เรื่องราวของสองชายหนุ่มในรั้วมหาลัย ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันคาดคิด ไออุ่นของสองคนหลอมรวมเข้าด้วยกัน จนเรียกว่า ความรัก
15:25 น.
เสียงฝีเท้าที่เร่งถี่ๆบ่งบอกถึงความเร่งรีบของเจ้าของร่างร่างสูงของนิสิตแพทย์วิ่งไปตามทางเดินที่เป็นลานกว้างผ่านนิสิตคณะอื่นที่ชุมนุมกันอยู่เป็นกลุ่มร่างสูงชะเง้อมองซ้ายทีขวาทีเพื่อหาเพื่อนสนิทตัวดีของตนที่ลากตัวเขามาทีนี่ เขาสาวเท้าไปเมื่อเห็นคนร่างเล็กโบกมือให้พร้อมกระโดดโหยงๆอย่างไม่รักษาภาพพจน์ของคนเป็นหมอ คณิตส่ายหน้าแล้วถอนหายใจแรงๆ ‘นี่เขามาทำอะไรที่นี่กัน’
คณินนั่งลงที่โต๊ะอาหารคณะอักษร มองเพื่อนสนิทที่ตัวเล็กกว่าทำหน้าบูดเป็นตูดหลังที่เขาเดินเข้ามา เป็นไบโพล่าร์รึไงรึจะเรียนหนักไป แต่พอจะเอ่ยปากบอกไปก็คงไม่ใช่เรื่อง
“กินอะไรดีวะ ไอ้คณิน”
“ก็สั่งๆมาเหอะ”คณินตอบเพื่อนสนิท ที่คณะแพทย์ก็ใช่ว่าจะไม่มีอาหารให้กินสักหน่อย อีกอย่างนั่งกินในนั้นคงไม่ต้องร้อนเหมือนในนี้
“ก็กูไม่รู้นี่หว่า กูแค่มาหาอะไรกินแถวนี้เฉยๆไม่ได้ไง”
“เอ้า!”ไอ้ห้ารากนี่....สนุกนักรึไงที่เห็นเขาวิ่งข้ามสะพานมาที่นี่
สรุปเมนูวันนี้เขากับภาค เอ่อ..ชื่อคนที่ลากเขาออกมานี่แหละ ตกลงกันว่าจะกินข้าวมันไก่ก่อนไปรับหน้าที่ตรวจคนไข้จากอาจารย์หมอต่อ ถึงบอกกันมาว่าทำแบบนี้คงจะหาแฟนยากเพราะมีเวลาให้น้อย คณินเดินไปซื้อร้านข้าวมันไก่ตรงหัวมุมติดกับต้นเสา ด้วยรูปร่างหน้าตาที่ดูดีทำให้เขาถูกจ้องจนทำตัวไม่ถูก
มือจับช้อนส้อมจนในน้ำร้อนหลายๆรอบจนคิดว่ามันสะอาดดีแล้วจึงว่ามันลงบนจานข้าว เขาใช่ว่าจะรู้ว่าร้านไหนอร่อย เพราะมาที่นี่แค่ครั้งสองครั้งเอง จังหวะที่เขายกจานเข้าเดินไปที่โต๊ะ
“ข้าวมันไก่ 1 ที่ครับพี่นพ”
“ได้เลยน้องกานต์”การทักทายกันด้วยน้ำเสียงที่สนิทสนมทำให้เขาอดหันไปมองไม่ได้
น้องกานต์ ก็แค่วิศวะใส่ช็อปยืนวางมาดเท่ๆล้วงกระเป๋าสั่งข้าว เขาไม่น่าเสียเวลาเลยจริงๆ ป่านนี้ไอ้ภาครอเขาท้องกิ่วแล้ว
“โหย อย่างนาน กูคิดว่ามึงไปผ่าไก่แทนแม่ค้าแล้ว”
“รีบๆกินไปเลยครับคุณภาคภูมิ”เขาก้าวขาเข้ามาในเก้าอี้แล้วบอกเพื่อนสนิท ส่วนคนที่ถูกเรียกชื่อเต็มยศก็ได้แต่ยักไหล่ไปพลาง ก่อนก้มหน้าก้มตาตักข้าวใส่ปาก
เขากินได้เกือบครึ่งจานก็ต้องชะงักมือไป ไอ้ภาคกินจนหมดจานแล้วกระเพาะมันเป็นหลุมดำรึไง เขามองข้าวในจานสลับกับหน้าอีกฝ่าย จนสายตาเลยไปเห็นสีเสื้อช็อปคุ้นตาเหมือนเคยเห็นไม่นานมานี้ เดินมากับเพื่อนกลุ่มใหญ่ที่ดูเถื่อนๆกันทั้งนั้น อ่า นี่สินะเรียกว่า ความติสต์
แต่ยังถือจานข้าวอยู่ ยังหาที่นั่งไม่ได้เหรอวะถึงได้เดินวนว่อนไปมาแบบนี้ ไหนๆก็เป็นหมอแล้วเป็นคนดีสักหน่อยแล้วกัน คณินลอบยิ้มมุมปากกับคำชมตัวเองในใจ
“อิ่มแล้ววะ ไปเหอะต้องเข้าเวรต่ออีก”
“เออๆไปก็ไป”หลังจบคำตอบนั่นพวกเขาก็เอาจานไปไว้ที่โซนล้างจานก่อนออกมาล้างมือในอ่างด้านนอก
..
.
กริ้ง กรืดด!
น้ำไม่ไหลเหรอวะ? มือของคณินบิดไปมาหลายๆครั้งจนคนที่ยืนรออยู่ข้างๆหันมาดู
“อ่าว เหี้ยน้ำไม่ไหลเหรอวะ?”ภาคภูมิยกมือเกาหัว แล้วบอกเพื่อนสนิทว่า“ไหนลองบิดอีกทีซิ”
คณินพยักหน้าเบาๆก็บิดไปมาอยู่อย่างไม่คิดอะไร จนมีเสียง แปลกๆข้างในจึงลองเงี่ยหูไปฟัง คนที่อยู่ในโรงอาหารกระซิบกระซากกัน โดยเฉพาะกลุ่มสาวๆที่มองด้วยตาลุกวาว
“แกๆนั่นใช่หมอคณินรึเปล่าอะ มองใกล้ๆงี้หล่อโคตร”
“ใช่แก ฉันใจจะละลายแล้ว แล้วตอนยิ้มนะโคตรสามี”
“ได้ข่าวว่าเป็นคู่จิ้นกับหมอภาคภูมิคนที่มากินข้าวด้วยกัน คนนั้นอะ”เธอชี้นิ้วไปหาผู้ชายตัวเล็ก ผิวขาว รูปร่างบอบบางพอสมควร ดูรวมๆแล้วผู้ชายน่าจะเข้าหามากกว่าผู้หญิง
สองคนที่อยู่ด้านนอกนั่นพูดคุยจนหน้าจะชิดกันอยู่แล้วยิ่งทำให้คนที่อยู่ด้ายในกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ บางคนถึงกับหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปอย่างอดใจไม่อยู่
“เห้ย ไอ้กานต์มองไรวะ รีบๆกินได้แล้ว เดี๋ยวจารย์ตาม”หนึ่งในเพื่อนร่วมโต๊ะบอก ไอ้เต้ไม่ชอบที่ที่มีเสียงดังอีกทึก ยิ่งเสียงเมื่อกี้ทำมันหน้าเสียจนถอนหายใจยาวพรืด
“ต้องถอนหายใจขนาดนั้นเลยเหรอวะ”เพื่อนอีกคนที่นั่งข้างๆ
“เดี๋ยวกูเดินไปดูสักหน่อย”กานต์บอกกับเพื่อนๆก่อนขอตัวเดินออกจากอาคารไป
สองคนนั้นบิดไปมาอยู่ชั่วครู่ก่อนถอนหายใจแล้วถอยออกมา มือเขาเหนียวมากถ้าไม่ได้ล้างตอนนี้มันต้องทำให้เขารำคาญแน่ๆแต่ถ้าจะกลับไปล้างที่โรงพยาบาลก็ต้องเดินไปอีกไกล แต่ตอนนี้เขาน่าจะเลือกอย่างหลังมากกว่า
“น้ำไม่ไหลเหรอ”คณินหันไปมองต้นเสียง วิศวะคนที่อยู่ในโรงอาหารมาทำอะแถวนี้ เขาจึงได้แต่ครางนำลำคอตอบรับไป
“อ่า ครับ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกผมก็กลับแล้ว คุณรู้จักพวกเราเหรอ”ภาคภูมิถามอีกฝ่าย
“เปล่า แค่ออกมาดูเฉยๆ กลัวทำก๊อกพัง”คนพูดหันหน้ามาทางเขา นี่กูแค่เปิดน้ำไม่ได้รื้อถอนทำไมต้องมองมาที่เขาด้วย คณินยิ้มตอบแห้งๆขืนอยู่นานกว่านี้หมาในปากต้องหลุดออกมาแน่ๆ
“ไปเหอะๆ”ภาคภูมิดันหลังเขาให้เดินไปข้างหน้า อะไรของมันวะ ไอ้ภาคนี่ก็อีกคน