SF หลอน [จบแล้ว] [ออฟปุณณ์, ออฟกัน]

แฟนฟิก

จบ SF หลอน [จบแล้ว] [ออฟปุณณ์, ออฟกัน]

SF หลอน [จบแล้ว] [ออฟปุณณ์, ออฟกัน]

Or Soblue

แฟนฟิก

0
ตอน
3.92K
เข้าชม
45
ถูกใจ
4
ความคิดเห็น
76
เพิ่มลงคลัง

 

"อ่าว วันนี้เข้าตึกเหรอ?" พี่กวางเงยหน้าขึ้นมาจากจานมะม่วงได้พอดีกับร่างสูงโปร่งที่ไม่คิดว่าจะได้เจอวันนี้เดินใส่มาส์กเข้าประตูชั้น30มา จึงโบกมือที่ถือชิ้นมะม่วงทักทายอย่างประหลาดใจ

 

"ไม่ได้เข้า ที่พี่เห็นอยู่นี่คือกายหยาบ"

 

"อีออฟ.." ถ้าไม่ติดว่ากลัวเสียของ มะม่วงเปรี้ยวในมือคงลอยไปชนกับหัวศิลปินในค่ายที่ตนทำงานอยู่เรียบร้อยแล้ว แต่ถึงจะลอยจริงๆก็คงไม่มีใครแปลกใจเท่าไหร่ เพราะทุกคนในตึกรู้ซึ้งถึงกิตติศัพท์ความกวนตีนของนายจุมพลมาเนิ่นนานแล้ว

 

ร่างสูงพูดกวนตีนผู้จัดการของตนจบ ก็เริ่มจะมองหาคนที่ทำให้เมื่อคืนเค้านอนดึกกว่าปกติและตื่นเช้ากว่าปกติ "ไอ้กันมายัง?"

 

"มาแล้ว" พี่กวางชี้นิ้วโป้งไปทางประตูด้านหลังที่เชื่อมไปยังคอกแสนสุขที่เจ้าตัวเล็กชอบไปเล่นซนอยู่บ่อยๆ "วันนี้มันมาเช้ามากก พวกแกนัดกันมา?"

 

"ใครนั๊ด?" คิ้วเข้มเลิกขึ้นพร้อมกับเสียงสูงที่เปล่งออกมาผ่านริมฝีปากสีซีด "จิ้นเก่งนะเราเนี่ย"

 

"ย่ะ! .. เอ้อๆ เมื่อคืนแกดู The Gifted ยัง? ขนาดฉันอยู่ตอนกันแสดง พอมาเห็นของจริงยังขนลุกเลย! นี่คนในทวิตชมน้องมันไม่หยุดเลยนะ" ผู้จัดการสาวยิ้มกว้างอย่างภาคภูมิใจในตัวศิลปินที่เธอดูแลประหนึ่งลูกหัวแก้วหัวแหวน ขนาดยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอมเลยทีเดียว

 

"ดูละ มันก็เก่งแบบนี้มาตั้งนานแล้วปะวะ?" ออฟดึงมาส์กปิดปากของตนออก ไม่เข้าใจว่าจะตื่นเต้นอะไรกันนักหนา ฝีมือการแสดงของกันดีแค่ไหนหลายคนที่เคยดูหนังของมันมาแล้วย่อมรู้ดี แต่ก็ต้องยอมรับว่าครั้งนี้มันล้ำลึกกว่าครั้งไหนๆ เป็นบทที่ช่วยดึงศักยภาพของมันออกมาได้อย่างเต็มที่ เพราะการต้องมาฟาดฟันอารมณ์กับตัวเองอีก 4 คน เป็นเรื่องที่นักแสดงหลายคนคงเอาไม่อยู่ถ้าเก็บรายละเอียดได้ไม่ดีพอ และน่าจะรวมถึงตัวเค้าเองด้วยที่ไม่สามารถรับบทยากๆถึงขั้นนี้ไหว

 

"ก็รู้~ แต่พอเห็นในทีวีมันก็อดชมไม่ได้นี่หว่า.." พี่กวางยัดมะม่วงในมือเข้าปาก "แล้วตกลงนี่มาแต่เช้าทำไม? พึ่งสิบโมงเองนะ?"

 

ไหล่กว้างยักขึ้นอย่างไม่ใส่ใจเวลา ขายาวก้าวผ่านพี่กวางเข้าไปทางห้องด้านหลัง ".. จริงๆฉันก็ตั้งใจจะมาชมมันเหมือนกัน"

 

"แหมมมม" ปากอิ่มที่ถูกแต่งเติมด้วยลิปสติกสีนู้ดพีชหยักขึ้นเป็นรอยยิ้มเชิงหมั่นไส้ให้กับคนปากหนักที่มักจะลีลาอยู่พักใหญ่ถึงจะยอมพูดความจริงในใจออกมา

 

ออฟเปิดประตูกระจกเข้าไปด้านในก็เจอหัวกลมผมสีเข้มลากเก้าอี้ตัวข้างๆมานั่งกับแม่ก็อตที่โต๊ะทำงาน ..ดูจากองศาที่ก้ม คงกำลังดูมือถือหรือกินขนมอยู่แน่ๆ

 

ริมฝีปากบางสีซีดหลุดยิ้มออกมาเล็กน้อย แต่เจ้าของรอยยิ้มนั้นกลับเม้มปากเข้าหากันเพื่อให้ใบหน้ากลับเรียบนิ่งตามเดิม "ไอ้กัน"

 

"ป่าปี๊~"

 

เหมือนเห็นใบหูเล็กกระดิกนิดๆทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก ก่อนเจ้าตัวจะหมุนเก้าอี้กลับมาแล้ววิ่งเข้ากอดเค้าเสียแน่น

 

"ปล่อยก่อน กูอึดอัด" ร่างเล็กทำหน้าอิดออดพลางกระชับกอดให้แน่นขึ้นเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่เค้าพูด จนออฟต้องจับไหล่เล็กดันออกเพื่อจะได้มองเห็นใบหน้าหวานชัดๆ

 

คิ้วเข้มขมวดกันเป็นปมเมื่อเครื่องแต่งกายของคนตรงหน้ากลับผิดแปลกไปจากทุกครั้ง ร่างเล็กที่มักจะใส่เสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงตัวใหญ่ หรือบางครั้งก็เป็นเสื้อเชิ้ตตามอารมณ์ของเจ้าตัว

 

มาวันนี้กลับใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวพอดีตัวกับเสื้อสเวตเตอร์สีกรมท่าเหมือนในซีรี่ย์ที่เค้าดูเมื่อวาน

 

"วันนี้หนาวเหรอ?" ดวงตาคมก้มมองปกเสื้อที่โผล่พ้นขอบสเวตเตอร์ขึ้นมาจนเป็นสีเข้มอ่อนตัดกัน นี่ถ้ากันใส่กางเกงขาสั้นทรงนักเรียนอีก เค้าคงคิดว่าต้องถ่ายซ่อมซีนใดซีนนึงในเรื่องแน่ๆ

 

กันกางแขนก้มมองเสื้อหนาวสวมหัวสีเข้มที่ยังคงเอกลักษณ์ความตัวใหญ่ไว้ไม่เสื่อมคลายแล้วก็ต้องยิ้มออกมา "ฮ่าๆๆ อะไรของปี๊เนี่ย? กันก็ใส่มาแบบนี้ทุกวันนะ" ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงสดอ้ากว้างแล้วหัวเราะออกมาจนน้ำตาเล็ด

 

"เออ อะไรของแกวะอีปี๊ กันมันก็ใส่มาอย่างนี้ทุกวัน" แม่ก็อตที่นั่งหันหลังอยู่ด้านข้างหมุนเก้าอี้มาขมวดคิ้ว ส่ายหน้าใส่ "แกเป็นคู่จริงประสาอะไร? ไม่มาตึกบ่อยจนลืมวิธีแต่งตัวของลูกฉันไปแล้วเหรอ?"

 

ร่างสูงกวาดสายตามองคนทั้งห้องที่จ้องมาทางเค้าด้วยความสงสัย จากที่คิดว่ากันและแม่ก็อตคือคนที่แปลกไป ตอนนี้ออฟเริ่มคิดแล้วว่าเค้าอาจจะมาตึกน้อยครั้งจนไม่ได้อัพเดตสไตล์การแต่งตัวใหม่ของกัน

 

"ปี๊ดูซีรี่ย์กันหรือยัง?" เสียงงุ้งงิ้งดังขึ้นข้างลำคอจนร่างสูงต้องก้มลงมองคนตัวเล็กที่กลับมากอดเค้าอีกครั้งตอนที่เค้าเผลอ

 

ใบหน้าคมพยักขึ้นลง "ดูแล้ว" มือใหญ่วางบนเส้นผมนุ่มลื่นที่กลางกระหม่อนแล้วยีเบาๆจนหน้าม้าที่ปิดลงมาเกือบถึงคิ้ว แตกเป็นซี่ "เก่งมากเลย"

 

ตากลมโตหยีลง กระจับกลางริมฝีปากบนเหยียดยาวออกเป็นรอยยิ้มกว้างอย่างภาคภูมิใจในคำชม แม้จะได้ยินใครต่อใครชื่นชมว่าเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งในชีวิตจริงและในโซเชียลมีเดีย แต่คำชมที่มาจากคนสำคัญในชีวิตย่อมเติมเต็มให้หัวใจพองโตได้มากกว่า ..คนสำคัญที่คอยให้กำลังใจเค้าในวันที่เค้าต้องเวิร์คช็อปจนเริ่มท้อ ..คนสำคัญที่ช่วยผ่อนคลายความเครียดให้ในวันที่อ่านบทจนกดดัน

 

"แม่~~ ปี๊ชมกันด้วยแหละ" เจ้าตัวเล็กน่าหมั่นเขี้ยวหันไปยิ้มอวดพิธีกรประจำหลายรายการของทางค่ายที่มักเรียกแทนตัวเองว่าแม่กับตนเหมือนเด็กน้อยที่อวดของเล่นใหม่ หรืออวดเกรดที่ได้กับคุณแม่

 

"เอออ ฉันได้ยินแล้ว!" ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์สีสดส่ายไปมาอย่างอ่อนใจในความขี้ขิงของลูกตนแล้วหันกลับไปทำงานต่อ

 

"แล้วนี่กินข้าวยัง?"

 

ดวงหน้าหวานยิ้มแหยจนแก้มขึ้นเป็นเส้นริ้วเหมือนหนวดแมวพลางส่ายหน้าตอบ "ยังเลย"

 

"มึงนี่นะ.." ร่างสูงดุพอหอมปากหอมคอก่อนจะหยิบมาส์กปิดปากกลับมาใส่อีกครั้ง "มึงอยากกินอะไรล่ะ? เดี๋ยวพาไป"

 

"จริงนะ!? อยากไปกินร้านเดิมวันนั้นที่เอมควออะ" ร่างเล็กกอดแขนอ้อนออเซาะอย่างน่าเอ็นดู

 

"ไปสิ" เจ้าของแขนเรียวยาวที่ถูกกอดไว้ออกตัวเดินกลับไปทางประตูที่พึ่งเข้ามาเพื่อพาเด็กดื้อไปกินข้าว แต่กลับถูกมือเล็กนั้นรั้งไว้

 

"ป่าปี๊ไปรอที่หน้าลิฟท์แปปนะ กันหยิบกระเป๋าก่อน"

 

ออฟส่ายหัวอย่างไม่เข้าใจ "ไม่ต้องเอาไปก็ได้ ยังไงมึงก็ให้กูจ่ายอยู่แล้วหนิ"

 

"หน่าา เผื่อกันจะซื้อของ!"

 

ออฟขมวดคิ้วหนักขึ้น "ช็อปอีกแล้ว หัดประหยัดบ้างเถอะ"

 

"ประหยัดแล้วว ตัวที่ไม่ได้ใส่ก็ค่อยเอาไปขายไง" ร่างเล็กเถียงคอเป็นเอ็น ท่าทางครั้งนี้ออฟก็คงจะเถียงไม่ชนะตามเคย

 

"เออๆ เดี๋ยวกดลิฟท์รอ" ขายาวหมุนตัวกลับไปด้านนอก ผ่านผู้จัดการสาวที่ทำหน้างุนงงใส่คนที่ทำท่าจะออกไปอีกครั้งทั้งที่พึ่งเดินเข้ามาเมื่อกี้ แต่ออฟก็หาได้สนใจไม่ หัวของเค้าตอนนี้ยังติดภาพเสื้อสเวตเตอร์สีกรมท่าที่กันใส่ มันคือตัวเดียวกับที่เห็นในซีรี่ย์เมื่อคืนจริงๆนะ หรือเจ้าดื้อของเค้าจะแอบไปซื้อตามตัวละครปุณณ์ที่ตัวเองเล่น?

 

...

 

"มาแล้ว" เสียงเรียบนิ่งของคนที่ออฟรอดังขึ้นทางด้านข้าง แต่พอหันกลับไป ...

 

"มึงไปเซตผมมาเหรอ?" ผมหน้าม้าที่ตกลงมาปรกหน้าถูกปาดเก็บขึ้นไปจนเรียบ ประกอบกับใบหน้านิ่งเฉยนั้น ไม่เหมือนคนที่กำลังดีใจเพราะจะมีคนเลี้ยงข้าวเลยสักนิด

 

"พูดอะไรของพี่ เมื่อกี้กันก็ทำทรงนี้" นัยน์ตาสีเข้มที่ไร้แววเหลือบมองไปทางปุ่มกดลิฟท์ นิ้วเรียวยื่นไปกดปุ่มลูกศรลงทันทีที่เห็นว่ามันยังไม่ติดไฟ "ไหนว่าจะกดรอ?"

 

"มึงช้า เมื่อกี้มันผ่านไปแล้วตัวนึง" ออฟพูดสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ออกมา น่าแปลกที่การไปหยิบกระเป๋ากลับใช้เวลานานกว่าที่เค้าคิดไว้มากจนลิฟท์ผ่านไปแล้วตัวนึง เค้าจึงเปลี่ยนใจรอให้กันเดินมาก่อนจึงค่อยกดเรียกลิฟท์อีกครั้ง แต่ทรงผมแปลกตาของร่างเล็กทำให้เค้าลืมเรื่องลิฟท์ไปเสียสนิท

 

"งั้นเหรอ" เจ้าของริมฝีปากสีระเรื่อคนเดิมเอ่ยขึ้น แต่เสียงที่ออกมากลับแต่งต่างจากเมื่อครู่จนเหมือนคนละคน ทั้งที่ก่อนหน้ายังเป็นเจ้าดื้อที่ชอบทำเสียงงอแงงุ้งงิ้งกับเค้า แต่น้ำเสียงเมื่อกี้กลับเต็มไปด้วยความหนักแน่น และเรียบเฉย "..ขอโทษนะที่ทำให้รอ"

 

ดวงตาคมเบิกกว้างด้วยความตกใจ อยู่ดีๆคนที่ไม่เคยเอ่ยขอโทษเค้าก่อนไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องที่หนักหนาแค่ไหน ยังไงก็ต้องให้เค้าเป็นคนขอโทษก่อนเสมอ

 

แต่กับเรื่องเล็กน้อยแค่การยืนรอหน้าลิฟท์สี่ห้านาทีที่เค้าไม่คิดติดใจกับมันด้วยซ้ำ ร่างเล็กถึงขั้นขอโทษออกมาอย่างจริงจังจนเค้าเป็นฝ่ายเหวอไปเอง

 

"ม.. ไม่เป็นไร"

 

"เอ้า ยังไม่ไปกินข้าวกันอีกเหรอ?" พี่เอฟ พี่ที่บริษัทเดินออกมาจากประตูกระจกพร้อมกระเป๋าสตางค์ ดูจากท่าทางแล้วคงจะลงไปซื้อของกินหรือของใช้ที่ชั้นล่างตึก

 

"ลิฟท์ยังไม่มาครับ" กันหันไปเอ่ยตอบ

 

"อ่อ แล้วนี่กินเสร็จจะกลับมาตึกอีกมั้ย?" ร่างบางถามกลับเหมือนสีหน้า น้ำเสียง และทรงผมของคนตัวเล็กตรงหน้าไม่ได้มีความแปลกไป

 

"คงกลับครับ"

 

ยิ่งบทสนทนาของทั้งสองคนยืดยาวมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ร่างสูงงงเป็นไก่ตาแตกเท่านั้น "พี่เอฟ"

 

"ว่าไง?" ผิวสีเข้มรับกับใบหน้าสวยคมหันมายิ้มถามพร้อมกับร่างเล็กที่หันมามองด้วยสีหน้าที่ยังคงไร้อารมณ์ไม่เปลี่ยนแปลง ..พี่เอฟไม่รู้สึกแปลกๆบ้างเหรอ?

 

ออฟเม้มปากใช้ความคิดขณะมองสำรวจร่างเล็กตั้งแต่หัวจรดเท้า "พี่เอฟว่า.. ผมทรงนี้เหมาะกับกันมั้ย?" แม้จะอยากถามออกไปตรงๆ แต่ร่างสูงก็เลือกใช้ประโยคคำถามที่ธรรมชาติที่สุดเพื่อไม่ให้มันดูเป็นบทสนทนาที่แปลก

 

"อะไรของแก? กันก็ทำทรงนี้ตลอดนะ มาถามอะไรเอาตอนนี้?" ร่างบางหันไปยิ้มขำกับร่างเล็ก แต่กันเพียงแค่ยิ้มบางๆตอบพี่เอฟเท่านั้น

 

ติ้ง!

 

เสียงลิฟท์ตัวด้านหน้ากันดังขึ้นพร้อมกับประตูเหล็กที่เปิดออก แต่แทนที่เจ้าตัวจะก้าวเข้าไป กลับยื่นนิ้วเรียวไปกดซ้ำที่ลูกศรลงเพื่อให้ลิฟท์เปิดค้างไว้

 

"เชิญพี่เอฟก่อนเลยครับ"

 

"ขอบใจจ๊ะ" พี่เอฟยิ้มรับแล้วเดินเข้าไปข้างใน ก่อนที่ร่างเล็กและตัวออฟจะเดินตามเข้าไปในลิฟท์

 

"นี่ถ้าออฟทิ้งวันไหนบอกพี่นะ พี่อยากได้น้องกันเป็นหลัวจริงๆ ทั้งสุภาพบุรุษ ทั้งพึ่งพาได้"

 

สุภาพบุรุษ? พึ่งพา?

 

อะไรวะ?

 

ออฟจ้องเขม็งกับสิ่งน่าเหลือเชื่อที่ตนได้ยิน ขณะที่กันเพียงแค่ยิ้มรับอย่างมีมารยาท

 

ที่เอมควอเทียร์ เสื้อตัวที่กันเคยเล็งไว้คราวก่อนติดป้ายลดราคาลงหลายเปอร์เซ็นต์ จนออฟต้องสะกิดให้ดูเพราะกันกำลังจะเดินผ่านมันไปอย่างไม่สนใจ

 

"มึงอยากได้ตัวนั้นหนิ มันกำลังเซลล์อยู่เลยนะ ไม่ซื้อเหรอ?"

 

ดวงหน้าหวานเงยขึ้นมองเสื้อที่แขวนอยู่หลังกระจกใส แล้วหันกลับไปส่ายหน้าให้คนที่มาด้วย "กันว่ากันควรจะประหยัดได้แล้ว ควรคิดถึงเรื่องอนาคต และคิดถึงเรื่องน้องพิมให้มากกว่านี้ พี่ออฟสอนกันเองหนิว่ากันควรมีความรับผิดชอบมากกว่านี้"

 

"มันก็ใช่...." มือหนาเกาหัว

 

กันยิ้ม "ไปกินข้าวกันเถอะ ถ้าช้าคนจะเยอะนะ"

 

"อ.. เออ" ตลอดมื้อนั้นร่างเล็กนั่งกินเงียบๆ ไม่พูดขณะมีอาหารอยู่ในปาก จัดวางช้อนส้อมอย่างเป็นระเบียบ และไม่แม้แต่จะงอแงลองชิมจานของเค้าเลย

 

"มึงเป็นอะไรปะวะ?" ร่างสูงทนความสงสัยไม่ไหวจนตัดสินใจถามขึ้น

 

"อะไร? กันก็ปกติดีหนิ" คิ้วเรียวขมวดมุ่น "พี่นั่นแหละที่แปลกไป หรือกันทำอะไรให้พี่ไม่ชอบใจหรือเปล่า?"

 

ออฟกลืนคำถามที่คาใจกลับลงคอไปแล้วเลือกที่จะส่ายหน้าตอบ "เมื่อคืนนอนดึกไปหน่อย กูคงยังมึนๆอยู่"

 

พรึ่บ

 

หลังมือเล็กที่เย็นเฉียบด้วยลมแอร์แตะเข้าที่ข้างแก้มตอบจนออฟสะดุ้ง "ก็ไม่มีไข้หนิ?" กันขมวดคิ้ว "ปวดหัวหรือเปล่า? เจ็บคอมั้ย?"

 

"เปล่าๆ กูไม่ได้เป็นอะไร" ร่างสูงรีบโบกมือบอกปัด นั่นสินะ เค้าคงนอนน้อยเกินไปแน่ๆ ถึงได้เพ้อเจ้อแบบนี้ กันมันแค่เป็นผู้ใหญ่ขึ้น ..แค่นั้นเอง

 

"แน่นะ? ถ้าไม่โอเคพี่ต้องรีบบอกนะ กันจะพาพี่ไปโรงพยาบาล"

 

"แน่สิ กูแค่นอนน้อยเอง" ออฟยกมือขึ้นลูบผมคนตรงหน้าตามเดิม แต่ครั้งนี้มือหนากลับถูกปัดทิ้ง "!?"

 

"ถ้าพี่ยี มันจะยุ่งนะ ..กันไม่ชอบให้ผมยุ่ง พี่ก็รู้หนิ"

 

"... กูรู้?" คำถามที่หลุดออกมาจากความสงสัยโดยไม่ผ่านการกลั่นกรองทำให้ดวงตาของร่างเล็กสลดลง แต่เพียงแค่แว๊บเดียวเท่านั้น

 

"พี่คงลืม" กระเป๋าตังค์ถูกหยิบขึ้นมาจากกระเป๋าสะพายใบจิ๋ว แบงค์สีแดงสองสามใบวางลงที่โต๊ะด้านหน้าออฟ "ฝากจ่ายด้วยนะครับ"

 

"แต่.."

 

"เดี๋ยวกันจะไปรอด้านนอก" พูดจบขาเรียวก็พาร่างเล็กออกไปด้านนอกโดยไม่ฟังคำทัดทานใดๆ

 

"แต่.. ปกติมึงให้กูเป็นคนจ่าย.." ออฟต่อประโยคที่คิดจะพูดให้จบ แม้คนที่พูดด้วยจะไม่อยู่ฟังแล้ว ร่างสูงหยิบธนบัตรบนโต๊ะมากำไว้

 

หรือเค้าจะดุกันมากเกินไป? กันถึงได้กลายเป็นคนจริงจังกับชีวิตขนาดนี้

 

ออฟเก็บเงินที่กันให้ไว้ในช่องแยก เผื่อจะได้คืนในอนาคต แล้วเดินไปที่เคาน์เตอร์ก่อนจะหยิบธนบัตรสีเทาจ่ายไปเป็นค่าอาหาร

 

"กัน"

 

.. ว่างเปล่า

 

เก้าอี้นอกร้านที่ควรจะมีคนตัวเล็กในชุดเสื้อสเวตเตอร์นั่งอยู่กลับว่างเปล่า "ชิบ.. หายไปไหนวะ!?" ออฟพยายามมองหาแถวนั้นก่อนขายาวเดินสำรวจจนทั่วชั้นเพื่อตามหาคนที่ตนเป็นห่วง

 

การแต่งตัว ทรงผม คำพูด ท่าทาง สีหน้า แถมยังมาหายตัวไปอีก

 

วันนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!?

 

"ฮึก.. ฮ .. ฮึก"

 

เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสารดังมาจากห้องน้ำห้องท้ายสุดจนคนปากแข็งใจแกว่ง

 

ปึงๆๆ!

 

"กัน!? ไอ้กัน!?" สันมือทุบบานประตูหนาจนแดง เสียงตะโกนของออฟดังลั่นห้องน้ำจนหลายคนตกใจจนเดินหนีออกไป

 

"ป่าปี๊.. ฮึก"

 

"กัน! ออกมาหากูก่อน ใครทำอะไรมึง!?"

 

กริ๊ก

 

"กัน!" แขนหนาดึงร่างเล็กเข้ามากอดไว้แน่น "ใครทำอะไรมึง?"

 

"ฮึก.. พี่ไม่ชอบกัน" เสียงหวานติดสั่นเครือเปล่งออกมาด้วยโทนแหลมสูง

 

ออฟขมวดคิ้วเป็นรอบที่สิบของวัน "ไม่ชอบ?"

 

"พี่จำเรื่องกันไม่ได้สักอย่าง พี่ลืมแม้กระทั่งกันชอบแต่งตัวยังไง ทำผมยังไง ชอบอะไรไม่ชอบอะไร"

 

"ไม่ กูไม่ได้ลืม!" ออฟรีบแก้ตัวอย่างร้อนรน "กูจำเรื่องของมึงได้สะ... ผมมึง?" ดวงตาเบิกกว้าง ผมที่ถูกเซตจนเรียบแปล้กลายเป็นผมซอยยาวจนเหมือนคนลืมตัดผม เส้นผมนิ่มถูกปล่อยสลวยอย่างไร้การเซต

 

"ผม?"

 

ออฟยกมือขยุ้มเส้นผมของคนตัวเล็ก

 

..ไม่ ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของแว็กหรือสเปรย์เซตผม

 

".. มึงเป็นใคร" ออฟละมือที่กอดอยู่ออก ขายาวค่อยๆก้าวถอยหลังทีละก้าว ทีละก้าว แผ่นหลังกว้างชนเข้ากับกำแพงกระเบื้องจนไร้ทางหนี "ปุณณ์..?"

 

"ป่าปี๊เป็นบ้าอะไร? พี่พูดถึงอะไรอยู่? นี่กันไง! พี่หมายถึงปุณณ์ไหน?"

 

ออฟส่ายหัวไล่ก้อนความคิดที่ตีกันวุ่นวายภายในสมอง นัยน์ตาสีดำจ้องไปที่ร่างเล็กซึ่งทรุดตัวลงกับพื้นจมกองน้ำตาอย่างน่าสงสาร

 

"มึง.. มึงไม่ใช่กัน!!"

 

"ป่าปี๊!!!?"

 

ร่างสูงออกตัววิ่งหนีจากที่นั่นโดยทิ้งกันไว้เบื้องหลัง ขายาววิ่งสับให้ไวที่สุดเท่าที่จะไวได้จนไปถึงรถคันสีฟ้าอ่อนของเค้า

 

ความเหนื่อยสะสมบวกกับความสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ออฟกอดพวงมาลัยไว้แน่นแล้วซบหน้าลงกับหลังมือ "...มันเกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย?"

 

ผมที่ถูกปาดจนเรียบ ไม่มีทางกลับเป็นปกติถ้าไม่ได้สระ แต่ผมของกันกลับแห้งสนิท

 

น้ำเสียงที่เค้าคุ้นชิน กลับได้ยินแค่ตอนที่อยู่บริษัท

 

ใคร ..... ใครทำอะไรไอ้กั..

 

ก็อก ก็อก ก็อก

 

ออฟเงยหน้าขึ้นตามเสียงเคาะกระจกที่ดังอยู่ด้านข้าง แต่แล้วร่างสูงก็ต้องช็อคยิ่งกว่าเดิมเมื่อคนๆนั้นคือกัน ในสภาพผมที่ถูกสเปรย์สูงจนตั้งชี้ขึ้นฟ้า

 

"ไอ้ตัวที่ขับเคลื่อนด้วยความโกรธ?" เสียงทุ้มพึมพำในลำคอ ภาพซีรี่ย์ที่ออฟดูเมื่อคืนถูกฉายซ้ำขึ้นในหัว ภาพที่ปุณณ์ร่างโมโหง่ายทุบตีกรและฟาดด้วยเก้าอี้จนแขนหักยังคงติดตา

 

"ป่าปี๊ว่าอะไรนะ? กันไม่ได้ยิน!!" เสียงแหบห้าวของคนอีกฝากฝั่งกระจกดังทะลุผ่านเข้ามาด้วยการตะโกน

 

มือหนากำพวงมาลัยแน่นจนชื้นเหงื่อ "อย่ายุ่ง.."

 

"อะไรนะ!?" กันเท้าแขนทั้งสองข้างกับขอบรถ "ถ้าพี่ไม่เปิดประตูมาคุยกับกันดีๆ ..กันจะพังเข้าไปแล้วนะ"

 

อึก

 

ร่างสูงจิกเล็บที่เบาะหุ้มพวงมาลัยจนเป็นรอยลึกเพื่อหยุดมือไม่ให้สั่นมากไปกว่านี้ ความกลัวเข้าเกาะกินจิตใจส่วนลึกจนแทบสติแตก

 

ปึง! ปึง! ปึง!

 

"อย่ายุ่ง ..." ริมฝีปากสีซีดสั่นเครือจนลามไปถึงฟันจนกระทบกันเป็นเสียงดังกึกๆๆ แต่เสียงทุบกระจกจากด้านนอกจนแทบร้าวนั้นกลบเสียงฟันของออฟไปจนหมด

 

"ห๊ะ!!?"

 

ปึง!!! เปรี๊ยะ..

 

สิ้นเสียงกระจกร้าว มือหนาหมุนกุญแจสตาร์ทเครื่องแล้วเหยียบคันเร่งออกไปทันที แม้จะแน่ใจว่ารถที่กระชากตัวออกต้องทำให้คนที่เท้าแขนอยู่บาดเจ็บ แต่เค้าตอนนี้ไม่พร้อมจะหันกลับไปมอง

 

สิ่งที่เค้ารู้มีเพียงแค่เค้าต้องหนี! หนีออกจากตรงนี้ให้ไกลที่สุด!!

 

...

 

"เฮ้อออ" ออฟทิ้งตัวลงนอนที่โซฟา ยกหลังแขนขึ้นพาดทับดวงตาที่อ่อนล้ารวมทั้งบดบังแสงนีออนในห้องนั่งเล่นในคอนโดของเค้าที่สาดเข้ามาแยงดวงตา

 

"ใครช่วยอธิบายให้กูฟังทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น...."

 

"หน้าซีดเชียว ..."

 

พรึ่บ!!

 

เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาจากประตูห้องครัว ร่างสูงเด้งตัวขึ้นนั่ง หันหัวไปทางต้นเสียงอย่างอัตโนมัติ เพียงแต่ครั้งนี้.. เสียงที่ได้ยินมันนุ่มลึก แต่กลับไร้มีโทนเสียงที่ชวนให้ขนลุก

 

"ป่าปี๊หนีอะไรมาเหรอ?"

 

"มึง!!" ขายาวถอยร่นร่างตัวเองไปจนชิดกับที่วางแขนฝั่งประตูหน้า "มึงมาได้ยังไง?"

 

กันขมวดคิ้วแล้วหัวเราะออกมาเสียงดังภายในห้องที่เงียบกริบ "ป่าปี๊เป็นบ้าอะไร?"

 

... ผู้นำ ขี้ระแวง โกรธเกรี้ยว แล้วก็ ....ด้านมืด?

 

นอกจากผมที่สั้นลงและถูกเซตขึ้นไปแล้ว พอได้สังเกตที่ดวงตาดีๆ ก็พอจะมีความแตกต่างอยู่บ้าง ดวงตาดำขยายขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อย แต่แตกต่างกับในซีรี่ย์ที่ยังมีส่วนของตาขาวอยู่บ้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่าแค่มอง ก็ทำให้ขนลุกได้ไม่ต่างกันเลย

 

"กันก็อยู่ที่นี่ .. รอป่าปี๊มาตั้งนานแล้วนะ" ดวงหน้าสวยแย้มรอยยิ้มหวานหยดย้อยพลางพยักเพยิดไปทางครัว "กันทำอาหารไว้เยอะแยะเลย มากินสิ กำลังร้อนๆเลย"

 

"ไม่!! กูไม่กิน!!!!" ออฟตะโกนเสียงดังแล้ววิ่งหนีกลับไปทางประตูหน้า

 

"ป่าปี๊.. กันแค่ไปเอากระเป๋าตังค์เอง ทำไมถึงไม่ยอมรอล่ะ?"

"พี่ออฟ.. กันแค่ไปเดินเล่นแปปเดียวเอง จะกลับทำไมไม่โทรมา?"

"ป่าปี๊.. ฮึก .. ฮ .. ทำไมถึง. .. ฮึก ทิ้งกันไว้ที่ห้องน้ำล่ะ?"

"ป่าปี๊.. กันเจ็บนะ ทำไมถึงออกรถไปแบบนั้นล่ะ?"

 

ร่างสูงยืนตัวแข็งอยู่กับที่ ดวงตาหลุดลอยเหมือนสติได้จางหายไปพร้อมวิญญาณเรียบร้อยแล้ว กันทั้ง 4 คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเค้าทำให้สมองหยุดทำงาน

 

"ยืนทำอะไรกันหน้าห้องเนี่ย เดี๋ยวยุงเข้า" กันในชุดผ้ากันเปื้อนจากในครัวเดินมาคล้องแขนพี่ออฟแล้วพาเดินเข้าไปนั่งเก้าอี้ในครัว

 

"..."

 

"พี่ออฟไม่สบายจริงๆใช่มั้ย ทำไมถึงไม่ยอมพูดอะไรเลย?"

 

"เพราะพวกมึงแหละ! เอาแต่กวนป่าปี๊จนเป็นแบบนี้" มือเรียวเล็กกระชากผ้ากันเปื้อนออกพลางย่างสามขุมเข้าไปหาอีก 4 คนที่เหลืออย่างเอาเรื่อง

 

"มึงนั่นแหละที่เป็นปัญหาที่สุด!!"

 

"กูควรจะกำจัดพวกมึงไปให้พ้นๆ...."

 

"ไม่ได้นะ!?" ออฟสะดุ้งเมื่อจบประโยคของกันด้านมืด ถึงยังไง สิ่งที่ออฟกลัวที่สุด ไม่ใช่การที่กันนิสัยเปลี่ยนไป แต่คือการที่ชีวิตนี้จะไม่มีคนชื่อกันอยู่อีกแล้ว

 

"ป่าปี๊ไม่ชอบกันคนไหน บอกมา ..กันจะจัดการให้" ดวงตาที่ดำอยู่แล้ว ดำขึ้นไปอีก จนแม้แต่กันอีกสี่คนก็พลอยกลัวไปด้วย มือเล็กหยิบมีดทำครัวขึ้นมากำไว้

 

"ไม่!!" ร่างสูงพุ่งตัวเข้าไปรวบกอดกันด้านมืดไว้แน่น ใช้แรงของตนล็อคแขนกันให้ราบไปข้างลำตัว "กูรักกันคนเดิม ..คืนกันมาให้กูเถอะนะ

 

.. กูขอโทษที่กูชอบพูดอะไรไม่คิด

 

.. กูอยากให้มึงมีความรับผิดชอบ แต่ไม่ได้อยากให้มึงทิ้งนิสัยเด็กๆของมึงไป

 

.. กูเอาแค่พ่นคำร้ายๆ ทำให้มึงคิดมาก แต่ทุกครั้งที่เป็นแบบนั้นปากกับใจของกูมันไม่เคยตรงกันเลย

 

.. กูเอาแค่ทำร้ายมึง ทำให้มึงต้องฝืนทำเป็นเข้มแข็ง แข็งแรงพอจะยืนด้วยตัวเองได้

 

.. กู ......"

 

เคร้ง

 

เสียงมีดตกกระทบพื้น และสัมผัสที่ว่างเปล่าทำให้ออฟต้องกลืนคำพูดต่อจากนั้นลงคอ

 

ร่างของกันทั้ง 4 ตามแต่ละบุคลิกจางหายไปแล้ว เหลือเพียงร่างต้นแบบที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม

 

"กันขอโทษ ..ที่เป็นคนที่ดีพอให้พี่ไม่ได้ ฮึก.."

 

"มึงดีเกินไปสำหรับกูด้วยซ้ำ.."

 

".. งั้นเลือกกันสิ"

 

"กูเลือกมึงเสมอ ตั้งแต่มีมึงเข้ามาในชีวิต" ออฟรั้งร่างเล็กเข้ามากอดแน่น

 

"ไม่ใช่ที่นี่

...

กันไม่ได้หมายความว่าให้เลือกกันที่นี่ .."

 

กริ๊งงงงงงงงง กริ๊งงงงงงงงงงง กริ๊งงงงงง

 

"อืออ... โอย" เปลือกตาค่อยๆเลิกขึ้นพร้อมกับนัยน์ตาคมสีดำสนิทที่เผยออกมา

 

"เฮ้ย!!!" ออฟเด้งตัวลุกขึ้นนั่งพลางจับไปที่ใบหน้าและตามท่อนแขนแล้วหยิกเบาๆ "เมื่อกี้ฝันเหรอ? .....เฮ้อออออ ค่อยยังชั่ว" ริมฝีปากสีซีดพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะหันไปสนใจคนที่โทรมารบกวนเค้าตั้งแต่เช้า

 

กริ้งงงงงงงง

 

"หืม? กันเหรอ?"

 

ติ๊ด..

 

"..ฮัลโหล"

 

'วันนี้ป่าปี๊ว่างใช่มั้ย?'

 

"..อือ ก็ว่าง"

 

'มาอยู่ที่ตึกเป็นเพื่อนกันหน่อยสิ~ นะๆๆ'

 

"ไม่เอา ขี้เกียจ"

 

'น้าาาาาา~'

 

"เฮ้ออออ เออๆ ก็ได้ๆ" ร่างสูงยีผมจนฟู พยายามคลายความง่วงให้ตัวเอง เพราะมีแววว่าเค้าจะไม่ได้นอนต่อ

 

'เย่ ป่าปี๊พูดแล้วนะ! เรามีนัดกันนะวันนี้ ห้ามเบี้ยว!'

 

ออฟหลุดยิ้มขำออกมาในที่สุด "ใคร? ใครนัดกับมึ๊งง"

 

'ป่าปี๊ไง! มาเร็วๆนะ! กันอยากฟังพี่ๆในตึกพูดถึงกิฟเต็ดของกันเมื่อคืนแล้ว'

 

"เอออ เดี๋ยวรีบไป"

 

'อื้อ! รอนะ'

 

"อืม"

 

ติ๊ด..

 

หลังอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย มือหนาก็คว้าเอามาส์กปิดปากติดมือมาด้วยเพราะไม่ได้แต่งหน้าและไม่อยากให้ใครเห็นหน้าของตนเวลาโทรม ก่อนขายาวจะก้าวขึ้นรถสีฟ้าคันคู่ใจของเค้า

 

"เอ๊ะ.. เหมือนเหตุการณ์นี้มันคุ้นๆนะ.." ออฟขมวดคิ้วนึกอย่างจริงจัง แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกสักที "เมื่อคืนดันดูซีรี่ย์ไอ้กันจนดึก ..เหมือนจะฝันประหลาดๆด้วย? ..แต่ดันจำไม่ได้แฮะ.."

 

ร่างสูงพยายามนึกอีกครู่นึงแต่ก็ไม่ได้ผล "ช่างมัน!" มือหนาปิดปากตนเองด้วยมาส์กที่หยิบมาเมื่อครู่แล้วสตาร์ทรถ

 

แต่ก็นะ ..เมื่อคืนไอ้กันมันก็แสดงได้ดีจริงๆ ขนาดรู้ว่ามันเก่งมาก ยังดูแล้วขนลุกเลย

 

.

.

.

 

เดี๋ยวคงต้องไปชมมันสักหน่อย ..

 

 

 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว