กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ บ้านหลังหนึ่ง มีคุณพ่อและลูกสาวอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
จนกระทั่งวันหนึ่ง พ่อก็ล้มป่วยลงด้วยโรคร้ายแรง ไม่ว่าจะไปหาหมอที่ไหนก็ไม่สามารถรักษาได้เลย ทั้งพ่อและลูกเริ่มกังวลแล้วว่า พ่อจะไม่สามารถอยู่รอดจนถึงฤดูใบไม้ผลิในปีหน้าได้
เวลาผ่านไปจนถึงฤดูเก็บเกี่ยว ขณะที่ทั้งสองคนกำลังสิ้นหวังอยู่นั้น ก็ได้มีหมอคนใหม้ย้ายเข้ามาในเมือง เขาบอกว่าสามารถรักษาโรคร้ายนี้ได้
วิธีการก็คือจะต้องจับนกสีแดงให้ได้ก่อนฤดูเก็บเกี่ยวจะหมดลง
ลูกสาวเลยตัดสินใจออกไปตามล่านกสีแดงตัวนั้นในป่าแห่งความจริง ป่าที่จะมีแต่นายพรานที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะเอาตัวรอดได้
ระหว่างการเดินทาง ลูกสาวได้พบกับฝูงนกสีฟ้า ฝูงนกที่มีท่าทางที่เป็นมิตร ฝูงนกที่ขนอาหารและดอกไม้สีฟ้ามาต้อนรับลูกสาวที่เดินทางมาเหนื่อยๆ
ฝูงนกสีฟ้าได้พาลูกสาวไปยังหมู่บ้านนกสีฟ้า หมู่บ้านที่ทุกอย่างเป็นสีฟ้าสดใส สีฟ้าที่แสดงถึงความไร้เดียงสาและความสดใสของวัยรุ่น
เหล่านกสีฟ้าได้พาลูกสาวไปนั่งในห้องรับรองที่มีสีฟ้าเช่นกัน ถามไถ่สารทุกข์สุขกับลูกสาวคนนั้นอย่างเป็นมิตร บรรยากาศที่นี่เหมือนกับสวรรค์ไม่มีผิด
“เจ้านกสีฟ้า เจ้ารู้ไหมว่าจะหานกสีแดงได้ที่ไหน” ลูกสาวถามเหล่านกสีฟ้า
“แม่สาวน้อย ในป่าแห่งนี้ไม่มีนกสีแดงหรอก เจ้าจงใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่หมู่บ้านสีฟ้าแห่งนี้เถอะ” นกสีฟ้าตอบ
“เจ้านกสีฟ้า ตอนนี้พ่อของข้ากำลังป่วยเป็นโรคร้ายแรงอยู่ ทางเดียวที่จะรักษาได้ก็คือการจับนกสีแดงมาให้พ่อของข้าเท่านั้น เจ้าพอจะช่วยพ่อของข้าได้ไหม” ลูกสาวถามอีกครั้ง
“แม่สาวน้อย พวกข้า เหล่านกสีฟ้า ต้องขอโทษที่ไม่สามารถช่วยอะไรพ่อของเจ้าได้ ข้าขอภาวนาให้พระเจ้าได้ส่งนกสีแดงมาให้พ่อของเจ้าหายดีโดยไว แต่ในหมู่บ้านสีฟ้าแห่งนี้ไม่มีนกสีแดงหรอกนะ” นกสีฟ้าตอบ
หลังจากที่ลูกสาวพักผ่อนที่หมู่บ้านสีฟ้าจนพอใจแล้ว ลูกสาวก็ได้เดินทางออกจากหมู่บ้านด้วยสีหน้าที่เศร้าสร้อย เพราะหล่อนไม่สามารถตามหานกสีแดงตัวนั้นได้
ระหว่างทางกลับบ้าน ลูกสาวก็ได้เห็นลูกนกสีฟ้านอนอ้าปากพะงาบอยู่บนกองใบไม้เปลี่ยนสีที่ร่วงลงมาจากต้นไม้ใหญ่ ลูกสาวคิดว่าลูกนกตัวนี้ช่างน่าสงสาร เลยอุ้มมันไปรักษาตัวที่บ้าน
ด้วยความที่ลูกนกตัวนี้ช่างน่าสงสารยิ่งนัก ลูกสาวเลยดูแลนกตัวนี้อย่างดี ทุกๆวันก่อนเข้านอน ลูกสาวก็ได้ระบายความกังวลเรื่องพ่อของหล่อน ด้วยความกลัวที่ว่าพ่ออาจอยู่ไม่รอดถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า ลูกนกตัวนั้นได้แต่ฟังอยู่เงียบๆ ไม่เคยพูดปลอบใจลูกสาวเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เวลาได้ผ่านไปจนถึงฤดูหนาว พ่อและลูกสาวได้กอดกันรอเวลาสุดท้ายของชีวิตอย่างสิ้นหวัง ลูกนกสีฟ้าก็ได้แต่มองและไม่ได้พูดอะไร
พ่อนอนป่วยอยู่บนเตียงไปตลอดฤดูหนาว รอให้ยมทูตมาพาตัวเขาไป แต่สุดท้าย ยมทูตก็ไม่มา
จนกระทั่งวันเทศการฤดูใบไม้ผลิได้เริ่มต้นขึ้น ทั้งดอกไม้และใบไม้ก็เริ่มผลิบานต้อนรับอากาศที่แสนอบอุ่น สัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลายก็เริ่มพากันออกมาร้องเพลงเต้นระบำกันในงานเทศกาลฤดูใบไม้ผลิครั้งนี้
ทั้งพ่อและลูกสาวได้ตื่นขึ้นมาภายใต้บรรยากาศสวยงามที่มีเสียงนกน้อยร้องเพลงอยู่ใกล้ๆ
นกน้อยที่แต่ก่อนไม่เคยส่งเสียงอะไรเลย การได้ยินเสียงนกตัวนั้นร้องทำให้เสียงนั้นช่างไพเราะกว่านกตัวอื่นๆในงานเทศกาลฤดูใบไม้ผลิครั้งนี้
พอทั้งคู่เข้าไปดูลูกนกที่ร้องเพลงที่แสนไพเราะใกล้ๆ ก็พบว่าขนสีฟ้าของนกตัวนั้นได้ร่วงออกจากตัวจนหมด แทนที่ด้วยขนสีแดงอ่อนๆที่ค่อยๆงอกออกมาจากผิวของนกตัวนั้น ช่างเป็นการต้อนรับฤดูใบไม้ผลิที่เต็มไปด้วยความหวังและความสุขเสียจริงๆ
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ลูกนกสีแดงตัวนั้นก็ได้ร้องเพลงที่แสนไพเราะให้พ่อกับลูกได้ฟังกันอย่างมีความสุขชั่วนิรันดร์