ผมกำลังไล่นิ้วไปตามหน้าจอโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดที่ผมเองกำลังเป็นหนึ่งในพรีเซ็นเตอร์ของแบรนด์ เข้าแท๊กประจำในแอปเจ้านกสีฟ้ายอดนิยมที่แฟนคลับมักจะนำรูปที่ถ่ายพวกเราตามงานต่างๆ มาลง
‘กรี๊ดดดด วันนี้ก็โดน #เพิร์ธมาร์ค ตกอีกแล้วอ่ะ /กุมใจ #lovebychanceseries’
ผมเกือบจะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นแท๊กคู่ของผมกับไอ้พี่มาร์ค พี่คนสนิทที่ผมแทบจะไม่เคารพมันเป็นพี่อยู่แล้ว ภาพที่ผมหัวเราะเริงร่ากับมันถูกแต่งจนฟรุ้งฟริ้งทำเอาผมอดขนลุกซู่ขึ้นมาไม่ได้ แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรนะครับ ดีเสียอีกมีคนรักคนชอบเยอะแยะแบบนี้
ในแท๊กรวมของเรามีรูปเกือบจะครบทุกคนในจำนวนพวกเรา 8 คน ที่บอกว่าเกือบจะครบก็เป็นเพราะว่าวันนี้เราไปทำงานกันเพียงแค่ 6 คนน่ะสิครับ
ขาดก็แค่พี่มีน...กับพี่เซ้นต์
พอคิดถึงคนหลังผมก็ได้แต่ถอนหายใจกับตัวเองยาวๆ...คิดถึง
คิดถึง...รอยยิ้มหวาน
คิดถึง...เสียงหัวเราะ กับเรื่องเล่าที่ไม่เคยหมดของอีกคน
คิดถึง...ผิวขาวๆ แก้มนุ่มๆ ปากหวานๆ...
เฮ้ย! อันหลังไม่ใช่แล้วไอ้เพิร์ธ ผมได้แต่ทึ้งหัวตัวเองเมื่อดันไปคิดถึงอะไรที่ไม่ควรคิด ไม่นับใบหน้าที่เห่อร้อนขึ้นมาอีกต่างหาก...อ่อนหัดจริงๆ เพิร์ธเอ้ย
เลื่อนหน้าจอมือถือลงมาเรื่อยๆ ในที่สุดก็เจอรูปพี่มีนกับพี่เซ้นต์บ้าง แต่...
‘กรี๊ดดด เจอพี่มีนกับพี่เซ้นต์ที่ห้างXX สดๆ ร้อนๆ เลยค่า อะไรยังไงคะคู่นี้ เรียลป่ะค้า... #มีนเซ้นต์ #lovebychanceseries’ พร้อมแนบรูปพี่มีนกับพี่เซ้นต์กอดคอกันยิ้มใส่กล้อง พร้อมยอดรีทวีตและยอดไลค์ที่เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว
“เหี้ยอะไรวะแม่ง!” เดี๋ยวนะครับ อย่าเพิ่งตกใจว่าผมด่าพี่ที่เคารพทั้งสอง แค่เป็นคำอุทานเบาๆ อย่างตกใจของผมเท่านั้นจริงๆ
พี่แอบไปกันสองคนไม่บอกผมเหรอ...
อยู่ๆ มันก็มีความรู้สึกโหวงๆ ในอก กับความร้อนตรงแถวๆ หัวตา
มันไม่ได้เป็นความรุนแรงเหมือนกับการอิจฉา...
มันเรียกว่า...ความน้อยใจมากกว่า
‘บอกตัวเองว่าไม่อิจฉา เราต้องไม่อิจฉา...เด็กอย่างผมคงไม่มีสิทธิจริงๆ สินะ’
-----------------------------------------------------
“คุณเซ้นต์ครับ เปิดไอจีด่วนเลย เด็กคุณมันดราม่าลงสตอรี่ว่ะ” อยู่ดีๆ เพื่อนที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ตรงข้ามก็เอ่ยขึ้นมา ให้เซ้นต์ที่มีความสุขกับการกินชาบูต้องเงยหน้าขึ้นมาเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจ
“อะไรวะ อย่าขัดตอนกินดิ๊” เซ้นต์มุ่ยหน้าใส่ ก็นานๆ ทีจะหนีเออาร์กับเมเนส่วนตัวมานั่งกินชาบูชิวๆ แบบนี้ได้ มันก็ต้องเอาให้คุ้ม
“นี่ดูซะ ไอ้เพิร์ธมันดราม่าอะไรก็ไม่รู้ ให้กูทาย อาจจะเป็นเพราะรูปที่น้องแฟนคลับคนเมื่อกี้ถ่ายไปลงทวิตก็ได้นะเว้ย” มีนยื่นหน้าจอโทรศัพท์ที่เป็นสตอรี่ในไอจีของน้องเล็กประจำกลุ่ม เป็นภาพตัวหนังสือสีขาวบนพื้นสีดำ...
‘บอกตัวเองว่าไม่อิจฉา เราต้องไม่อิจฉา...เด็กอย่างผมคงไม่มีสิทธิจริงๆ สินะ’
“โยงมั่วนะไอ้มีน มันจะไปเกี่ยวกันได้ไงวะ” เซ้นต์ยังทำหน้างงที่ดูยังไงก็สวยหวานน่ารัก ส่งออร่าวิ้งๆ จนสาวโต๊ะข้างๆ แทบลมจับ
“น่ะ ไม่รีบง้ออย่าหาว่าไม่เตือนนะเว้ย ป่านนี้ร้องไห้แงๆ แล้วมั้ง เดี๋ยวไอ้มาร์คก็คาบไปแด๊กหรอก” มีนว่าเสียงสูง ถึงไม่มีใครพูดชัดเจน แต่ในกลุ่มพวกเขาใครๆ ก็รู้ว่าไอ้สองคนนี้มันดูมีซัมติง แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่ามันเป็นแฟนเซอวิส อินกับบทบาท หรือคิดจริงกันแน่
“พูดมากน่ามีน รีบๆ กินดิ เราจะกลับไปอ่านหนังสือเตรียมควิซพรุ่งนี้” เซ้นต์หลบตาเพื่อนพร้อมเปลี่ยนเรื่องทันที ทำให้มีนที่ไม่ค่อยจะอยากเซ้าซี้เท่าไหร่หมดความสนใจไป
และที่เขาสองคนมานั่งกินชาบูกันอยู่ตรงนี้ก็ไม่ได้เกิดจากความเรียลอย่างที่น้องแฟนคลับคนนั้นว่าแต่อย่างใด ก็แค่บังเอิญมาเจอกันในห้างหลังจากเขาเลิกเรียน ส่วนมีนก็เพิ่งเลิกจากงานอีกที่ และเกิดความหิวเกินทนไหว ผู้ชายตัวใหญ่ๆ อย่างเขาสองคนจึงมาจบลงในร้านชาบูให้สาวๆ มองตาเป็นประกายอยู่ตอนนี้
และถึงแม้จะทำเป็นไม่สนใจต่อหน้ามีน แต่เมื่อขึ้นมานั่งอยู่หลังพวงมาลัยในรถตัวเองได้ เซ้นต์ก็รีบเปิดไอจีดูสตอรี่ของใครบางคนทันที
“เกี่ยวกับเราไหมเนี่ย แล้วลงสตอรี่ขนาดนี้ไม่กลัวแฟนคลับเห็นหรือไงฮะ” เซ้นต์บ่นกับตัวเอง พร้อมโคลงหัวอย่างอ่อนใจกับเด็กน้อยของเขา
ในเมื่อสงสัย เซ้นต์ก็ไม่รอช้าที่จะทำให้ความสงสัยนั้นหายไป มือเรียวกดต่อสายหาใครอีกคนทันที
“ครับพี่เซ้นต์” เสียงหงอยๆ ที่ดังมาตามสายทำให้ใบหน้าหวานปรากฏรอยยิ้มน้อยๆ...อยากเห็นหน้าจัง ป่านนี้จะร้องไห้แงๆ อย่างที่มีนว่าไหนนะ
“เป็นอะไรครับ ทำไมเสียงเป็นอย่างนั้นหืม...” เซ้นต์ทอดเสียงอ่อนโยนราวกับจะปลอบคนปลายสายไปด้วย
“ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย แล้ว...พี่เซ้นต์อยู่ไหน” คำถามประโยคหลังคนเด็กกว่าพูดเสียงเบาราวกับไม่แน่ใจว่าควรถามออกไปหรือไม่
“อยู่ห้าง เมื่อกี้พี่บังเอิญเจอมีนก็เลยกินข้าวด้วยกัน ตอนนี้กำลังจะกลับบ้านแล้วครับ” ถึงอีกคนไม่ถาม เซ้นต์ก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะรายงานตัวกับอีกคน...อย่างกับแฟนกันเลย... คิดแล้วเซ้นต์ก็อดจะรู้สึกจั้กจี้ในหัวใจไม่ได้ ซึ่งเขาคงไม่รู้ว่าคนที่หงอยๆ เมื่อสักครู่พอได้ฟังเสียงนุ่มทุ้มพูดอยู่ข้างๆ หูแบบนี้ก็เริ่มจะกลับมายิ้มได้แล้วเหมือนกัน
“ดีจังเลยนะ บังเอิญเจอกันด้วย” ถึงจะเริ่มอารมณ์ดีแล้ว แต่เสียงที่ตอบกลับมาก็ยังมีแววน้อยใจนิดๆ แบบที่พอให้คนที่ฟังได้ร้อนตัวหน่อยๆ
“บังเอิญจริงๆ นะ เพิร์ธไม่เชื่อพี่เหรอ คนอื่นก็แค่บังเอิญเจอกันเท่านั้นแหละ แต่ถ้าคนที่พี่อยากเจอ พี่จะไม่ให้มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรอกนะ” คนฟังได้แต่เงียบ คนพูดจึงว่าต่อโดยไม่รอคำตอบ
“จริงๆ วันนี้พี่ก็ว่าจะไปหาเพิร์ธนะ คิดถึงเด็กขี้งอนจะแย่แล้วเนี่ย แต่เห็นว่าทำงานจนดึกดื่นก็เลยไม่อยากกวนครับ”
“ใครขี้งอน พี่เซ้นต์ขี้โกงว่ะ ทำไมพูดเก่งไม่เหมือนพีทในซีรีย์เลยวะ”
“ก็เอ้ตัวจริงเกรี้ยวกราดได้น่ารักว่าในซีรีย์เยอะเลยนี่นา”
“พอเหอะ ผมทนฟังไม่ไหวแล้วเนี่ย”
“ทนฟังไม่ไหว หรือทนเขินไม่ไหวครับเพิร์ธ” เซ้นต์ส่งเสียงล้อๆ กลับไป อ่า...อยากเห็นผิวเข้มๆ ที่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงทั้งตัวจริงๆ แฮะ
“พอๆ พรุ่งนี้ผมอยากกินชาบูบ้าง มารับที่โรงเรียนด้วย”
“โหย โควตาชาบูพี่หมดแล้ว ขอเปลี่ยนเป็นสลัดนะครับ”
“แล้วแต่ กินอะไรก็ได้ แค่ได้กินกับพี่ก็พอ”
“หืม เดี๋ยวนี้หัดหยอดนะ อยากให้พรุ่งนี้มาถึงเร็วๆ จัง คิดถึงนะครับ”
“คิดถึงเหมือนกันครับ”
------------------------------------