ตอนที่ 1 คิดหนัก
“แม่อยากเห็นแกเป็นฝั่งเป็นฝา”
เสียงของแม่เฒ่าวัย 70 ปี เอ่ยออกมาเพื่อแสดงความต้องการของตน
ชายหนุ่มวัยกลางคนที่กำลังผูกเนคไทให้กับตนเองอยู่ชะงักเลยน้อย ก่อนที่จะย้อนถามหญิงชราว่า
“เป็นอะไรนะแม่?”
“เป็นฝั่ง.....เป็นฝา”
หญิงชราย้ำช้าๆเพื่อให้เขารับรู้ถึงเจตนาของเธอชัดๆ ชายหนุ่มทำหน้าสงสัยเล็กน้อยก่อนที่จะถามมารดาของตนกลับไปอีกครั้งว่า
“นี่ผมผอมไปใช่ไหม? แม่อยากให้ผมอ้วนกว่านี้เหรอ?”
โป๊ก
!!!!!!
เสียงไม้เท้ากระหน่ำลงบนศรีษะของชายหนุ่มอย่างแรงพร้อมกับคำก่นด่าของแม่เฒ่าทีรัวมาเป็นระลอก
“ไอ้ลูกคนนี้นี่...อย่ามาเล่นลิ้นกับแม่นะ พวกพี่ๆแกเขาแต่งงานกันหมดแล้ว เหลือแกคนเดียวนี่แหละที่ยังไม่ยอมแต่งซะที แล้วอย่างนี้แม่จะตายตาหลับไหม? ถ้ายังไม่ได้เห็นแกเป็นฝั่งเป็นฝาอย่างพวกพี่ๆเขาน่ะ”
แม่เฒ่าตีไม่ยั้งตามจุดต่างๆบนร่างกายของชายหนุ่ม ข้อหาต่อล้อต่อเถียงกับผู้เป็นแม่
“โอ้ยๆๆๆ
!.....
ยังมีแรงตีลูกได้ขนาดนี้ แม่ไม่ต้องห่วงเลย....แม่ไม่ตายง่ายๆหรอก”
ชายหนุ่มยกแขนขึ้นเพื่อปกป้องตนเองจากไม้เท้าของมารดาแต่ปากก็ยังคงต่อล้อต่อเถียงโดยไม่มีทีท่าว่าจะยอมลดราวาศอกให้กับผู้เป็นแม่
“ไอ้ริว....นี่ลองดีกับแม่ใช่ไหม?”
แม่เฒ่าตะคอกลูกชายคนเล็กด้วยความโมโห ชายหนุ่มเห็นท่าไม่ดีแล้ว เขาจึงรีบวิ่งหนีออกไปทันที
“ไอ้ริว...กลับมานี่เดี๋ยวนี้เลยนะ...กลับมาให้ฟาดเดี๋ยวนี้เลย.....ไอ้เด็กไม่มีสัมมาภารวะ...กล้าเถียงแม่เหรอ?”
แม่เฒ่าโมโหโกรธาเมื่อถูกลูกชายกระตุกต่อมความโกรธของนาง แม่บ้านวัยใกล้เกษียณต้องรีบวิ่งเข้ามาดูแลแม่เฒ่าเพราะห่วงสุขภาพของผู้เป็นนาย
“คุณนายเจ้าคะ? อย่าโมโหเจ้าค่ะเดี๋ยวความดันขึ้น”
แม่บ้านประคองนายของตนให้นั่งลงที่โซฟาตัวยาวหนานุ่มพลางคว้ายาดมให้ผู้เป็นนายได้สูดดม ส่วนลูกชายตัวดีรีบชิ่งหนีผู้เป็นแม่ทันที เขาคว้ากุญแจรถได้ก็บึ่งไปทำงานทันที
“จะไปไหน? กลับมาคุยกับแม่เดี๋ยวนะ ไอ้ริว
!
”
แม่เฒ่าโวยวายไล่หลัง เดือดร้อนแม่บ้านต้องรีบห้ามปราบนายของตน
“คุณนายใจเย็นๆเจ้าค่ะ
!
คุณริวแค่ไปทำงานเดี๋ยวเย็นนี้ค่อยแพ่นกระบาลต่อนะคะ”
ริวเดินทางมาถึงที่ทำงานของเขา พนักงานสาวๆต่างส่งสายตาหวานมาให้เขา เขาก้าวฉับๆเดินเข้าห้องทำงานส่วนตัวด้วยความกระฉับกระเฉง
“สวัสดียามเช้าค่ะ ผู้จัดการ”
พนักงานสาวบางคนทักทายพลางส่งยิ้มหวานๆมาให้เขา มันเป็นการอ่อย...ซึ่งเขาก็รู้ดีว่าสาวๆที่นี่หลายคนหมายตาเขาอยู่
“สวัสดีครับ”
เขาทักทายตามมารยาทแล้วเดินเข้าห้องทำงานของตนไป มีเลขาคนสนิทหอบแฟ้มงานวิ่งตามเขาเข้าไปในห้อง เขานั่งลงที่เก้าอี้ประจำตำแหน่งได้ไม่ถึงอึดใจ งานกองพะเนินก็มากองอยู่ตรงหน้าเขา เขาตาโตเล็กน้อยกับเอกสารตรงหน้า
“โอ้โห.....นี่ผมนั่งเก้าอี้ก้นยังไม่ทันจะร้อนเลยนะคุณดาว....”
เขากระชดเลขาสาววัยกลางคนของเขาเล็กน้อยที่พอเขามาถึงเธอก็หอบงานปึกใหญ่ตามเข้ามาทันที
“ก็มันช่วยไม่ได้นี่คะ....ช่วงนี้มีลูกค้าติดต่อเข้ามาเยอะมากนี่...แล้วนี่ตกลงคุณไปขายสินค้าของบริษัทหรือไปขายขนมจีบให้ลูกค้าสาวๆกันแน่คะ? มีแต่สาวๆโทรมาขอเบอร์ส่วนตัวคุณกันให้วุ่นไปหมด”
เลขาสาวทำหน้าง้ำหน้างอพลางแขวะหัวหน้างานของตนก่อนที่จะเดินออกไป
เที่ยงวันนั้นเขาไปทานอาหารกลางวันกับเพื่อนที่ทำงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่ายเซ็งๆ จน “อินทร์” เพื่อนสนิทของเขาอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมนายริวจอมกระล่อนคนนี้ถึงได้มีสีหน้าอมทุกข์ขนาดนั้น
“เป็นอะไรวะริว? ทำหน้าเหมือนคนอมขี้” อินทร์ถาม
“ถ้าอมขี้แล้วปัญหาจบกูยอมอมว่ะ” ริวตอบเพื่อน
“เฮ้ย
!
...ขนาดนั้นเลยเหรอวะ? นี่แสดงว่าปัญหามันหนักมากแน่ๆ” อินทร์ตกใจ
“ใช่”
เขาตอบสั้นๆพลางทำท่าคิดหนัก จนอินทร์เครียดไปด้วย ด้วยความรักเพื่อนเขาจึงขันอาสาจะช่วยเพื่อนแก้ปัญหามนครั้งนี้
“ไหนแกลองเล่ามาซิ...ว่าแกมีปัญหาอะไรวะ? เดือนนี้ยอดขายตกเหรอ? หรือทีมแกมีปัญหาอะไรในการทำงานหรือเปล่า? จะให้ทีมฉันช่วยซัพพอร์ตอะไรไหม?”
อินทร์ถามด้วยความหวังดี แต่ริวเอาแต่ส่ายหน้าอย่างเดียวไม่ยอมพูดอะไร จนอินทร์เหนื่อยใจเขาจึงตัดพ้อเพื่อนไปว่า
“ถ้าแกไม่ยอมพูดเอาแต่เงียบอย่างนี้ใครมันจะไปรู้ล่ะว่าแกมีปัญหาอะไร? แล้วฉันจะช่วยแกได้ไหมล่ะ?”
ริวมองหน้าเพื่อนอย่างคลางแคลงใจเล็กน้อยก่อนจะถามว่า
“อยากช่วยฉันจริงเหรอ? ปัญหานี้มันแก้ยากนะโว๊ย”
เขาบอกอินทร์ด้วยน้ำเสียงห้วนๆ
“เออน่ะ....มันไม่มีปัญหาอะไรยากเกินความสามารถของมนุษย์หรอก”
อินทร์ยังคงปลอบใจเพื่อนรักด้วยคำพูดที่ฟังดูดี
“แม่อยากให้ฉันแต่งงานว่ะ
!
”
ริวโพล่งออกมาทันทีที่อินทร์พูดจบ อินทร์ถึงกับอ้าปากค้างกับคำตอบที่ได้ยิน
“อะไรนะ? แม่แกจะให้แกทำอะไรนะ?”
อินทร์ถามอีกครั้งเพราะไม่อยากจะเชื่อคำตอบที่เขาได้ยินเสียเท่าไหร่
“แต่งงาน”
ริวย้ำอีกครั้งให้อินทร์ได้ยินชัดๆ
“แต่งกับผีเหรอ? แกมีแฟนแล้วหรือไง?”
อินทร์ถามด้วยความข้องใจ เพราะเขายังไม่เคยเห็นเพื่อนของเขาคบใครจริงๆจังๆสักคน ไอ้คนหวงความโสดคนนี้ถูกบังคับให้แต่งงงาน อินทร์แค่นหัวเราะออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองนัก
“แล้วเจ้าสาวล่ะ? เป็นใคร? มาจากไหน? ลูกเต้าเหล่าใคร?” อินทร์ถาม
“นั่นแหละปัญหา...แม่บอกให้ฉันรีบๆหาแฟนแล้วก็รีบๆแต่งซะ”
ริวบอกเพื่อน พลางทำท่าทางกระฟัดกระเฟียดเพราะอารมณ์ไม่ดีอย่างมากพลางกล่าวกับเพื่อนของเขาต่อ
“มาสั่งกันกะทันหัน บอกให้รีบๆหา รีบๆแต่ง....แม่คิดว่าฉันเดินเข้าเคาน์เตอร์เซอร์วิสแล้วบอกพนักงานว่า
‘
ขอเจ้าสาวคนนึงครับ
’
อย่างนี้ได้เหรอวะ?”
อินทร์พยักหน้าหงึกๆคิดตามเขาก่อนที่จะสมทบว่า
“แล้วพนักงานก็จะถามแกต่อว่า
‘
รับลูกชายหรือลูกสาวเพิ่มไหมคะ?
’
”
ริวกำหมัดแน่นพลางทำท่าจะโขกหัวเพื่อน คนยิ่งกำลังเครียดๆอยู่ยังจะมีหน้ามากวนประสาทกันอีก อินทร์หัวเราะแหยๆให้เพื่อนรัก
“ไม่งั้นแกก็ไปจ้างสาวไซส์ไลน์มาอุปโลกน์ไหมอ่ะ?”
อินทร์เสนอความคิดเห็นของเขาแต่ริวไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ จึงส่ายหน้าปฏิเสธความคิดเพื่อน
“ว่าแต่....หน้าที่การงานแกก็ดีทำไมไม่หาเมียเป็นตัวเป็นตนซะทีล่ะวะ? ก็ไม่แปลกหรอกที่แม่เขาจะเร่งให้แกแต่งงาน”
อินทร์เองก็อดสงสัยไม่ได้เช่นกันว่าทำไมเพื่อนของเขาถึงได้หวงความโสดนัก
“ก็ฉันไม่ค่อยจะสนใจผู้หญิงนี่...ฉันสนใจอย่างอื่นมากกว่า”
เขาตอบเพื่อนไปอย่างเซ็งๆ แต่อินทร์ถึงกับกอดตัวเองด้วยความสยองทำให้ริวรู้สึกอนาถเพื่อนของตนยิ่งนัก
“ทำไมทำท่าทางอย่างนั้นวะ? ไอ้อินทร์” ริวถาม
“ก็แกบอกว่าไม่สนใจผู้หญิง...หรือว่าจริงๆแล้ว...แกสนใจฉันใช่ป่ะวะ?”
“ไอ้อินทร์
!!!!
”
อินทร์หยอกริวเสร็จเขาก็รีบวิ่งหนีเพื่อนของเขาทันที วิ่งไปก็หัวเราะชอบใจไปที่แกล้งเพื่อนได้ แต่คนถูกแกล้งนี่ซิคงจะไม่ขำด้วย เขาอุทานชื่อเพื่อนได้แค่คำเดียวพลางหันมาหมายมั่นว่าจะทุบให้สักหนึ่งทีแต่คนก่อเรื่องก็วิ่งหนีไปเสียแล้ว
“หนีไปจนได้...ว่าแล้วว่าจะต้องไม่ได้เรื่องแน่ๆ เล่าให้ฟังไปก็เท่านั้น”
ริวบ่นอย่างเซ็งๆก่อนที่จะคว้าเสื้อสูทของตนที่พาดไว้กับพนักเก้าอี้ขึ้นมาพาดบ่าพลางเดินกลับขึ้นไปยังห้องทำงานของตนต่ออย่างเซ็งๆ
บ่ายวันนั้นเอง ริวนั่งเคลียร์งานของตนอยู่ที่โต๊ะทำงานของตนอย่างขะมักเขม้น พลันเสียงข้อความเข้าในโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความดังกล่าว เป็นข้อความที่ส่งมาจากอินทร์ ใจความว่า
“ริวเพื่อนรัก ขอโทษนะที่ฉันแหย่นาย ไว้ฉันจะแก้ตัวด้วยการพาแกไปที่ดีๆที่หนึ่ง อย่าโกรธกันนะ”
เขาอ่านข้อความที่เพื่อนส่งมาให้แล้วก็อดขำไม่ได้ที่เพื่อนส่งข้อความมาง้อเหมือนเด็กๆ ขณะนั้นเองคุณดาวเลขาของเขาก็หอบแฟ้มเอกสารเข้ามาให้เขาอีกชุด เมื่อเห็นหัวหน้างานของตนนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก็อดแซวไม่ได้ เธอจึงพูดขึ้นว่า
“แฟนส่งข้อความมาหาหรือคะ?”
“บ้า...คุณดาว...ใช่ที่ไหนล่ะครับ
!
ไอ้อินทร์มันส่งข้อความมาชวนผมไปเที่ยวต่างหากล่ะครับ”
เขารีบแก้ตัวเป็นพัลวัน คุณดาวมองอย่างจับผิดก่อนที่จะบอกว่า
“ก็ดิฉันเห็นคุณนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ นึกว่าคุณได้ข้อความจากสาวที่ไหนเสียอีก”
คุณดาวหยอกเขาเล็กน้อยก่อนที่จะวางเอกสารแล้วออกจากห้องของเขาไป ริวมองตามด้วยสายตาว่างเปล่าไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงอะไรต่อ เขาเหนื่อยกับงาน เหนื่อยกับเรื่องทางบ้านมาพอแล้วไม่อยากจะคิดอะไรอีก