ก่อนไฟรักจะเผาใจ - กุมภ์พวา
หากความรักเกิดขึ้นถูกที่ ถูกเวลา ปัญหารักต้องห้าม คนต้องห้าม
ก็คงไม่ล้นสังคมอย่างเช่นทุกวันนี้ มนุษย์เรานี่ก็แปลก
ส่วนใหญ่รู้ทั้งรู้ว่าเป็น รักต้องห้าม คนต้องห้าม ยิ่งต้องห้าม กลับยิ่งห้ามใจไม่ได้
กระโดดเข้าไปในกองไฟ แม้จะร้อนแผดเผา ก็ยอมเล่นกับไฟในอเวจี
ปลายทางสุดท้ายของรักต้องห้าม คนต้องห้าม
มักไม่มีใครได้ครอบครอง เป็นเจ้าของ เพราะถูกกองไฟเผาไหม้จนกลายเป็นเถ้าธุลี
***ตัวอย่างชวนอ่านเรียกน้ำย่อย นิยายเรื่องนี้มี 2 คู่นะคะ***
ตฤณ - อัญรินทร์ (ข้าวฟ่าง) (ความรักในรูปแบบของรักแรก และรักเดียวที่ฝังใจ จนมิอาจลืม)
อุณหภูมิของอากาศเริ่มลดลงในเวลาใกล้รุ่ง ทำให้ร่างหนาเพิ่มแรงกอดกระชับร่างนุ่มละมุน ที่เขากอดแนบอกมาตลอดคืน เพราะความหอมความหวานของคนที่เขากกกอด ทำให้อารมณ์ง่วงของตฤณโบยบินออกนอกหน้าต่าง กลับมีอารมณ์อย่างอื่นที่เพิ่งสงบนิ่งไปเมื่อตอนดึก กลับถูกปลุกให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง
ความปรารถนาในเรือนกายของคนในอ้อมกอดค่อยๆ ปะทุขึ้น มือที่โอบกระชับเปลี่ยนเป็นลูบไล้ตามเรียวแขนกลมกลึง เรียวปากชื้นเริ่มแตะเบาๆ ตรงซอกคอกลิ่นละมุน ไล่จูบลงน้ำหนักตรงเรียวปากหวาน ดั่งเรียกสติที่กำลังนิทราของหญิงสาวให้ตื่นขึ้น เธอมาได้สติบริบูรณ์ เมื่อมือร้อนบีบขยำอกอวบแรงๆ ปลุกไฟรักที่เพิ่งมอดให้ลุกโชน
“นายจะทำอะไรฉันอีก” เสียงร้องถามได้ไม่เต็มคำ อื้ออึงอยู่ในลำคอ
“เธอมันแม่มดชัดๆ ข้าวฟ่าง เธอร่ายมนต์อะไรฮ่ะ ทำไมฉันห้ามตัวเองไม่ได้เลย” ปากก็พูดไปราวละเมอ
ก่อนที่ร่างสูงเปลือยเปล่าเบี่ยงออกเล็กน้อย เพื่อสะบัดผ้าห่มผืนหนาให้พ้นจากร่างงามไร้ซึ่งเสื้อผ้า แล้วร่างหนักก็ทำหน้าที่แทนผ้าห่มเสียเอง แต่ผ้าห่มผืนนี้ไม่ช่วยคลายหนาว กลับทำให้ร้อนรุ่มไปทั้งร่าง สองแขนแกร่งยันขึ้นเล็กน้อย เพื่อมองดวงหน้าที่ตรึงอยู่ในใจ แววตาเต็มล้นไปด้วยไฟพิศวาส
ชั่วครู่เดียวความสนใจถูกเบนไปที่ทรวงอกสล้าง ซึ่งสะท้อนขึ้นลงหนักๆ ชายหนุ่มไม่รอให้บัวคู่งามเดียวดายนานไปกว่านี้ เรียวปากร้อนก้มลงกลืนกินยอดอก จนจมหายละลายในปาก มือร้ายก็เฝ้าเคล้นบีบขยำอีกข้าง ขณะที่ส่วนล่างของร่างทั้งสองแนบสนิท ถ่ายเทความร้อนรุ่มให้กันและกัน
เรียวปากหยักเฝ้าขบเม้ม ดูดดึงอกอวบอย่างหลงใหลอยู่เป็นนาน แต่ตอนนี้ความปรารถนาเริ่มเรียกร้องให้แนบชิด ไหล่หนากว้างจึงค่อยๆ เคลื่อนต่ำลง แต่มือใหญ่ยังไม่ยอมละจากอกอิ่ม เรียวปากร้อนราวคนเป็นไข้แตะสัมผัสบนกุหลาบงาม ที่เขาครอบครองมาแล้ว แต่ยังไม่รู้จักอิ่ม จนเจ้าของดอกกุหลาบถึงกับสะดุ้ง เพราะความซ่านสยิว และความปรารถนาที่รอปลดปล่อย
ชายหนุ่มชื่นชมดอกไม้งามจนหนำใจ ก่อนแยกขาเรียวให้เปิดออกกว้าง แล้วนำพาความใหญ่โตแทรกสัมผัส เพราะพรหมจรรย์เพิ่งถูกเขาทำลายไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมง ความคับแน่นของช่องทางรักยังปิดสนิท
ตฤณต้องพยายามระงับความต้องการซึ่งอัดแน่น ไม่ทำตามสัญชาตญาณดิบที่เรียกร้อง จนนำพาความเจ็บปวดมาสู่ร่างกายที่ได้แต่นอนบิดเร่า สองมือจับสะโพกหนั่นที่กระถดถอยหนี แล้วค่อยๆ กดความมหึมาให้จมลึกลงไป
เพราะความทรมานของทั้งคู่ ซึ่งตกอยู่ในวังวนพิศวาส ในห้องนี้จึงเต็มไปด้วยเสียงครางกระเส่า ที่สอดประสานกัน จนเมื่อเจ้ามังกรยักษ์เข้าไปจนสุด ร่างหนาก็ฟุบลง
“ฉันเจ็บ ตฤณเจ็บ เอาออกไปเดี๋ยวนี้”
รอยเล็บทั้งสิบนิ้วจิกลงบนหลังของเขา เพื่อคลายความปวดและความเสียวซ่าน
“อย่าเกร็งสิข้าวฟ่าง เดี๋ยวฉันจะทำให้เธอลืมความเจ็บ” สะโพกหนาเริ่มเคลื่อนไหวเป็นจังหวะ ตวัดขาเรียวให้โอบรอบเอวสอบ เรียวปากยังเฝ้าชอนไชปิดกั้นเสียงครางระงม มือของทั้งสองประสานจับกันแน่น ราวถ่ายทอดสัมผัสให้กันทุกอณูเนื้อ
เมื่อความต้องการเดินมาใกล้สุดทาง แรงกดสะโพกก็หนักขึ้น จนคนใต้ร่างรับแทบไม่ไหว สองมือจับสะโพกผายไว้แน่น เร่งซอยจังหวะ แรงกระแทกทั้งหนักทั้งเร็ว จนได้ยินเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องห้องนอนกว้าง
“ลุกขึ้นได้แล้ว ฉันหนัก” คนพูดยังไม่คลายอาการหอบเหนื่อย ดูท่าว่าจะเสียน้ำลายเปล่า เพราะนอกจากเขายังนอนนิ่ง ทิ้งลมหายใจร้อนๆ รดรินข้างใบหูเธอ ตอนนี้ส่วนที่สอดประสานในตัวเธอเริ่มขยายทีละน้อยๆ จนพองคับแน่นในที่สุด
“ดิ้นอีกสิข้าวฟ่าง ลูกชายฉันยังกินไม่อิ่มเลย กินเธอไปตั้งหลายยก ก็ยังไม่รู้จักอิ่ม”
“ไอ้บ้า! ลุกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“ยังไม่หยุดดิ้น แสดงว่าคิดเหมือนกันกับฉันใช่มั้ย เธอก็ยังกินฉันไม่อิ่ม”
“โอ๊ะ! หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ” เธอต้องออกปากหลุดร้อง เพราะถูกกัดที่อกอวบ แถมส่วนที่เชื่อมต่อกันเริ่มเดินเครื่องทำงานอีกครั้ง
แล้วทำไมเธอต้องยอมผู้ชายคนนี้
ธีริน - คุณหมอเมธาวี (ความรักในรูปแบบของรักต้องห้าม อยากถอนตัวแต่ยิ่งถลำลึก)
“ผมเองไม่ใช่พี่หมอของคุณหรอก” คนพูดเรียบขรึมทั้งสีหน้าและน้ำเสียง
ครั้นเมธาวีเห็นว่าเป็นใคร เธอบอกตัวเองว่าไม่ควรยืนอยู่ตรงนี้ จึงยอมเสียมารยาทเอ่ยปากขอตัว
“ฉันขอตัวก่อนนะคะ”
“คุณรังเกียจผมขนาดนี้เลยเหรอ แค่ยืนใกล้ๆ กันยังไม่ได้ ถึงกับต้องเดินหนี หรือคุณหมอชอบแต่คนมีเจ้าของ”
เพราะวาจาที่ปรามาสใส่ ทำให้เมธาวีหยุดนิ่ง สกัดกั้นอารมณ์โกรธซึ่งตีขึ้นหน้ามาอย่างทันทีทันใด
“คุณยังไม่รู้จักฉันดีพอ เพราะฉะนั้นอย่ามาพูดจาดูถูกกัน มันไม่ใช่นิสัยสุภาพบุรุษ”
“ผมก็พูดตามที่เห็น แฟนเขานอนอยู่ในห้องใกล้ๆ กันแค่นี้ แต่คุณหมอเมธาวีมายืนกอดแฟนชาวบ้าน แล้วจะให้ผมคิดในแง่ดีได้ยังไง ใครเห็นเขาก็คิดเหมือนผม”
ธีรินพูดหน้านิ่ง มองร่างบางที่เดินกลับมาประจันหน้ากับเขาอย่างไม่คิดกลัว
“ฉันจะกอดกับใครหรือทำผิดศีลธรรมข้อไหน มันก็ไม่เกี่ยวกับคุณ แต่ที่แน่ๆ ฉันไม่คิดจะแตะเนื้อต้องตัวกับพวกอันธพาลเช่นคุณ คุณธีริน” เพราะความโมโหจนลืมตัว ทำให้เมธาวีมายืนจ้องหน้าคนปากร้าย ใจแคบ มองโลกในแง่ร้าย
“ผมก็มีเจ้าของนะ คุณไม่คิดจะยุ่งกับผมหน่อยเหรอ” แววตาคนถามฉายความกรุ้มกริ่ม พูดทีเล่นทีจริง จนเมธาวีต้องถอยหลังออกห่าง เพราะสัมผัสได้ถึงรังสีปริศนาบางอย่างแผ่ออกมา
“เหรอ...” น้ำเสียงคล้ายดูถูก อยากให้คนฟังเจ็บใจเล่น
“ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ย ฉันล่ะสงสารผู้หญิงโชคร้ายคนนั้นจัง”
พูดจบเธอก็รีบเดินออกจากดินแดนอันตราย ตรงหน้าไปยังห้องนอน หมายจะรีบเข้าห้องแล้วปิดประตู ปิดการเสวนากับผู้ชายไร้มารยาท
แต่ทุกอย่างช้าไปเสี้ยวนาที เพราะร่างสูงร้อยแปดสิบมายืนขวางประตูและกำลูกบิดไว้แน่น ก่อนเปิดออกแล้วดันตัวเธอเข้ามาในห้อง การเคลื่อนไหวทุกอย่างเร็วมากเพียงเสี้ยวหนึ่งของลมหายใจเข้าออก
“คุณจะทำอะไร”
“ผมก็จะมาเป็นหนึ่งในตัวเลือกให้คุณไง เห็นรสนิยมของคุณหมอชอบแต่คนมีเจ้าของ”
“ออกไปจากห้องเดี๋ยวนี้นะ ไม่อย่างนั้นฉันร้องให้บ้านแตกเลย ถอยไป!”
“ผมรับรองคุณหมอไม่มีโอกาสได้ร้องหรอก”
ริมฝีปากได้รูปฉกลงทันที ที่อีกฝ่ายเตรียมร้องให้ลั่นห้องอย่างที่เธอบอก เรียวปากบางพยายามเม้มให้สนิทปิดกั้นการรุกล้ำ แต่อุปสรรคแค่นี้เป็นเรื่องกล้วยๆ สำหรับชายหนุ่ม มือข้างหนึ่งถูกปล่อยออกจากการสวมกอด มาลูบไล้หนักๆ ที่สะโพกมน แค่นี้ก็เหลือเฟือเพียงพอที่ทำให้คนในอ้อมกอดเผยอปากให้เขาดูดดื่มความหวานละมุน
เพราะอาการตกใจบวกความหวามไหว ซึ่งเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว และยากเกินจะควบคุมประสบการณ์แปลกใหม่สำหรับเธอ จึงได้แต่ยืนนิ่งให้เรียวปากร้อนชอนไช ค่อยๆ ละเมียดละไมดื่มด่ำกับเรียวปากหวานล้ำ
“ปล่อยเลยไอ้ผู้ชายชั่ว” คำแรกออกจากปากสั่นระริกทันทีที่ชายหนุ่มถอนจูบ
“ไม่น่าเชื่อว่าวาจาไม่สุภาพเช่นนี้ จะออกมาจากริมฝีปากคู่เดียวกันกับที่เขาเพิ่งสัมผัสความหวาน ซึ่งรสชาติหอมหวานยังติดปลายลิ้น อบอวลอยู่ในปากของเขา”
ธีรินนึกคิดในใจอย่างไม่ถือสา
“ถ้าด่าถ้าดิ้น ผมจะจูบคุณหมออีก จูบให้ขาดใจตายกันไปเลย ลองมั้ยล่ะ”
ยิ่งพูดร่างนุ่มนิ่มในอ้อมแขนแกร่ง ยิ่งออกแรงสลัด สะบัดตัวให้พ้นจากผู้ชายที่เธอด่าปรามาสว่าชั่วว่าร้าย
“ไอ้ชั่ว ไอ้บ้า ปล่อยเลยนะ บอกให้ปล่อย”
“สงสัยอยากให้ผมทำมากกว่าจูบใช่มั้ย ถึงได้ทั้งด่าทั้งดิ้น คนอย่างธีรินก็ไม่ชอบขัดศรัทธา ขัดใจผู้หญิงสวยๆ เสียด้วยสิ”
ร่างที่กอดกันพัลวันล้มลงบนเตียงนอนกว้าง ร่างสูงของธีรินกักกอดคุณหมอเมธาวีไว้ในอาณัติ จนทุกส่วนแนบชิดกัน มือใหญ่สอดประสานแล้วจับไว้มั่น หน้าขาแกร่งก็เกี่ยวกระหวัดขาเรียว ไม่ให้เคลื่อนไหว
“ทีนี้ยังจะฤทธิ์เยอะอีกมั้ยคุณหมอ”
เรียวปากหยักกระซิบถาม จนปากของทั้งคู่สัมผัสกัน ด้วยความตั้งใจของชายหนุ่ม
หญิงสาวที่ตกเป็นเบี้ยล่างอยากกัดคอให้จมเขี้ยว แล้วกระโดดแตะผ่าหมากผู้ชายคนนี้ให้สูญพันธุ์ไปเลย แต่ตอนนี้เธอกระดิกตัวแทบไม่ได้ กระโดดแตะจึงตัดไป เหลือที่ทำได้ตอนนี้คือ
“โอ๊ย…ชาติที่แล้วเป็นหมาหรือยังไงแม่คุณ กัดเสียจมเขี้ยวเลยนะ” ธีรินรีบยันตัวลุกขึ้นนั่ง เมื่อถูกเธอกัดเต็มแรงตรงไหล่
“แค่นี้ยังน้อยไป” เธอพูดด้วยความสะใจ แค้นใจ ก่อนกระถดตัวหนีไปนั่งชิดหัวเตียง แต่จริงๆ แล้วเธอก็ตกใจในความกล้าบ้าบิ่นของตัวเอง
“แล้วนี่ผมต้องไปฉีดยาฆ่าเชื้อหมาบ้าหรือเปล่าเนี่ย” สายตาดุๆ เหลือบมองรอยฟันบนไหล่ สลับกับมองหน้าคนที่ฝากรอยฟันไว้ประดับไหล่กว้าง ดูๆ ไปก็คล้ายรอยสัก ชายหนุ่มคิดอย่างอารมณ์ดี เพราะมีความสุข
“ฉันต่างหากที่ต้องไปหาน้ำยาฆ่าเชื้อมาบ้วนปาก”
“เหรอ...แล้วอยากล้างทั้งตัวมั้ยล่ะครับ”
“ออกไปเลยนะ”
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน ผมไม่อยากให้คุณหมอรัก คุณหมอคิดถึงผมมากไปกว่านี้”
“ไอ้...ไอ้...” เมธาวีไม่กล้าด่าออกไป กลัวว่าคนที่ยืนอยู่ตรงประตูจะเปลี่ยนใจกลับมารังแกเธออีกครั้ง
“ไปก่อนนะครับ แล้วคืนนี้คุณหมออย่าลืมฝันถึงเรื่องของเราสองคนด้วยนะ ผมขอแค่นี้”
ร่างบางรีบถลาลงจากเตียง ไปกดล็อคประตูทันทีที่ร่างสูงออกไปจากห้อง
“ฉันเกลียดนาย ไอ้อันธพาล ชอบรังแกผู้หญิง นายมันเป็นผู้ชายที่เลวครบสูตรจริงๆ”
ตอนนี้คำด่าว่าร้ายต่อเจ้าของไร่ธีริน น่าจะกองพะเนินจนสูงเกือบถึงหลังคาบ้าน
ด้วยความขอบคุณ - กุมภ์พวา