มหากาฬอาถรรพ์ป่าดงพญาไฟ
ช่วงที่ 1
ย้อนกลับไปเมื่อสมัยสามสิสี่สิบปี่ก่อน ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งติดชายเขาสามจังหวัด ป่าดงพญาไฟ สายๆของวันหนึ่ง เสียงรถจิ๊ปคันหนึ่งวิ่งผ่านถนนลูกรังเข้ามาในหมู่บ้านของผม ซึ่งได้มาจอดหน้าร้านค้าเล็กๆในหมู่บ้าน ระหว่างที่ผมรอซื้อไก่ปิ้งอยู่นั้น เสียงชายคนหนึ่งซึ่งถ้าจำไม่ผิด ยังใส่ชุดนักศึกษา กางเกงดำ เสื้อสีขาว ชายคนดังกล่าวลงมาจากรถพร้อมกับถามคนในร้าน ป้าๆ รู้จักบ้านผู้ใหญ่ก่ำใหม ชายคนนั้นเอ่ยปากถาม รู้ ตรงไป แล้วเลี้ยวขวา จะเจอบ้านไม้ หลังใหญ่ และมีควายอยู่ใต้ถุน บ้านนั้นล่ะ ป้าหวั่นเจ้าของร้านค้าตอบออกไป ขอบคุณครับป้าชายคนนั้นกล่าว พร้อมกับเดินขึ้นรถไป มุ่งหน้าไปตามทางที่ป้าหวั่นบอก หลังจากที่รถได้ผ่านไป เสียงของคนในร้านก็พูดคุยกันไปทั่ว กูว่ามันจะต้องมีงานอะไรแน่ๆ พวกนักศึกษาจากในเมืองถึงได้มาหาผู้ใหญ่ ชายคนหนึ่งกล่าวอีกคนหนึ่งก็พูดออกตามมาทันที กูได้ยินผู้ใหญ่แกพูดว่า จะมีการก่อสร้างมหาลัยนะ แต่ไม่รู้จะสร้างตรงไหน และมหาลัยอะไร
คงจะจริงพวกนี้น่าจะมาสำรวจที่ กูคิดว่าอย่างนั้น ชายอีกคนพูดออกมา ระหว่างการสนทนาและดื่มเหล้าที่ร้านไปด้วย
หลังจากที่ผมได้ยินชาวบ้านพูดคุยกันอย่างนั้น ไก่ย่างที่ผมรอซื้อผมก็ไม่รอ ด้วยความที่อยากรู้อยากเห็นตามประสาเด็กๆ จึงเดินตามไปที่บ้านผู้ใหญ่ เพราะอยากจะรู้เรื่องราวทั้งหมด ที่นักศึกษามาที่นี่ พอผมมาถึงที่บ้านผู้ใหญ่ ก็เห็นชายสามคนนั่งสนทนาอยู่กับผู้ใหญ่ที่หน้าบ้านแล้ว ดื่มน้ำดื่มท่ากันก่อนนะพ่อหนุ่ม มีธุระอะไรกันรึ ผู้ใหญ่ถามชายทั้งสามคน
ผู้ใหญ่ได้รับจดหมายจากมหาลัยแล้วใช่ใหมครับ ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมา
อ้อ นึกว่าใคร พวกเรามาจากมหาลัยกันรึ ผมได้รับแล้ว รออยู่ว่าจะมาวันไหน ผู้ใหญ่ก่ำตอบออกไป คืออย่างที่ผมเขียนมาในจดหมายนั่นล่ะผู้ใหญ่ พวกผมสามคนจะมาสำรวจป่าที่นี่ก่อน ก่อนที่จะสร้างมหาลัย ว่าจะกระทบต่อป่าและสัตว์แค่ไหนผู้ใหญ่ อืม อันนี้ผมยังไม่ได้เตรียมการอะไรมากเลยคร้บ ผู้ใหญ่ตอบออกไป แล้วพวกเราทั้งสามจะเริ่มสำรวจวันไหน เดี๋ยวผมพาไป ผู้ใหญ่บอก ชาติเป็นหนึ่งในทีมสำรวจ จึงบอกผู้ใหญ่ออกไป วันพรุ่งนี้เลยผู้ใหญ่ พวกผมต้องเข้าป่าค้างคืนด้วยนะ เพราะอยากดูสัตว์ป่าด้วย ได้ยินว่าแถวนี้ สัตว์ป่าชุกชมจังเลย มันจะดีหรือพ่อหนุ่ม ผู้ใหญ่กล่าวออกไป สำรวจแต่กลางวันก็พอล่ะมั้ง ผู้ใหญ่เอ่ยปากบอกแบบห้ามๆ
ไม่ได้หรอกครับ ชาติตอบ ทางอาจารย์ผมเขาอยากรู้ทั้งหมด ทั้งกลางวันและกลางคืน จำนวนคร่าวๆขอสัตว์ป่าทุกชนิด แนวเขตต่างๆ อาจารย์เขาจะเอารายละเอียดทั้งหมดมาประกอบการตัดสินใจ ว่าจะสร้างมหาลัยดีหรือปล่าวครับ รวมทั้งดูผลกระทบต่างๆด้วยครับ ชาติธิบายให้ผู้ใหญก่ำฟัง แล้วพวกคุณจะเข้าป่าไปสำรวจกันกี่วัน กี่คืนล่ะ ผู้ใหญ่ถามออกไป
ซักสองคืนผู้ใหญ่ พวกผมเตรียมเสบียงข้าวของต่างๆมาแล้ว ชาติตอบผู้ใหญ่อย่างที่อยากจะออกสำรวจอย่างเต็มที่ เอาเป็นว่าคืนนี้พวกคุณค้างที่บ้านผมก่อน เดี๋ยวเย็นนี้ผมจะไปหาคนที่จะนำทางพวกคุณไปสำรวจให้ ผู้ใหญ่บอกออกไป อ้าว...ชาติอุทานออกมา ไม่ใช่ผู้ใหญ่หรอกรึที่จะพาพวกผมไป ไม่ใช่ครับผู้ใหญ่ตอบ และผู้ใหญ่ก็พูดต่ออกไปว่า พวกคุณอยู่แต่ในเมืองคงจะรู้แต่สิ่งสวยงามของป่า แต่ว่าพวกคุณนั้นไม่รู้หรอกว่าในป่าที่พวกคุณจะเข้าไปนี้มันอันตรายแค่ไหน ผมถึงไม่อยากให้พวกคุณเข้าไป ลำพังตอนกลางวันเอง ผมก็พอจะพาเข้าไปได้ แต่นี่พวกคุณยังต้องการที่จะพักค้างแรมในป่าอีก ผมนี่ห่วงจริงๆ ถ้าเป็นไปได้อย่าเข้าไปเลยครับ แต่ถ้ายังอยากจะเข้าไป ผมจะหามือดีติดตัวให้พวกคุณไปด้วย ผู้ใหญ่บอกออกไป ชาติจึงบอกผู้ใหญ่กลับมา มือดีอะไรผู้ใหญ่ มันจะมีอะไรมากมาย นอกจากสัตว์ป่า ถ้าเป็นคนร้ายนะ พวกผมจะยิงให้ใส้พรุนเลย พวกผมมีปืนกันทุกคน แต่ถ้าหากผู้ใหญ่จะหาคนติดตามพวกผมไปด้วยก็ดีเหมือนกัน จะได้ช่วยพวกผมขนของได้บ้าง เอามาเยอะ ส่วนเรื่องค่าตอบแทน ถึงไหน ถึงกันผู้ใหญ่ พวกผมจ่ายให้ไม่อั้น ขอเพียงให้ได้เข้าป่าไปสำรวจส่งอาจารย์ก็พอ ชาติตอบผู้ใหญ่กลับไป
มหากาฬอาถรรพ์ป่าดงพญาไฟ
ช่วงที่ 2
ส่วนเรื่องค่าตอบแทน ถึงไหน ถึงกันผู้ใหญ่ พวกผมจ่ายให้ไม่อั้น ขอเพียงให้ได้เข้าป่าไปสำรวจส่งอาจารย์ก็พอ ชาติตอบผู้ใหญ่กลับไป เอาอย่างงี้ก็แล้วกันเดี๋ยวคืนนี้พวกคุณค้างคืนที่บ้านผมก่อนเพราะตอนนี้ก็ใกล้จะค่ำแล้ว อาบน้ำ อาบน้ำอาบท่าเสียก่อน เดี๋ยวผมจะเตรียมการพรุ่งนี้ให้จะได้ออกแต่เช้า ผู้ใหญ่อธิบายให้ชาติและเพื่อนฟัง เดี๋ยวพวกคุณตามสบายนะ ผมขอตัวไปทำธุระให้พวกคุณก่อน ครับ ชาติตอบรับ หลังจากนั้นสายตาผู้ใหญ่ก็เหลือบมองมาทางผม ซึ่งแกเห็นผมตั้งแต่ผมมาแอบนั่งฟัง อยู่ใกล้ๆตั้งแต่แรก แต่แกยังไม่ได้พูดอะไรกับผม ไอ้แขก นั่นคือชื่อเรียกของผมเอง ครับผู้ใหญ่ ปู่มึงกับไอ้กลอยู่ที่บ้านใหม ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมตอบท่านไป เออ มึงจะรู้ได้ไง ก็มานั่งแอบฟังกูคุยธุระเป็นครึ่งค่อนวัน แกบ่นออกมา เดี๋ยวมึงพากูไปบ้านปู่มึงทีกูมีธุระจะคุยกับปู่มึงเสียหน่อย ครับผู้ใหญ่ ว่าแล้วผมก็พาผู้ใหญ่ไปที่บ้านของปู่ผม ปู่ๆ ผู้ใหญ่มาหา ผมตะโกนบอกปู่ไป เอออยู่ๆ อยู่ในบ้านเดี๋ยวๆออกไป
ปูผมตะโกนออกมา แล้วปู่ผมก็ออกมาที่หน้าบ้าน ปู่ผมนั้นถึงอายุมากแล้ว แต่ท่านก็ยังแข็งแรงอยู่ คนหนุ่มๆ บางคนยังเทียบแกไม่ได้ นั่นก็เพราะท่านใช้ชีวิตแบบชาวบ้าน ธรรมชาติ ออกกำลังทุกวันโดยเฉพาะการออกป่า ทำให้ท่านนั้นดู ไม่แก่มากและยังแข็งแรงอยู่ อ้าว..ผู้ใหญ่มีธุระอะไรหรือปล่าวปู่ผมทักผู้ใหญ่ไป มีธุระจะว่ายวานหน่อย แกพอจะว่างใหม สองสามวันนี้ ไปไหนหรือปล่าว ไม่ได้ไปไหนหรอก ปู่ผมบอก ธุระอะไรล่ะผู้ใหญ่ ปู่ผมถาม ฉันจะให้แกพาคนกลุ่มหนึ่งเข้าหน่อย ผู้ใหญ่ตอบ แล้วเขาจะเข้าไปทำไม พวกนักศึกษาจากในเมืองน่ะซิ มันจะเข้าไปสำรวจป่า เพื่อสร้างมหาลัย แกพอจะพาพวกมันไปได้ใหม ผู้ใหญ่ถาม แล้วจะให้พาไปทางไหนล่ะ ปู่ผมถามถึงจุดหมาย ไปทางเทือกเขาภูจำปานั่นล่ะ สิ้นเสียงผู้ใหญ่ ปู่ของผมก็อุทานออกมา อะไรนะผู้ใหญ่....ผู้ใหญ่ไม่รู้รึไงว่าเทือกเขาลูกนั้น มันอันตราย แทบไม่มีใครอยากจะเข้าไป แล้วนี้ผู้ใหญ่ยังจะให้ฉันพาพวกมันไปอีกรึ คิดดีแล้วหรือยังผู้ใหญ่ ปู่ผมทักท้วงผู้ใหญ่กลับไป ฉันบอกพวกมันแล้วแต่พวกมันยังจะเข้าไปทำรายงานส่งอาจารย์พวกมัน ฉันทักท้วงห้ามมันไปแล้ว แต่พวกมันก็ยังดึงดันที่จะเข้าไป ฉันถึงได้มาตามแกไปเป็นคนนำทางนี่ล่ะ แกไม่ต้องห่วงฉันจะให้ไอ้กลมันไปกับแกอีกคน จะได้คอยช่วยเหลือกัน ส่วนเรื่องเงินเรื่องทองไม่ต้องห่วงมันให้ไม่อั้น แกกับไอ้กลจะเอาเท่าไหร่บอกมาเลย พวกมันมีเงินให้ไม่อั้น ฉันไม่ใช่คนอย่างนั้นหรอกผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ก็รู้ดี เรื่องเงินมันไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญกว่าเงิน ก็คือชีวิตทุกคนที่เข้าไปในป่านี่ล่ะ ฉันห่วงตรงนี้ มันจะให้พวกฉันเท่าไหร่ ฉันก็ไม่ว่า แต่ขอให้ผู้ใหญ่ไปคุยกับพวกมันอีกที ว่ามันแน่ใจแล้วรึที่จะเข้าไป รู้จักป่าที่นี้ดีหรือยัง ปู่ผมพูดย้ำไปอีกที ผู้ใหญ่จึงตอบกลับมา เอาล่ะฉันจะไปพูดกับพวกมันอีกที ขอให้แกไปบอกไอ้กล เตรียมตัวไว้แล้วกัน เผื่อฉันห้ามไม่ได้ จะได้พาพวกมันเข้าไป ปู่ผมจึงถามกลับไปอีกที พวกมันจะเข้าไปสำรวจกี่วันกี่คืน ซักสองคืนแกไหวใหม ปู่ผมไม่พูดอะไร ได้แต่พยักหน้าใส่ผู้ใหญ่ ฉันขอตัวก่อนล่ะ ผู้ใหญ่บอก อย่าลืมเตรียมตัวไว้นะ บอกไอ้กลมันด้วย มันยังหนุ่มฉันเลยจะให้มันไปช่วยอีกแรง หลังจากการสนทนาระหว่างปู่ผมและผู้ใหญ่จบลง ผู้ใหญ่ก็เดินกลับบ้านไป ทิ้งไว้แต่ผมกับปู่ ซึ่งไม่ได้พูดอะไรกัน แต่แววตาของปู่นั้นดูวิตกชอบกล แล้วแกก็พูดออกมา มันจะเข่าท่าหรือปล่าวว่ะ ไอ้แขก ปู่ล่ะไม่อยากรับงานนี้จริงๆ ผมเองก็ไม่พูดอะไร เลยชวนปู่ทานข้าวเลยพูดตัดบทแกไป เพราะผมมีหลายอย่างที่อยากคุยกับแก แต่ต้องรอให้แกอารมณ์ดีก่อน หนึ่งในนั้นผมจะขอติดตามปู่ไปด้วย แต่ตอนนี้ยังไม่พูดขอไป รอกินข้าวกับปู่และนวดให้แกก่อน อะไรอะไรที่ขอก็จะง่ายไปหมด ปู่กินข้าวเถอะ ผมหิว ผมพูดออกไป ปู่จึงตอบกลับมา ยังไม่หิว ถ้ามึงหิวกินก่อนเลย แล้วไปตามไอ้กลมาหาปู่ด้วย ปู่ต้องคุยกับไอ้กล สิ้นเสียงที่ปู่พูด ผมก็ไม่กินข้าว เดินไปตามไอ้กลตามที่ปู่สั่ง ระหว่างทางที่ไปตามไอ้กลนั้นผมนึกได้ว่าทำไมผู้ใหญ่ถึงได้อยากให้คนกลุ่มนี้เข้าไปในป่าที่อันตรายนัก ทั้งๆที่แกก็รู้ดีว่าป่านี้ลี้ลับขนาดไหน นั้นก็เพราะเงินอย่างเดียวเท่านั้น เพราะผมเห็นคนชื่อชาติยื่นซองสีน้ำตาลขนาดพอที่จะใส่ธนบัตรได้ปึกหนึ่งให้ผู้ใหญ่ ซึ่งผมก็เดาไม่ยากว่าคนกลุ่มนั้นติดสินบนผู้ใหญ่ เพื่อแลกกับการเข้าป่าในครั้งนี้ ตอนแรกผู้ใหญ่ก็ห้ามปรามแต่หลังจากรับซองเงินไปแล้ว กลับเป็นคนละคน งานนี้ผมฟันธงได้เลย ว่าคนกลุ่มนี้ได้เข้าป่าอาถรรพ์แห่งนี้ได้แน่นอน และผู้ใหญ่ก็ไม่กลับไปห้ามปรามคนพวกนั้นเสียด้วย มีแต่ส่งเสริม อำนวยความสะดวกให้เข้าไป เงินสามารถซื้อได้ทุกอย่างจริงๆ สมัยที่ผมเป็นเด็กผมคิดอย่างนั้นจริงๆ
มหากาฬอาถรรพ์ป่าดงพญาไฟ
ช่วงที่ 3
เงินสามารถซื้อได้ทุกอย่างจริงๆ สมัยที่ผมเป็นเด็กผมคิดอย่างนั้นจริงๆ เมื่อมาถึงหน้าบ้านผมก็เรียกไอ้กลมาพบปู่ที่บ้าน มันไม่พูดอะไร เพียงแต่บอกกับว่าเดี๋ยวตามไป แล้วผมจึงเดินกลับมาที่บ้านปู่ เป้าหมายแรกคือหาข้าวหาปลาให้ปู่กินเสียก่อนแล้วจึงค่อยขอปู่ตามเข้าไปในป่าด้วย ด้วยความที่อยากรู้อยากเห็น ข้ามมาอีกฝั่งหนึ่งทางบ้านผู้ใหญ่ ที่หน้าบ้านตะเกียงและกองไฟเริ่มจุดขึ้น ชายทั้งสามหลังจากนั่งรถมาและสนทนากับผู้ใหญ่เกือบทั้งวัน ก็เริ่มตั่งวงกินเหล้า โดยที่ผู้ใหญ่ยังไม่กลับมา แต่ก็ไม่รู้ว่าผู้ใหญ่นั้นไปไหน ชายสามคนพร้อมเหล้านอก กับแกล้มแบบแห้งที่ซื้อมาจากในเมืองก็เริ่มลงถ้วย เหล้าแดงราคาแพงก็เริ่มเทลงโซดาตาม น้ำแข็งที่พอจะหาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไป ชายสามคนก็เริ่มสนทนากันอย่างเมามัน พร้อมซดเหล้าไปตามประสาวัยรุ่น แต่การสนทนานั้นไม่ได้เสียงดังมาก อย่างกับไม่อยากให้ใครเข้ามาได้ยิน เฮ้ยชาติ มึงว่าราจะได้เข้าป่าใหมว่ะ เอก หนึ่งในทีมสำรวจถามออกไป ได้เข้าอยู่แล้วมึง กูอัดเงินให้ผู้ใหญ่ขนาดนั้น ไม่ได้เข้าก็บ้าไปแล้ว ใครว่ะไม่อยากได้เงิน ชาติตอบออกมา อย่างมั่นใจ พื้นฐานของชาตินั้น เป็นลูกคนในตระกูลคนรวย มีฐานะ เรื่องเงินทองเรื่องเล็ก ชาติต้องการใช้เท่าไหร่ พ่อของเขาก็จะมาให้ทันที ขอเพียงแต่ให้ลูกเรียนจบก็พอ แต่ในทางกันข้าม ชาติกลับทำตัวตรงกันข้ามที่พ่อของเขาเองหวังไว้ อย่างกับหน้ามือเป็นหลังมือ เรียนไม่เก่ง เกเร ติดการพนัน สารพัดที่ชาติทำตัวไม่ดี แต่ที่ได้เข้าและยังได้อยู่มหาลัยนี้ก็เพราะเส้นสายเงินของพ่อของเขา และที่มาสำรวจป่าในครั้งนี้ เนื่องจากทางอาจารย์ที่มหาลัยเบื่อหน่ายชาติและเพื่อนๆของเขาเต็มที ประสาเรียกทั่วไปนั่นก็คือส่วนเกินของมหาลัย ทางอาจารย์ที่คณะจึงได้ส่งเขามาสำรวจในที่ไกลๆ หวังว่าจะได้เงียบหูและสงบบ้าง ซึ่งมันก็เข้าทางของชาติและพรรคพวกที่ไม่อยากเรียน มิหนำซ้ำ ในหัวสมองของชาติและเพื่อนๆยังมีแผนการร้ายซ่อนอยู่ในหัว ที่ไม่มีใครหยั่งรู้ได้ มึงได้เข้าไปแน่นอน พวกมึงเตรียมตัวไว้เลย ตอนเช้าจะได้ออกเดินทางเข้าป่าแต่เช้า แต่ตอนนี้มาต่างถิ่นนอนไม่ค่อยหลับ กินเหล้ากันก่อนโว้ย เดี๋ยวเข้าไปนอนกัน ระหว่างที่ชาติและเพื่อนนั่งกินเหล้า และสนทนากันอย่างสนุกสนาน ผู้ใหญ่ก่ำก็กลับมาที่บ้าน เสียงสนทนาที่แฝงด้วยอุบายที่ร้ายกาจก็เบาเสียงลง
ชาติๆผู้ใหญ่มา เงียบๆกันก่อนพวกเรา ว่าแล้วชาติก็ทักผู้ใหญ่ก่ำออกไป ผู้ใหญ่ไปไหนมา พวกผมรออยู่ตั้งนาน จนเหล้าจะหมดแล้ว มามานั่งด้วยกันก่อนผู้ใหญ่ ว่าแต่ผู้ใหญ่กินเหล้าใหม ไหนๆพวกผมก็มาแล้ว นั่งกินกับพวกผมก่อน วันนี้เอาเหล้ามาเยอะไม่ต้องห่วง ว่าแล้ว ชัยหนึ่งในสามคนที่มาสำรวจก็รีบนำแก้วมาใส่เหล้าให้ผู้ใหญ่ โดยยังไม่ได้รับคำตอบเลยว่าผู้ใหญ่กินเหล้าหรือปล่าว
ว่าแล้วผู้ใหญ่ก็เอ่ยปากออกไป ช่างรู้ใจคนแก่เสียจริงพ่อหนุ่ม ขอบคุณมาก
ไม่ต้องเกรงใจผู้ใหญ่ ผมมีเยอะ ว่าแต่เรื่องที่ผู้ใหญ่ไปจัดการให้ผมเรียบร้อยใหม ชาติถามออกไป เรียบร้อยพ่อหนุ่ม แต่มีเรื่องหนึ่งที่เขาฝากมาบอก
เรื่องอะไรผู้ใหญ่ แทนที่ผู้ใหญ่จะห้ามปรามคนกลุ่มนี้ไม่ให้เข้าไปในป่า แต่ด้วยความที่เห็นแก่เงิน แกจึงโกหกไปว่า พวกที่จะพาพวกเราไปเข้าป่า มันขอค่าแรงเป็นสองเท่า และให้ฝากผมไปให้พวกมันเลย แกพูดออกมาอย่างหน้าตาเฉย ชาติเองก็ยิ้มและหัวเราะออกมา ไม่เป็นไรผู้ใหญ่ ไม่มีปัญหา พวกผมต้องอาศัยผู้ใหญ่อยู่แล้ว เดี๋ยวผู้ใหญ่เอาไปให้เขาเลย และบอกด้วยว่าพวกผมต้องการเข้าป่าแต่เช้า ให้เตรียมตัวพาพวกผมไปได้เลย ว่าแล้วผู้ใหญ่ก็นั่งสนทนากับนักศึกษาทั้งสามคน อย่างสนุกสนาน เวลาผ่านไปเหล้าจะหมดกลมที่สอง ชาติก็ควักเงินก้อนหนึ่งออกมาจากกระเป๋าส่งให้มือผู้ใหญ่ แล้วพร้อมพูดว่า ผู้ใหญ่เอาไปให้เขาก่อนเลย ถ้าผมถูกใจ จะตบรางวัลให้หลังเสร็จงานอีก ชาติบอกออกไป ด้วยอาการที่เริ่มเมาและใจใหญ่แล้ว
ขอบคุณพ่อหนุ่มมาก ทางสะดวกแล้วพ่อหนุ่ม ว่าแล้วผู้ใหญ่ก็ขอตัวนำมาเงินที่ชาติให้มาให้ปู่ผมและไอ้กลที่บ้าน ข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งไอ้กลมาถึงบ้านปู่ผม ซึ่งเวลานั้นเป็นเวลาสองทุ่มแล้ว ไฟตะเกียงที่หน้าบ้านปู่ยังคงสว่างไสวเผขิญหน้ากับความมืด พร้อมเสียงการสนทนาระหว่างปู่กับไอ้กล ไอ้กลพรุ่งนี้มีงาน ผู้ใหญ่จะให้พาพวกนักศึกษาเข้าป่าสำรวจ มึงจะว่าไง จะไปกับกูใหม ผู้ใหญ่ให้มึงไปด้วย ดีกว่าหาของป่า เงินตอบแทนเขาให้ไม่อั้น มึงหาของป่าทั้งปี ก็ไม่รู้จะได้เงินเท่างานนี้หรือปล่าว ไอ้กลได้ยินอย่างนั้นมันจึงตอบปู่กลับไปสั้นๆ ไปปู่ ว่าแต่พวกมันจะให้พาไปสำรวจทางไหนล่ะ ไอ้กลมันถามกลับมา ก็ไปทางเทือกเขาจำปาไงล่ะว่ะ ไอ้กลมันได้ยินอย่างนั้นมันถึงกับตกใจ...ออกมา พร้อมกับพูดออกมา มันจะดีหรือปู่ ผมนี่กลัวชอบกล เวลาไปเขาลูกนั้น ไอ้กลมันตอบกลับมา ดีไม่ดีมึงก็ไปกับกูก็แล้วกัน กูไม่อยากขัดผู้ใหญ่ เขาเคยมีบุญคุณกับกู กูเลยไม่อยากขัดใจ ระหว่างที่สนทนากันสองคน แสงไฟฉายก็สาดส่องเข้ามาที่บ้านปู่ พร้อมเสียงหมาเห่า ซึ่งไม่ใช่ใคร ผู้ใหญ่ก่ำนั่นเอง สวัสดีผู้ใหญ่ ไอ้กลเอ่ยปากทักออกไป เอ้อมึงมาแล้วรึไอ้กล มึงรู้แล้วใช่ใหมว่ามีงาน ผู้ใหญ่ถามมันออกมา รู้แล้วผู้ใหญ่ ไอ้กลมันตอบออกไป
เออ คืออย่างนี้ ข้าไปห้ามพวกมันแล้ว แต่พวกมันยังจะอยากเข้าไป ผู้ใหญ่พูดโกหกออกมาอย่างหน้าตาเฉย ทั้งๆที่ไม่ได้ห้ามปรามพวกนักศึกษาเลยสักคำ พรุ่งนี้ขอให้เตรียมตัวแต่เช้า จะได้เดินทาง นี่เงินค่าจ้างเขาฝากมาให้ก่อน เผื่อจะไปซื้อข้าวของเตรียมออกเดินทาง ผู้ใหญ่ยื่นเงินให้ปู่ผมจำนวนหนึ่ง ซึ่งผู้ใหญ่ได้ยักยอกไปแล้วครึ่งหนึ่ง เพราะความเห็นแก่เงิน ซึ่งเงินจำนวนนั้นก็มากพอสมควร สำหรับชาวป่าชาวดงอย่างปู่ผมและไอ้กล ปู่ผมจึงถามย้ำผู้ใหญ่อีกทีว่า แน่ใจนะว่าพวกมันอยากเข้าไปในป่าสำรใจจริงๆ ผู้ใหญ่จึงตอบออกมา ข้าห้ามพวกมันแล้วมันก็ไม่ฟังไหนๆก็คิดว่าช่วยทางราชการเขาทำงานแล้วกันอย่าคิดมาก พาๆมันไปแล้วก็ออกมาจบๆกันไป ผู้ใหญ่บอก เออ ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ตกลงแต่ผมขออะไรผู้ใหญ่อีกอย่างได้ใหม ปู่ผมบอกออกไป มีอะไรว่ามาเลย ไม่ต้องเกรงใจ ผู้ใหญ่ตอบมา คือก่อนที่จะเข้าป่าพรุ่งนี้ ผู้ใหญ่ช่วยเตรียมข้าวของพิธีเบิกป่าให้ผมที ผมคิดว่าทำไว้มันก็ดี ไม่ได้เสียอะไร ผู้ใหญ่คงรู้นะว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง ปู่ผมพูดขอผู้ใหญ่ไป เอ้อ ข้ารู้แล้วแล้วจะเตรียมให้ กำหนดการเอาเป็นอย่างนี้ หกโมงเช้าทำพิธีเบิกป่า สองโมงเข้าออกเดินทาง ตกลงไหม ผู้ใหญ่นัดหมายออกมา ปู่ผมจึงรับปากตามนั้น หลังจากการสนทนาเรื่องงานกันเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว ผู้ใหญ่ก็ขอตัวกลับบ้านเพื่อไปนัดหมายกับกลุ่มนักศึกษาและจัดเตรียมข้าวของพิธีเบิกป่าในตอนเช้า
หลังจากที่ผู้ใหญ่และไอ้กลกลับบ้านใครบ้านมันไปแล้ว ปู่ก็ไปอาบน้ำเพื่อเตรียมที่จะเข้านอน ผมเห็นดังนั้นจึงเข้าไปนวดให้ปู่ ซึ่งปู่เองก็ถามผมออกมาตรงๆ อยากจะเข้าป่าไปกับปู่ใช่ใหม ไม่ต้องมาเอาใจปู่หรอก ปู่ถามผมออกมา ครับปู่ ผมอยากจะไปช่วย เผื่อมีอะไรให้ผมช่วย ผมตอบแกไป ไปช่วยปู่อะไร ปู่ว่าอยากจะเข้าไปเที่ยวมากกว่าปู่ว่า ผมเลยแอบยิ้มในใจ ฟังจากน้ำเสียงที่ปู่พูดออกมา ผมได้ไปกับปู่แน่ หลังจากนั้นปู่ก็พูดออกมา ปู่เป็นห่วงเอ็งไม่อยากให้ไปด้วยเลย ป่านั้นมันมีอาถรรพ์มากมาย เอ็งก็น่าจะรู้ คนในหมู่บ้านเราเอาชีวิตไปทิ้งไม่รู้กี่คนต่อกี่คน หาศพเจอบ้างไม่เจอบ้าง เอ็งยังอยากจะไปอีกรึ ไม่กลัวผีหรือไง ปู่พูดออกมาให้ผมกลัว ไม่กลัวครับปู่ ปู่ไปไหนผมไปนั่น คำพูดที่เอาใจปู่ ผมพูดออกไป
เอ้า อยากไปก็จะให้ไป มึงไปขอพ่อกับแม่มึงก่อนนะที่จะไปกับปู่ ถ้าเขาให้มึงไป มึงเตรียมข้าวของไว้ให้พร้อม พรุ่งนี้ตีห้ามาบ้านปู่ได้เลย ปู่พูดออกมา ทั่งๆที่แกรู้อยู่แล้วว่าพ่อกับแม่ของผมไม่ให้ผมเข้าไปในเทือกเขาแห่งนี้อยู่แล้ว แต่นั่นมันไม่ใช่สาเหตุที่ผมจะไปไม่ได้ ผมมีหนทางของผมที่จะไปกับปู่ให้ได้ แล้วผมก็ขอตัวกลับบ้านมานอนพัก
มหากาฬอาถรรพ์ป่าดงพญาไฟ
ช่วงที่ 4
แต่นั่นมันไม่ใช่สาเหตุที่ผมจะไปไม่ได้ ผมมีหนทางของผมที่จะไปกับปู่ให้ได้ แล้วผมก็ขอตัวกลับบ้านมานอนพัก เช้าวันใหม่ก็มาถึง ผมลุกเตรียมข้าวของเท่าที่ผมจะหาได้ ตั้งแต่ตีสี่ เพื่อเตรียมเข้าป่าไปกับปู่ แม่ของผมลุกขึ้นหุงข้าวหุงปลาแต่เช้า ท่านลุกขึ้นมาเจอผม ท่านนึงทักออกมา ทำไมวันนี้ตื่นแต่เช้าจัง ทำอะไรอยู่ ผมจึงโกหกท่านไป ผมจะไปหาเห็ดกับปู่ ปู่บอกให้ไปหาตั้งแต่ตีห้าเลยแม่ บอกพ่อด้วยนะว่าผมไปกับปู่ ผมไปล่ะ เดี๋ยวปู่จะรอ สิ้นเสียงที่ผมบอกแม่ไป ผมก็รีบเดินออกจากบ้านอย่างรีบร้อน สาเหตุนั่นก็เพราะถ้าพ่อของผมตื่นขึ้นมา ท่านจับผมได้แน่ว่าผมโกหก เดินมาไม่ไกลก็ถึงบ้านของปู่ เสียงไก่ที่ขันยามเช้า พร้อมอากาศที่ธรรมชาติของวันนี้มันช่างสดใสสวยงามเสียจริง และวันนี้ก็เป็นวันดีเสียด้วยที่ผมจะได้ไปเที่ยวป่ากับปู่ เมื่อถึงหน้าบ้านปู่สิ่งที่ปู่พูดออกมาคำแรกก็คือ มาจนได้นะ หลอกเขารึปล่าว ว่าจะไปกับปู่ ซึ่งปู่เองนั้นรู้ดีอยู่แล้วว่าผมเองนั้น พ่อแม่ไม่ยอมให้เข้าป่าเทือกเขานี้อยู่แล้ว แต่ปู่ก็เดาไม่ผิดว่าผมต้องหนีไปเข้าป่ากับท่านแน่ เอ้าจะไปก็บอกแต่ได้บอกกับเขาใหมว่าจะไปกับปู่ บอกครับผมพูดออกไป หลังจากนั้นปู่ก็ตัดบท ไม่พูดอะไรมาก ไม่นานนัก ไอ้กลก็เดินมาสมทบที่บ้านปู่ ทุกคนต่างเตรียมสัมภาระที่จำเป็นครบทุกคนแล้ว ทิ้งท้ายปู่ได้บอกกับย่าว่า เฝ้าบ้านให้ดีๆนะ เดี๋ยวก็กลับ ไม่ต้องห่วง หมาอี่แดง มันก็ไปกับฉัน แกไม่ต้องห่วง ปู่พูดออกมา แต่การพูดออกมาของปู่ในครั้งนี้ มันทำให้ผมหดหู่ใจ เหมือนการบอกลายังไงก็ไม่รู้ ซึ่งมันกินเข้าไปในหัวใจของผมที่กำลังสนุกแต่กลับกลายต้องมารู้สึกหดหู่ยังไงชอบกล แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เตรียมตัวสำหรับการสนุกที่จะเข้าป่ามากกว่า หลังจากนั้นปู่ก็บอกให้พวกเรามาที่บ้านผู้ใหญ่ เมื่อมาถึงหน้าผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่นังคงวุ่นกับการเตรียมของพิธีเบิกป่า ซึ่งมีลูกบ้านคอยช่วยอยู่สองสามคน เอ้า..มากันแล้วรึ ผู้ใหญ่ทักมา ปู่ผมเองพยักหน้า ข้างของที่แกให้เตรียมเซ่นไหว้ ข้าเตรียมไว้หมดแล้ว ผู้ใหญ่บอกออกมา ปู่ผมจึงถามออกไป แล้วพวกทีจะเข้าป่าลาล่ะมันพร้อมหรือยัง ยังไม่ลุกไม่ตื่นกันเลย เมื่อคืนมันเมากันหลัก เสียงผู้ใหญ่ตอบออกมา ปู่ผมจึงสั่งผู้ใหญ่ไปอีกที ไปปลุกพวกมันอาบน้ำอาบท่า เตรียมตัวมาไหว้เจ้าป่าเจ้าเขาด้วยกัน พวกมันต้องเข้าพิธีทุกคน หลังจากที่ปู่สั่งไป ผู้ใหญ่ก็ไปตามพวกนักศึกษาให้มาเข้าร่วมพิธีเบิกป่า
ซึ่งพิธีนี้ทางหมู่บ้านผมจะจัดขึ้นก็ต่อเมื่อจะเข้าป่าในคราวที่มีความสำคัญและต้องไปนานๆ หลังจากที่ผู้ใหญ่ไปตามพวกที่จะเข้าไปสำรวจมาร่วมพิธีแล้ว ทางปู่ผมก็เริ่มทำพิธีเบิกป่า เซ่นไหว้ผีเจ้าที่เจ้าทาง ผีบรพบุรุษ เจ้าป่าเจ้าเขา ที่กลางหมู่บ้านซึ่งมีศาลประจำหมู่บ้านอยู่ หลังจากทำพิธีเสร็จเรียบร้อยแล้ว ปู่ผมก็บอกให้พวกนักศึกษาเอาของมาให้แกดู ว่าของที่จะเตรียมไปนั้นมีอะไรบ้าง ซึ่งเมื่อคนทั้งสามขนของออกมาจากรถ ปู่ผมก็ส่ายหน้าด้วยอาการที่ไม่ค่อยพอใจ พวกคุณจะเอาไปหมดนี้เลยหรือไง เพราะข้างของนั้นมีจำนวนมาก ปู่ผมถามออกไป ชาติจึงตอบออกมา เอาไปหมดนี่เลยพราน ซึ่งตอนนี้นักศึกษาทั้งสามคนได้เรียก ปู่ผมว่าพรานไปแล้ว
มหากาฬอาถรรพ์ป่าดงพญาไฟ
ช่วงที่ 5
เอาไปหมดนี่เลยพราน ซึ่งตอนนี้นักศึกษาทั้งสามคนได้เรียก ปู่ผมว่าพรานไปแล้ว ปู่ผมจึงบอกว่า เอาไปเท่าที่จำเป็น เพราะต้องเดินทางไกล ไม่มีลูกหาบ เต็นท์พวกคุณไม่ต้องเอาไป เพราะพวกคุณไม่ได้นอนอยู่แล้ว แล้วเราจะนอนยังไงล่ะพราน ชาติถามออกไป นอนบนต้นไม้ไง พวกคุณเดินป่าไม่รู้บ้างหรือไง ป่าไหนที่อันตรายเขาไม่นอนข้างล่างกันหรอก ยิ่งพวกคุณต้องการดูสัตว์ป่าด้วย นั่งห้างอยู่ด้านบนน่ะดีแล้ว ปลอดภัยดี ปู่ผมบอกพวกนักสำรวจออกมา ว่าแล้วพวกชาติและเพื่อนก็ต่างเอาสัมภาระที่จำเป็นติดตัวไป และหนึ่งในของจำเป็นนั้นก็ไม่พ้นปืนสั้น ที่มีติดตัวมากทุกคน ทั้งลูกโม่และแม๊กกาซีน ก่อนที่จะออกเดินทางพวกมันทั้งสามคนต่างพูดคุยปรึกษากันเงียบๆ แล้วจึงพากันออกเดินทาง เส้นทางที่มุ่งสู่จุดสำรวจนั้นอยู่ค่อนข้างไกล และอยู่ลึกเข้าไปในป่าซึ่งอาศัยการเดินเท้านั้นต้องใช้เวลาเป็นวันถึงจะถึงจุดหมายส่วนกลางที่ต้องการสำรวจ ปู่ผมได้กะระยะเวลาในการเดินทางไว้แล้ว ซึ่งต่อให้วันนี้รีบเดินทั้งวันก็ไม่ถึงจุดหมายที่ต้องการแน่ ดังนั่นปู่จะต้องพาพวกเรา รวมทั้งคณะสำรวจค้างที่บ้านตาพงศ์ ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นน้องของปู่ ตาพงศ์เองนั้นเป็นคนสันโดษ อยู่ง่ายกินง่าย อาชีพคือหาของป่าเพื่อกินและขาย ตาพงษ์มีเมียชื่อยายปิ่น ซึ่งยายปิ่นนั้น ก็อยู่กับตาพงษ์มานาน แต่นิสัยเสียของแกก็คือแกชอบกินเหล้าทุกวันยายปิ่นต้องเดินมาซื้อเหล้าที่ในหมู่บ้าน และกว่าจะเดินกลับบ้านก็ค่ำมืด ซึ่งก็ไม่พ้นตาพงษ์ที่ต้องมาตามหรือมารับกลับบ้าน ตางพงษ์เป็นคนขยัน แต่เพียงไม่มีที่ทางในหมู่บ้าน จึงเลือกที่จะสร้างบ้านและอาศัยในป่า ทุกอย่างแกต้องอาศียป่าทั้งหมด ซึ่งบางครั้งเองผมยังเคยแวะไปหาแก เพราะแกไม่มีพิษภัยกับใคร บ่ายๆของวันนั้นหลังจากเดินทางมาได้ซักระยะหนึ่ง ปู่ก็บอกให้พวกเราทั้งหมดพักทานข้าวเที่ยงที่จุดบึงใหญ่ ซึางจุดนี้เองก็มีร่มไม้พอได้อาศัย และมีน้ำซับไหลมาตลอด พอที่จะอาศัยคลายร้อนและดื่มกินได้
ช่วงระหว่างที่นั่งทานข้าว ชาติเองก็พยายามถามถึงรายละเอียดในป่ากับปู่ ซึ่งปู่เองก็ได้ตอบทุกคำถามที่ชาติถามเท่าที่จะตอบได้ คำตอบที่มักจะไม่พ้นคือ อีกไกลใหมลุงกว่าจะถึงที่หมาย ซึ่งปู่ก็ได้อธิบายชาติไปว่า พรุ่งนี้ประมาณห้าโมงเช้าถึงจะถึงที่หมาย คืนนี้เราจะพักที่บ้านรุ่นน้องของผมที่กลางป่า เพราะนี่เราเดินไปสักพักก็จะมืดแล้ว หน้านี้หน้าหนาวแถวนี้มันมืดค่ำไว ปู่พูดให้ชาติฟัง หลังจากที่พักเหนื่อยกันพอสมควรแล้ว เราจึงออกเดินทางมุ่งสู่บ้านตาพงษ์ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นน้องของปู่ เส้นทางที่เดินช่วงแรกนั้นไม่ได้ลำบากอะไรมาก เพราะมันเป็นทางเดินเก่าของชาวบ้านอยู่แล้ว จะมีก็เพียงบางช่วงที่มีหญ้าแฝกแซมออกมาข้างทาง หากได้บาดมือบาดขาใคร ทั้งแสบทั้งคันนักเชียว บางทีถึงกับบาดแล้วเลือกออกเลยก็มี
หลังจากที่เราเดินมาได้พักใหญ่ ช่วงนั้นพระอาทิตย์ก็เริ่มจะอับแสง ส่องประกายเป็นสีแดงส้ม ตัดกับเมฆที่เริ่มบดบัง แสดงถึงยามราตรีเริ่มจะมาถึง
เราก็เดินกันมาถึงบ้านตาพงษ์ เสียงเรียกที่ร้องออกมาต้อนรับพวกเราไม่ใช่เสียงของคน มันคือเสียงหมาของตาพงษ์ที่เลี้ยงไว้เป็นฝูงนับสิบตัว ปู่จึงบอกให้ทีมงานทั้งหมดรอแก อยู่หน้าบ้านก่อนด้วยความที่กลัวว่าหมาจะกัด เพราะส่วนหนึ่งเป็นคนแปลกหน้า ซึ่งหมาต้องเห่าเป็นธรรมดา พงษ์ๆอยู่บ้านใหม กูปานเอง อยู่ๆ ซักครู่นะ เสียงของตาพงษ์ตอบออกกลับมา แสงตะเกียงที่ส่องสว่างไม่มาก ทำให้รู้ว่าใครเป็นใคร มันจึงทำให้ตาพงษ์จำปู่ได้ อ้าวมากันยังไงเสียค่ำมืด มีธุระอะไรกันรึ ข้าพาพวกนักศึกษามาสำรวจพื้นที่ ขอค้างบ้านเอ็งสักคืนว่ะพงษ์ รบกวนหน่อย ได้เลยพี่ไม่มีปัญหา ตาพงษ์ตอบปู่ออกไป เออ ก่อนอื่นมึงช่วยดูหมามึงให้ที กูกลัวจะกัดพวกมันเข้าให้ เลี้ยงไว้เยอะเลยนะมึง