ก็เพราะว่า ... เรารักนาย ...1 (พฤกษ์เวอร์ชั่น)

Y

ก็เพราะว่า ... เรารักนาย ...1 (พฤกษ์เวอร์ชั่น)

ก็เพราะว่า ... เรารักนาย ...1 (พฤกษ์เวอร์ชั่น)

Running1312

Y

1
ตอน
1.05K
เข้าชม
32
ถูกใจ
1
ความคิดเห็น
3
เพิ่มลงคลัง

ความรักของผมถึงแม้ว่าคนทั่วไปจะมองเป็นเรื่องแปลก พิสดาร ประหลาด หรือน่ารังเกียจยังไง ผมไม่เคยคิดที่จะไปเก็บเอาความคิด หรือคำพูดเหล่านั้นมาใส่ใจให้ผมต้องเป็นทุกข์ ผมรู้แค่เพียงว่าทุกวันนี้ผมมีความรัก มีคนที่ผมรัก มีคนที่เข้ามาในจินตนาการของผม ยามที่ผมว่างเว้นจากการใช้ความคิด มีคนที่ทำให้ผมต้องหันมองประตูห้องพักบ่อยครั้ง เมื่อเขากลับช้า หรือผิดเวลา ผมไม่อยากจะบอกว่าผมไม่ได้หวังให้เขารู้สึกเช่นเดียวกันกับผม แต่เท่าที่ผมสัมผัสได้ ผมรู้สึกถึงความรัก ความห่วงใยที่เขามีให้กับผม ไม่ต่างจากที่ผมมีให้กับเขาเลยแม้แต่น้อย เป็นเช่นนี้แล้ว ผมจะมัวสนใจกับความคิดของคนทั่วไป รอบ ๆ กายผมอีกทำไม

ผมเองชื่อว่าพฤกษ์เป็นพนักงานบริษัท กินเงินเดือนเหมือนคนอีกหลาย ๆ คนบนโลกใบนี้ ผมทำงานทางด้านคอมพิวเตอร์ควบคุมเกี่ยวกับการผลิตสินค้าของบริษัท งานจะหนักบ้างเบาบ้างแล้วแต่ช่วงเวลา หรือแล้วแต่ความเร่งรีบของงาน ทุกวันนี้ผมมีความรัก ผมรักกับชายคนหนึ่ง ใช่ครับ ผมเป็นเกย์ ผมได้พบกับ เจตน์ ในสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่ผมเองไม่ได้ไปบ่อยนัก แต่ไปครั้งนั้นเป็นการไปที่ทำให้ผมได้พบกับความรัก ได้รู้สึกว่าความสุขที่ได้จากการได้รักและได้รับรักมันเป็นอย่างไร หลังจากที่ผมและเจตน์ได้เจอกัน เราเหมือนกับรู้ว่าเป็นชะตาฟ้าลิขิต เราสานต่อความสัมพันธ์กันเรื่อยมา ติดต่อกัน ทำความรู้จักกัน จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ เราย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันแล้ว อย่างคู่รักหลาย ๆ คู่ เมื่อคิดกลับไปยังวันที่เจตน์ย้ายเข้ามาอยู่กับผมที่อพาร์ทเม้นต์ของผมแล้ว ผมยังมีความสุขและรู้สึกว่ามันไม่นานนี่เอง ถึงแม้ว่าเวลานั้นจะผ่านไปแล้ว 2 ปี

“โอ้โห พฤกษ์จัดห้องยังกับห้องจัดเลี้ยงงานแต่งเลยครับ” เป็นประโยคแรกที่หลุดออกมาจากปากของเจตน์เมื่อก้าวเข้ามาอยู่ร่วมห้องกับผม

“ก็พฤกษ์ตั้งใจอยากจะให้มันเป็นแบบนั้นจริง ๆ นี่ครับ เจตน์ย้ายเข้ามาอยู่กับพฤกษ์ก็เท่ากับว่าเราสองคนแต่งงานอยู่กินกันแล้วไงครับ” ผมตอบกลับไปด้วยความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง

“ขอบคุณมากครับพฤกษ์ เจตน์มีความสุขมากที่สุดเลยครับ” เจตน์พูดพร้อมกับเข้มาโอบรอบสะเอวของผมและซบบนแผงอกของผม

“ครับคนดีของพฤกษ์” ผมพูดพร้อมกับจูบลงไปเบา ๆ บนเรือนผมสีดำสนิทของเขา

หลังจากวันนั้นเราสองคนอยู่กินกันอย่างที่เรียกได้ว่าคู่ผัวตัวเมีย มีปัญหามากบ้าง น้อยบ้าง แต่เราสองคนจะพยายามที่จะช่วยกันแก้ปัญหา มีอะไรจะไม่พยายามเก็บไว้คิดเพียงคนเดียว จะมีการถาม การพูดคุย ปรึกษาหารือกัน

“พฤกษ์ เจตน์ขออะไรอย่างนึงได้ไหมครับ” เจตน์เอ่ยกับผมในบ่ายของวันนึงหลังจากที่เราสองคนดูเหมือนจะเข้าใจอะไรกันผิดไปบางอย่าง

“จะขออะไรครับคนดี บอกพฤกษ์มาได้เลยครับ” ผมตอบรับไป เพราะเห็นว่าเขาคงจะไม่ได้ขออะไรเกินความสามารถของผม

“เจตน์อยากจะขอพฤกษ์ว่า ถ้าเมื่อไหร่ที่เราผิดใจกัน โกรธกัน หรือเคืองกัน เราจะไม่ปล่อยให้ปัญหามันข้ามคืน เราต้องเคลียร์กันให้ได้นะครับ” นั่นคือคำขอของเขา

“คิดว่าจะขออะไร ได้สิครับคนดี พฤกษ์ก็เห็นด้วยกับเจตน์นะครับ ถ้าเราจะรักและอยู่กันไปให้ได้นาน ๆ” ผมเอ่ยสนับสนุน

วันเวลาของความสุขได้ผ่านชีวิตคู่ของเราสองคนไปวันแล้ววันเล่าอย่างที่หลาย ๆ ครอบครัวคงจะแอบอิจฉา แต่แล้วหลายวันนี้ผมกำลังทนกับความขมขื่นใจ จมอยู่กับความทุกข์และความคิดของตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเราสองคน เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตคู่ของเรา ทำไมเจตน์ถึงได้ดูเป็นทุกข์ เจตน์เงียบไปถนัดตา ไม่ใกล้ชิด ไม่ยอมเข้าใกล้ผม เหมือนกับอยู่กันคนละโลกทั้ง ๆ ที่เราอยู่ในห้องเดียวกัน เวลาที่เข้านอน เขามักจะทำโน่น ทำนี่อยู่ตลอดเวลา จนกว่าผมจะหลับไปแล้ว เขาถึงได้เข้ามานอน เขาเปลี่ยนไปมาก ปกติเราจะเข้านอนพร้อม ๆ กัน หยอกล้อกันตามประสาคนรัก และต่างก็มอบความสุขให้กันและกันอย่างไม่เคยที่จะต้องให้อีกฝ่ายร้องขอ แต่ทุกวันนี้ทุกอย่างมันกลับเปลี่ยนไป ผมนึกถึงคำพูดที่บอกว่าเราจะต้องไม่ปล่อยปัญหาระหว่างเราสองคนเป็นปัญหาข้ามคืน แต่นี่ผ่านไปหลายวันแล้ว ผมทนไม่ได้อีกต่อไป ผมจำเป็นที่จะต้องพูดคุยกับเขาให้รู้เรื่องกันไป

“ว่าไงครับพฤกษ์ อาหารอร่อยไหมครับวันนี้” เป็นคำพูดทักทายที่เจตน์พูดออกมาเมื่อผมเข้าไปโอบกอดเขาและผมรู้สึกว่าเขาเองกำลังจะเบี่ยงตัวเพื่อหนีผม

“พฤกษ์มีเรื่องอยากจะคุยกับเจตน์ครับ” ผมบอกออกไปตรง ๆ

“เรื่องด่วนไหมครับคนดี เจตน์อยากพักอะครับ” เป็นคำตอบจากปากของเจตน์

“มันก็เป็นเรื่องด่วนนะครับ แต่ถ้าเจตน์อยากจะพักผ่อน เจตน์พักผ่อนก่อนก็ได้ครับ” ผมรู้ว่ามันไม่เป็นคำตอบที่ผมอยากตอบ แต่ผมก็ต้องตอบออกไป เพราะผมรู้ดีว่าผมขัดอะไรคนคนนี้ที่ผมรักไม่ได้เลยสักอย่างเดียว

“งั้นเจตน์ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ” สิ้นเสียงตอบเจตน์ก็ดึงตัวเองออกจากอ้อมกอดของผมหายเข้าไปในห้องน้ำ ปิดประตูเงียบอยู่เป็นนานสองนาน

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ ผมแอบเห็นเจตน์น้ำตานองหน้าอยู่บ่อยครั้ง น้ำตาแทบจะไหลรินบนสองข้างแก้มทุกครั้งยามที่เจตน์เผลอตัว เจตน์ดูเหมือนคนอมทุกข์อะไรสักอย่าง แล้วเจตน์เขาเป็นทุกข์เรื่องอะไร ทำไมเขาไม่บอกผม หรือว่าเขาไม่รักผมแล้ว ผมไม่เข้าใจว่าผมทำอะไรผิด ผมพยายามคิดเท่าไหร่ผมก็คิดไม่ออกว่าผมทำให้เจตน์โกรธอะไร ทำไมเขาเหมือนมีทีท่ารังเกียจผมด้วย ยิ่งคิดมันยิ่งปวดใจ

ผมทนเห็นเหตุการณ์ต่าง ๆ ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ทางเดียวที่จะทำให้ผมลืมบรรยากาศต่าง ๆ รอบตัวที่ทำให้ผมเป็นทุกข์ได้ คือเมาให้หลับ ๆ ไปซะ ถึงแม้ตื่นขึ้นมาผมจะปวดหัวพร้อมกับปัญหาภาพความห่างเหินของเจตน์ยังคงอยู่ตรงหน้า แต่ผมก็จะเมา ผมเมาแทบทุกคืน เจตน์เองก็แอบร้องไห้อยู่คนเดียวทุกคืน ผู้รู้ไม่ใช่ผมไม่รับรู้อะไร แต่เขาไม่เอ่ยบอกอะไร ผมจึงเจ็บปวดกับสิ่งที่เขาเป็นอยู่ เขาเจ็บปวด เป็นทุกข์เรื่องอะไรอยู่ ผมไม่รู้ แต่ผมเจ็บปวดและเป็นทุกข์มากกว่าที่เห็นเขาเป็นแบบนั้นแล้วยังไม่ยอมบอกผมอีก จนวันนี้วันที่ผมเมาจนหลับคาโต๊ะ    “พฤกษ์ ลุกขึ้นไปนอนได้แล้วครับ อย่ามาหลับอยู่ตรงนี้สิครับ” ผมได้ยินเสียงของคนที่ผมรักสุดหัวใจเรียกให้ผมตื่นขึ้น  พร้อมกับการเขย่าตัวผมเบา ๆ

“ไม่ไป จะนอนตรงนี้” ผมตอบออกไปพร้อมกับการสะบัดตัวหนีจากการเขย่าของเขา

“นอนตรงนี้ได้ไงละครับ ไปนอนที่ห้องนอนโน่นครับ” เจตย์ยังคงพูดต่อ

“นอนที่ไหนมันก็เหมือนกัน ในเมื่อเหมือนกับนอนคนเดียว” ผมเริ่มต้นการประชดประชัน

“พฤกษ์อย่าทำแบบนี้สิครับ นะคนดี ไปนอนนะครับ” เจตย์ยังคงอ้อนวอน

“พฤกษ์ทำอะไรเหรอเจตน์ พฤกษ์ทำอะไรเจตน์ก็บอกพฤกษ์สิ พฤกษ์จะได้แก้ตัว ปรับปรุงตัว ไม่ใช่เจตน์แอบเก็บเอาไว้คนเดียว เก็บเอาไว้จนเป็นเจ้าน้ำตา เก็บปัญหาเอาไว้จนไม่เข้าใกล้พฤกษ์ มันเกิดอะไรขึ้น เจตน์บอกพฤกษ์ได้ไหม ไหนเจตน์เคยขอพฤกษ์ไม่ใช่เหรอว่าจะไม่ปล่อยให้ปัญหามันข้ามคืน แต่นี่มันเกือบสองอาทิตย์แล้วนะ” ผมพูดออกไปยาวยืดตามความต้องการของผม

“เอาไว้พรุ่งนี้ตอนพฤกษ์หายเมาแล้วเราคุยกันนะครับ” ผมได้ยินประโยคนี้จากเจตน์เป็นประโยคสุดท้าย

ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดหัวอย่างเคยในตอนสายของอีกวันนึง เมื่อผมสามารถลืมตาไล่เอาความมึนเมา ความขี้เกียจออกจากร่างกายไปได้แล้ว ผมจึงเริ่มสอดส่ายสายตาหาตัวคนรักของผม    ภายในห้องนอนเล็ก ๆ ที่เป็นห้องนอนอันแสนอบอุ่นของเรา ไม่ปรากฏเงากายของเจตน์ ผมยันกายของตัวเองให้ลุกจากที่นอนอันแสนนุ่มก้าวออกจากห้องเพื่อตามหาคนรัก เพราะวันนี้มันวันหยุด เขาไม่น่าจะออกไปไหน แต่ผมออกมาจากห้องแล้วจึงได้เห็นกับตาว่าไร้วี่แววของเขาอีกเหมือนเดิม ผมเริ่มจะใจคอไม่ดี แต่ผมขอเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำก่อนนะครับ เอาความเย็นของน้ำมากระชากอาการเมาค้างออกจากหัวหน่อย แต่พอก้าวเข้าไปในห้องน้ำที่ผมคุ้นเคยอยู่ทุก ๆ วัน ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา วันนี้ผมกลับรู้สึกว่าไม่คุ้นเคย มีบางอย่างเปลี่ยนไป ผมรีบจัดการล้างหน้าล้างตา แปรงฟัน เมื่อผมแปรงฟันเสร็จจะเก็บแปรงไว้ที่เดิมผมจึงได้รู้ว่าอะไรที่เปลี่ยนไป ของใช้ส่วนตัวของเจตน์อันตรธานหายไปหมด ไม่เหลือแม้แต่แปรงสีฟัน หัวใจผมล่วงลงไปอยู่ปลายเท้าทันใด ความคิดว่าเจตน์แอบหนีผม เจตน์ทิ้งผมไปแล้วเข้ามาเกาะกุมหัวสมองของผมจนทำให้ร่างผมยืนแทบไม่อยู่ เมื่อได้สติกลับคืนมาผมรีบวิ่งออกจากห้องน้ำ เข้าไปดูของใช้ส่วนตัวของเจตน์ในห้องนอน ไม่มีอีกเช่นกัน ผมตะโกนเรียกชื่อเขาสุดเสียง หวังว่าจะเป็นเพียงการล้อเล่น ผมเรียกเขาจนลั่นห้องแต่ไม่มีเสียงตอบกลับมา น้ำตาผมไหลลงอาบสองแก้ม แต่ผมไม่มีเวลาจะเช็ดมันแล้ว ผมวิ่งออกมาหน้าห้องพัก ทั้ง ๆ ที่อยู่ใสสภาพโทรมสุด ๆ น้ำตานองหน้า ตะโกนเรียกชื่อเจตน์ จนเพื่อนข้าง ๆ ห้องต่างเปิดประตูออกมาดู แต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาคุยกับผม เพราะผมอยู่ในอาการบ้าคลั่งขาดสติ

“เจตน์ เจตน์อยู่ไหน”

“เจตน์ ทิ้งพฤกษ์ไปทำไม พฤกษ์ทำอะไรผิด”

“เจตน์ เจตน์กลับมานะ”

“เจตน์ อย่าทิ้งพฤกษ์ไปอย่างนี้ เจตน์”

ผมตะโกนลั่นพร้อมกับทรุดร่างกายที่แทบไม่มีเรี่ยวแรงเหลือลงกับพื้นร้องไห้อย่างไม่อายเพื่อน ๆ ข้างห้อง จนมีป้าข้างห้องที่ผมนับถือเดินเข้ามาจับไหล่ผม แล้วพูดกับผมเบา ๆ ว่าให้ลุกขึ้น กลับเข้าไปในห้องก่อน ป้าจะไปส่ง ผมไม่ได้ทำตามนั้น แต่ผมกลับโผเข้าไปกอดขาของป้าและก็พร่ำบอกป้าว่าเจตน์ทิ้งผมไปแล้ว เจตน์ทิ้งให้ผมต้องอยู่คนเดียว ป้าและใครอีกคนผมไม่มีเวลาจะสังเกตจึงช่วยกันกึ่งพยุงกึ่งลากผมกลับเข้าไปในห้องพาผมไปปล่อยลงบนโซฟาในห้องพัก

“ป้า ผมจะไปตามเจตน์เผื่อเจตน์ยังไม่ไหนได้ไม่ไกล” ผมบอกป้าที่พาผมกลับเข้าห้องพร้อมกับมีทีท่าว่าจะลุกขึ้นจากโซฟา

“เจตน์ไปตั้งแต่ตอนเช้ามืดแล้วละพฤกษ์ ป้าออกมาเจอเขาที่หน้าห้องตอนป้าจะไปตลาด” คำตอบของป้าทำผมต้องทรุดลงกับโซฟาและร้องให้อีกครั้ง คำปลอบโยน คำถามต่าง ๆ มากมายมาจากป้าและคนที่มีทีท่าว่าเป็นห่วงผม แต่ผมไม่สามารถที่จะตอบเขาได้เลยเพราะผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างผมกับเจตน์

ผมตื่นขึ้นบนโซฟาตัวเดิม พร้อมกับอาการปวดหัวที่หายไป คงจะสร่างเมาแล้ว ผมเห็นอาหารหลายจานถูกวางไว้บนโต๊ะ ผมถึงกับรีบลุกขึ้น คิดว่าเจตน์กลับมาแล้ว แต่เมื่อเห็นข้อความที่เขียนแปะไว้บนฝาครอบอาหาร ผมก็เหมือนกับตกลงเหวอีกครั้ง

“พฤกษ์ ถ้าตื่นแล้วก็กินอาหารซะบ้างนะ ป้าเห็นในครัวของพฤกษ์มีอาหารวางอยู่ สงสัยเจตน์จะเตรียมไว้ให้พฤกษ์ ป้าเลยอุ่นและยกมาจัดไว้ให้แล้ว ทานซะด้วย ดูแลตัวเองด้วยนะ ป้าเป็นห่วง” เป็นข้อความที่อยู่ในกระดาษแผ่นนั้น

ผมไม่คิดแม้จะเปิดดูว่ามีอาหารอะไรอยู่บ้าง ผมไม่สามารถที่จะกินอะไรเข้าไปได้ในขณะนี้ ผมเห็นจานอาหารตรงหน้าแต่ภาพที่เข้ามาในมโนสำนึกกลับกลายเป็นภาพของการร่วมโต๊ะกินอาหารกับเจตน์ในทุก ๆ มื้อของผม ผมทำได้เพียงแต่นั่งกอดเข่าปล่อยให้น้ำตาไหลรินลงอีกครั้ง ผ่านไปนานแค่ไหนผมไม่รู้ ผมจึงคิดที่จะไปสำรวจดูห้องอีกรอบเผื่อจะพบว่าทุกสิ่งทุกอย่างของเจตน์ยังคงอยู่ที่เดิม ทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นแค่เพียงความฝัน แต่สิ่งที่พบกลับเหมือนเดิม ของใช้ส่วนตัวของเจตน์หายไปจากบ้านของเราสองคนแล้ว ผมสะดุดตากับซองจดหมายสีสวยที่อยู่ใสกระเป๋าเชิ้ตของผมที่แขวนไว้ที่ตู้เสื้อผ้า ผมรีบโผเข้าไปหยิบมาดูในทัน เมื่อผมเห็นที่หน้าซองจดหมาย ผมถึงกับร้องไห้ออกมาอีกครั้ง

“พฤกษ์ สุดที่รักของเจตน์” เป็นข้อความสั้น ๆ ที่เรียกเอาน้ำตาและความเศร้าจากผมไปได้อย่างมากมาย

ผมรีบเปิดอ่านจดหมายที่อยู่ข้างใน มันประกอบไปด้วยกระดาษหลายแผ่นด้วยกัน ทุกแผ่นเป็นลายมือของเจตน์ ผมจำได้ดี ผมทรุดตัวลงนั่งลงตรงข้างตู้เสื้อผ้าแล้วตั้งหน้าตั้งตาอ่านจดหมายจากคนที่ผมรักสุดหัวใจ

ผมอยากจะบอกว่าเขาเขียนอะไรถึงผมบ้าง แต่ผมคงไม่มีเวลาแล้วละครับ ผมจะรีบจัดกระเป๋าแล้วออกไปตามหาเขา ผมคิดว่าผมพอจะรู้ว่าเขาไปที่ไหน ผมรู้แล้วว่าที่เขาไปไม่ใช่เพราะหมดรักในตัวผม แต่เพราะเขารักผมเขาถึงไป ผมจะไปตามเขากลับมาและก็จะบอกเขาว่าผมก็รักเขาเช่นกัน รักและพร้อมที่จะอยู่ดูแลกันและกันในทุกสภาพ ไม่ว่าจะต้องเจอกับอะไรต่อมิอะไรอย่างที่เขากลัว ผมก็จะขอยืนหยัดอยู่สู้เคียงข้างเขา เพราะผมรู้แล้วว่าเราทั้งสองรักกัน แต่อย่างเดียวที่เขาหนีผมไปคือเขารักผมมาก

ถ้าเพียงเขาไม่รีบหนีผมไปแบบนี้ ถ้าเพียงเขาเอ่ยบอกผมด้วยวาจาแทนที่จะใช้จดหมาย เขาจะได้รู้ว่าสิ่งที่เขากลัวไปต่าง ๆ นานานั้นมันเป็นเพียงแค่ความคิดของเขา แต่สำหรับผมไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไร ผมจะอยู่เคียงข้างเขาไปจนวันตาย

ผมจะไม่เสียเวลาเล่าต่อแล้วนะครับ ผมกลัวผมจะไล่ตามหัวใจของผมไม่ทัน ถ้าผมหาเขาเจอ ตามตัวเขาทัน สิ่งแรกที่ผมจะบอกเขา คือ ผมจะบอกให้เขารับรู้ว่าผมรักเขาแค่ไหน ผมจะตอบทุก ๆ คำถามที่เขาถามไว้ในจดหมาย ผมจะยืนยันว่าผมจะยืนเคียงข้างสู้ไปกับเขาในสิ่งต่าง ๆ ที่เขากลัว ผมจะพาเขากลับมายังบ้านของเราสองคน อยู่กันไป ผมจะดูแลเขาเป็นอย่างดี ผมจะไม่มีวันห่างจากเขา ให้เขาต้องเป็นกังวลหรือเกิดความกลัวใด ๆ ขึ้นอีก ผมจะพาเขากลับมาอยู่ในอ้อมแขนอบอุ่นของผมอีกครั้งและบอกเขาว่า ผมจะทำทุกอย่างเพื่อเขา ทำให้เราได้อยู่ด้วยกันไปนานแสนนาน เพราะอะไรนะเหรอครับ ก็

“เพราะว่าผมรักเขาครับ”

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว