เมื่อทรราชน้อยอย่างเจ้าแมวเสี่ยวอวิ๋นนับวันกลับยิ่งกำแหงจนเกินทน ท่านประมุขมารเยว่เทียนจำเป็นจักต้องกำหราบเสียให้เข็ด นี่เป็นเพียงการสั่งสอนเล็กๆน้อยๆเท่านั้น...ท่าทางพยศเช่นนี้ ไม่ค่อยดีต่อหัวใจท่านประมุข ทำให้เกิดอาการใจสั่น อีกทั้งยังเกิดอาการหน้ามืด ไม่เป็นตัวเอง อย่าได้ไปทำต่อหน้าผู้อื่นเชียว!
"นี่เจ้า! เจ้ากล้าดียังไงถึงได้บังอาจเอาริมฝีปากสกปรกมาจูบข้า! "เฟิงอวิ๋นที่ยามนี้โกรธจัดชี้หน้าต่อว่าอีกฝ่ายอย่างเกรี้ยวกราด สายตาจ้องมองเยว่เทียนอย่างเคืองขุนขึง ก่อนจะยกหลังมือขึ้นถูริมฝีปาปากตัวเองคล้ายรังเกียจสัมผัสจาบจ้วงระคนวาบหวามที่ร่างสูงนั้นมอบให้เสียเต็มประดา
การกระทำนั่นทำให้คนถูกตบคำรามในอกอย่างไม่พอใจสุดขีด หากแต่เยว่เทียนก็ระงับอารมณ์เอาไว้ด้วยการสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นจึงหันมาสวนกลับด้วยวาจาที่แสนเผ็ดร้อน
"ทำไมข้าต้องไม่กล้า? เจ้าเองยังกล้าตบหน้าข้าเลย..."
"ตะ แต่ เจ้าสมควรโดน! เจ้าคิดว่าการที่กล้ามายั่วโทสะข้าแล้วข้าจะปล่อยเจ้าไปเฉยๆ งั้นรึ! "
"เช่นนั้นเจ้าเองก็สมควรโดนข้าจูบเช่นกัน! เจ้าคิดว่าการที่เจ้ามายั่วยวนข้า ให้ข้ารู้สึกหลุ่มหลงในตัวเจ้าแล้วข้าจะปล่อยเจ้าไปเฉยๆ งั้นรึ! "
"เจ้าว่ายังไงนะ! เจ้าคนแซ่เยว่ เจ้าเอ่ยวาจาผายลมอันใด พูดให้มันดีๆ นะ"
"ก็ว่าแบบนี้แหละ เจ้าตัวโง่งมแซ่เฟิง ข้าพูดดีแล้ว ข้าบอกว่า...ข้าหลงเสน่ห์เจ้า! เจ้าหูตึงหรือไง ได้ยินไม่ชัดอีกหรือ? "
"แต่ข้าเป็นบุรุษนะ! ในยุทธภพนี้จะมีผู้ใดมีความคิดต่ำช้าได้เท่าเจ้าอีก คอยดูเถิดข้าจะป่าวประกาศให้ทั่วเลย! ...ท่านประมุขพรรคมารเงาโลหิตผู้งามสง่า ที่แท้ก็เป็นต้วนซิ่ว ชอบตัดแขนเสื้อ! แถมยังนิยมเชยชมดอกเบญจมาศมากเสียยิ่งกว่านอนตายใต้ดอกมู่ตานเสียอีก! "
เฟิงอวิ๋นเหยียดยิ้มอย่างดูแคลน ใบหน้างดงามเชิดสูงอย่างลำพองด้วยความมั่นอกมั่นใจ เขาเป็นคนกุมความลับของอีกฝ่ายเหตุใดต้องไม่มั่นใจด้วยเล่า
"หืม? เจ้าคิดจะป่าวประกาศหรือ? ก็เอาสิ ข้าก็จะได้ป่าวประกาศออกไปเหมือนกัน...ดอกเบญจมาศน้อยๆ ที่ข้าเชยชมก็คือเจ้า...เพียงเท่านี้ก็ไม่มีใครกล้ามายุ่งกับคนของข้าแล้ว"
"เยว่เทียน! สมองเจ้ายังดีอยู่หรือไม่! เจ้ากล้าเหร๊อ! "