ยังคงสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ถึงกระนั้นเด็กชายกลับว่าง่ายไม่แสดงอาการขัดขืนหรือสร้างความลำบากอื่นใดให้กับสองหญิงรับใช้วัยกลางคนแม้แต่น้อย เด็กชายหลับตาเมื่อน้ำอุ่นเทราดเหนือศีรษะล้างฟองกลิ่นหอมออกจากเส้นผม เสื้อผ้าสะอาดสะอ้านและตัดเย็บอย่างประณีตถูกนำมาให้ แม้จะหลวมไปสักหน่อยแต่ก็ใกล้เคียงกับรูปร่างของเด็กชาย เมื่อแต่งตัวเรียบร้อยแล้วหันมองในกระจกไม่อยากเชื่อภาพที่สะท้อนของบนนั้น
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“…ไม่มีอะไรหรอก” เด็กชายตอบ
เดินตามหลังหญิงรับใช้ทั้งสองเดินมายังห้องซึ่งอยู่บนชั้นสามของคฤหาสน์หลังใหญ่ เพียงแค่ประตูทางเข้าก็ทำให้หัวใจเต้นรัวประหนึ่งกลองศึก ทั้งสองค้อมศีรษะและบอกให้เด็กชายเปิดประตูเข้าไป มือเล็กยื่นไปแตะลูกบิดนั้นสั่นน้อย เดินก้าวเท้าเข้าไปในห้องที่มีชายสูงวัยนั่งอยู่บนเก้าอี้นวมสักหลาด ด้านหลังนั้นคือชายในเครื่องแบบสองคนเดียวกับที่พบที่กระท่อมเมื่อตอนนั้นยืนอยู่ด้านหลัง คนตัวเล็กทำได้เพียงยืนนิ่งเงียบเมื่อสบเข้ากับดวงตาของชายสูงวัยที่คมกริบราวสายตาของพญาราชสีห์จ้องมองมา
“นับแต่นี้ไป เจ้าต้องอยู่ที่นี่”