“หนูขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูลงมา” ภัคพรก้าวเท้าหมายจะเดินขึ้นบันไดแต่เสียงเข้มขัดขึ้นเสียก่อน
“เดี๋ยวสิ ไหนว่าเราต้องคุยกันไงหนูภัค”
“เดี๋ยวค่อยคุยก็ได้ค่ะ คุณภูไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวหนูทำอาหารเย็นไว้รอ เอ... หรือว่าทานมาแล้วคะ” สาวน้อยแกล้งยียวน เธอรู้ดีว่าถึงแม่ผู้ปกครองเธอจะดุไปบ้างแต่ไม่เคยดุเธอจริงจังสักครั้ง และนี่ก็อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่เธอกล้าต่อล้อต่อเถียง ยียวนเขากระมัง
“ฉันยังไม่ได้ทานอะไรมา เอาเถอะ เดี๋ยวค่อยคุยก็ได้” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงขรึม ก่อนจะเดินเลี่ยงเพื่อขึ้นบันไดไปก่อน แต่แล้วเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเขาลืมอะไรบางอย่าง ชายหนุ่มหันมามองใบหน้านวลนิ่ง แววตาเป็นประกาย ภัคพรสบตาคู่คมคล้ายจะค้นหาความรู้สึกของเขาผ่านดวงตาคู่นี้
“ยินดีต้อนรับกลับบ้าน...ของเรา” น้ำเสียงนุ่มลึกของชายหนุ่มที่ส่งมาทำเอาสาวเจ้าถึงกับใจสั่น ร้อยวันพันปีเธอไม่เคยใจเต้นอะไรกับเขามาก่อน ไหงกลับมาคราวนี้เป็นเช่นนี้ไปได้เล่า ไหนจะยิ้มมุมปากของเขานั่นอีก ให้ตายเถอะ
“หนูไม่ไปไหนแล้วนะคะ จะอยู่ที่นี่ไปจนตายเลย” พูดจบก็วิ่งขึ้นบันไดไปทันที ชายหนุ่มมองตามยกยิ้มมุมปาก อยู่ที่นี่ตลอดไปให้จริงเถอะยายหนูภัคตัวดี
____________________________________________________________________________________________________________________________________
“แหม คุณภูก็ พูดแบบนี้เดี๋ยวหนูก็หลงตัวเองแย่หรอกค่ะ แล้วคนที่จะเดือดร้อนก็คือคุณภูนะคะ”
“หลงก็หลงสิ เดี๋ยวฉันหลงเป็นเพื่อนดีไหม” กรี๊ด! ให้ตายเถอะ มีใครให้มากกว่านี้ไหม ใครก็ได้ตบหน้าเธอให้ตื่นจากความฝันที เธอไม่ใช่สาวน้อยไร้เดียงสาถึงขนาดที่จะไม่รู้ว่าการกระทำและคำพูดของเขาหมายถึงอะไร แต่ช้าหน่อยจะไดไหม หัวใจดวงน้อยตั้งรับไม่ทันค่ะคุณภูขา แต่จะให้เธอเขินวิ่งหนีไปคงไม่ใช่ภัคพรค่ะ รุกมาก็พร้อมตั้งรับ นี่สิยายหนูภัคตัวจริงเสียงจริง
“อืมม หนูว่าความหลงมันไม่ยั่งยืนอ่ะค่ะ หนูอยากได้อย่างอื่นมากกว่า” มือใหญ่ของภูธเรศยกขึ้นไปบีบจมูกน้อยของคนช่างอ่อยเบาๆอย่างหมันเขี้ยว ยายหนูภัคของเขาร้ายกว่าที่เขาคิดนัก แต่ก็นับเป็นเรื่องที่ดีที่เธอไม่ได้มีทีท่ากลัวหรือมึนตึงต่อเขา เขาเองก็ไม่อยากจะหลงตัวเองว่าเธอก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกับเขา
“อย่างอื่นที่เธอหมายถึง ฉันว่าเธอได้มันไปหมดแล้วนะหนูภัค”