PerGunjn’s part
#หมอวิศวะ #เปอร์กัญจน์
2 บทแรกของเรื่องอยู่หน้านี้จ้า!!
บทที่ -2
ภาคแยกจากเรื่อง Gown and Gear เมียวิศวะมัน(ส์)ดี หรือหมอจะลอง
“Extern!~ มีเคสใหม่เข้าค่าา!”
...
“Extern!! คนไข้ปวดท้อง!!”
...
“Extern!!! คนไข้Arrest!!!”
...
“Extern!”
...
“Externnnn!!”
“ครับบบบ!”
ผมวิ่งหอบร่างกึ่งไร้วิญญาณของตัวเองเพื่อวิ่งลงจากชั้น8ไปยังชั้น6เพื่อรับเคสที่เข้ามาใหม่ เหลือบมองนาฬิกาก็ใกล้จะตี5แล้ว คืนอันยาวนานกำลังจะจบลง.....แล้วต่อด้วยวันอันยาวนาน
กว่า
แทน!
เป็นนักศึกษาแพทย์ปี6ชีวิตก็อย่างนี้แหละครับ อยู่เวรถึง6โมงเช้าแล้วก็ต้องมาราวน์วอร์ดต่อเหมือนเมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนเมื่อคืนไม่ได้อยู่เวร(ราวน์วอร์ด = ดูอาการของผู้ป่วยตามเตียงในหอผู้ป่วยแล้วปรับเปลี่ยนการรักษาในแต่ละวัน) ซึ่งชีวิตนักศึกษาแพทย์ปีสุดท้ายก็อย่างงี้แหละครับ ต้องถูกจิกหัวใช้ทุกอย่างเหมือนเป็นทาสในเรือนเบี้ย เหมือนเป็นซินเดอเรลล่าที่ถูกรังแก...โถ่วว ชีวิตหมอกัญจน์!
“หมอกัญจน์ถ้าProgressเคสเสร็จก็กลับหอไปอาบน้ำพักก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยว7โมงค่อยมาราวน์ก็ได้”
ผมพยักหน้าให้พี่พยาบาลเล็กน้อยหลังจากใส่Tube(ท่อช่วยหายใจ)ให้ผู้ป่วยรายสุดท้ายเสร็จ
.
เดินแบกร่างโงนเงนสะลึมสะลือของตัวเองกลับมาที่รถBMWของพ่อที่ยึดมาขับซึ่งจอดบริเวณที่จอดรถของโรงพยาบาลใกล้ๆกับร้านสะดวกซื้อและร้านข้าวต้มที่เป็นแหล่งรวมตัวของพวกแฮงค์จากการท่องเที่ยวยามราตรี
แถ่ดดดด แถ่
ผมขมวดคิ้วน้อยๆ เมื่อรถสตาร์ทไม่ติด ตอนนี้สติสัมปชัญญะเริ่มถดถอยลง หรือผมควรจะนอนบนรถไปเลยดี ตอนนี้ง่วงมากๆจนแทบทนไม่ไหว ยอมไม่อาบน้ำก็ได้ ขอแค่ได้นอนก็พอ
ก๊อก ก๊อก
ผมผงกศีรษะขึ้นจากพวงมาลัยแล้วมองคนที่เคาะกระจกรถของผมอย่างงุนงน...มาได้ไงวะ?
กริ๊ก
ผมปลดล๊อครถแล้วเดินลงมาประจันหน้ากับคนตัวสูงผิวเข้มนิดหน่อยแบบนักกีฬาและที่สำคัญ หนวดของมันเด่นชัดกระแทกตาผมมาก เห็นแล้วรู้สึกรกหูรกตา แถมกลิ่นแอลกอฮอล์จางๆยังพอให้เดาได้อีกว่ามันไปทำอะไรมา
“มีอะไร?”
มันคือเปอร์ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเปอร์อะไร ไฮเปอร์? ไวเปอร์? เปอร์คัสชั่น? เปอร์ริเฟอรี่? รู้แค่ว่ามันคือเด็กวิศวะปี4ที่คุมงานฝั่งวิศวะในโครงการที่ผมดูแล...และหน้ามันกวนตีน ปากก็วอนโดนตีน
“สตาร์ทรถไม่ติดเหรอหมอ?”
“อืม”
ผมกอดอกพยักหน้าให้มันนิดหน่อย อากาศตอนเช้าๆชักจะหนาวเกินไปแล้ว
“เดี๋ยวซ่อมให้...ไปนอนบนรถผมก่อนมั้ย?”
คนตัวสูงโย่งว่าพลางชี้ไปทางแลมโบกินี่สีดำด้านทั้งคันที่จอดเด่นอยู่ด้านหลัง ผมก็ทำได้แค่ขมวดคิ้วอย่างสงสัย...จะมาไม้ไหนวะ?
“ซ่อมได้เหรอ? ทำไม?...เป็นพระเอกเหรอเราอะ...เสียใจด้วยนะกูไม่ใช่นางเอก”
ถึงผมจะง่วง แต่ปากผมก็ยังใช้การได้ดีอยู่เสมอ
“ผมก็ไม่ใช่พระเอก และถ้าพี่ไม่ได้เป็นนางเอก...แปลว่าเราก็คู่กันได้ใช่มั้ยครับ?”
ผมหรี่ตามองรุ่นน้องต่างคณะอย่างประเมินว่าเจ้าหนวดนี่ต้องการจะเล่นอะไร
“เหอะ เสี่ยวนะมึงอะ”
ผมถอนหายใจน้อยๆ ตอนนี้ผมง่วงเกินกว่าจะมายืนโต้เถียงกับใครได้
“ผมกำลังจะโทรตามช่างมาซ่อมให้ เพราะต่อให้ผมจะซ่อมได้แต่ผมก็ไม่มีอุปกรณ์อยู่ดี...พี่ขึ้นไปนอนบนรถก่อนเถอะ ผมจะอยู่ตรงนี้รอช่างให้”
“เออๆ”
เมื่อมีทางดีๆให้เลือก แล้วทำไมผมต้องเล่นตัวล่ะ?
ผมเดินโงนเงนเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับแล้วยัดตัวเองเข้าไป ปรับเบาะเอนนอนทันที ภาพสุดท้ายที่ผมเห็นคือร่างสูงกำยำของรุ่นน้องเปิดฝากระโปรงรถของผม เช็คนู่นนี่ให้ด้วยหน้าตาจริงจัง ผิดจากวิสัยปกติของมัน...แบบนี้ก็ดูดีไปอีกแบบแฮะ
แล้วพลันสติของผมก็หลุดลอยไปทีละน้อย...ทีละน้อย
...
สัมผัสแผ่วเบาบริเวณศีรษะ คล้ายๆถูกลูบไปมาเบาๆ
...
สัมผัสอุ่นร้อนผะแผ่วประทับลงที่หน้าผาก...เลื่อนลงมาที่ริมฝีปากอ่อนนุ่ม และค้างไว้อย่างนั้นสักพัก...ก่อนสัมผัสนั้นจะหายไป
...
ความเหน็บหนาวหายไปฉับพลันเพราะอากาศรอบๆตัวถูกแทนที่ด้วยความอบอุ่นที่โอบล้อมไว้
...
..
Rrrrrrrrrr!!
ผมลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วรีบคว้ามือถือตัวเองตามสัญชาตญาณ อาจจะถูกวอร์ดโทรตามก็เป็นได้
“ครับ?”
[พี่กัญจน์ เรซสิเดนท์(แพทย์ประจำบ้าน)กับอินเทิร์น(แพทย์ใช้ทุน)วันนี้มาราวน์สายหน่อยนะ ติดคอนเฟอร์เรนซ์ พี่ไม่ต้องรีบมาก็ได้ นอนพักไปเหอะ...สักนิดหน่อยก็ยังดีพี่]
“อืมๆ ขอบใจ”
ผมกรอกเสียงตอบนักศึกษาแพทย์ปี4ไปก่อนจะกดวางสาย พลันสายตาก็เหลือบมองเสื้อช๊อปสีน้ำเงินที่ห่มคลุมตัวผมอยู่อย่างงงๆ ...ฮ่ะๆ กาวน์สั้นก็ใส่ แถมยังมีช๊อปมาห่มอีก อุ่นชิบหาย!
แชะ
ผมกดถ่ายรูปเสื้อกาวน์และเสื้อช๊อปที่พาดทับกันบนตัวผมโดยติดใบหน้าแค่ครึ่งหน้าของผมและไม่เห็นชื่อของผมบนกาวน์แล้วจึงอัพลงอินสตราแกรม...ผมลงแค่เพราะรู้สึกว่ามันแปลกดีที่สองสิ่งนี้มารวมกันได้ทั้งๆที่กว่าจะโคจรมาเจอกันได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ผมไม่ได้มีเจตนาจะสื่อสิ่งอื่นใดในเชิงรักใคร่จริงๆ...จะเหมือนแก้ตัวมั้ยครับ?
ก๊อก ก๊อก
ผมหันมองตามเสียงเคาะตรงกระจกรถหรู แล้วเปิดประตูลงไปคุยกับเจ้าของรถที่ยืนยิ้มน้อยๆให้
“ครับ?”
พอได้นอนพักนิดหน่อยก็เริ่มคิดได้และไม่อยากเหวี่ยงใส่คนที่มาช่วยเหลือ
“รถเสร็จแล้วครับ”
เจ้าหนวดยืนยิ้มปริ่มให้ผม...กูล่ะเกลียดยิ้มกรุ้มกริ่มของมันจริงๆ เป็นเหี้ยไรครับ?
“อืม...”
“...”
“...ขอบใจ”
ผมว่าเสร็จก็เดินไปที่รถทันทีอย่างไม่อยากจะมองหน้ากวนตีนๆของเจ้าเด็กนี่สักเท่าไหร่
“หมอกัญจน์”
“อะไร!?”
ผมเผลอหันไปตวาดใส่เด็กวิศวะนิดหน่อยจนมันตกใจน้อยๆ ก็ผมเขินแปลกๆนี่ครับเวลาถูกมันมองด้วยสายตาเจ้าเล่ห์แบบนั้นแทบจะตลอดเวลา...ไอ้หมาจิ้งจอก!
“เอ่อ...ผมรู้นะว่าหมออาจจะชอบ...แต่คือ...”
“??”
“ผมยังต้องใช้เสื้อช๊อปเข้าแลปน่ะครับ”
ผมเบิกตาโตนิดหน่อยแล้วก้มลงมองช่วงอกตัวเองที่มีเสื้อช๊อปคลุมพาดอยู่
พรึ่บ ฟิ้วว
แล้วผมก็ขยุ้มผ้าและโยนคืนให้เจ้าของอีกที
“ฮ่ะๆๆ ไว้วันหลังจะเอามาให้ห่มอีกนะครับ!”
แม่งยังจะตะโกนตามหลังกูมาอีกนะ! กูก็อายเป็นนะโว่ย
“เออ! กูไปล่ะ”
แล้วผมก็เดินตึงตังกลับไปที่รถทันที ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้จนต้องหันกลับไปคุยกับเจ้าหนวดหยอมแหยมนั่นอีกที
“ครับ?”
“ค่าซ่อมอะ?”
ผมเอียงคอมองมันอย่างตั้งคำถาม พลางควานหากระเป๋าเงินในกระเป๋ากางเกงสแลค
“ถือว่าผมให้เป็นของหมั้น”
“หมั้นอะไรวะ?”
ตอนนี้ผมแรมต่ำและงุนงงกับคำพูดของมันมาก มึงช่วยพูดอะไรให้เคลียร์ๆดิ๊
“ก็แค่อยากจะหมั้นไว้เผื่อได้มาเป็นเขยหมอไงล่ะครับ”
ผมหรี่ตาลงทำหน้าเอือมๆ เอาที่น้องสบายใจเลยครับ
“คิดว่าจะเป็นได้ก็ลองดู”
แล้วผมก็สตาร์ทรถ ขับออกมาเลย โดยไม่ได้สนใจคนตัวสูงที่ยืนมองจนรถหายไปสุดสายตา
.
.
“ไม่ได้คิดว่าจะเป็นได้...แต่คิดว่าได้เป็นแน่...คุณสะใภ้วิศวะ”
บทที่ -1
ครับ...คุณรู้มั้ยว่าหนึ่งในความชิบหายs(เติมsให้แสดงถึงพหูพจน์)ของการเรียนหมอคืออะไร?
> เรียนหนัก?
ไม่หรอกครับ คณะไหนก็หนักทั้งนั้น
> เหนื่อย?
เป็นนักศึกษามันก็ต้องเหนื่อยอยู่แล้วครับ
> งานยุ่งจนโดนแฟนทิ้ง?
เอ่อ...มันก็ใช่นะครับ แต่ตอนนี้ผมยังไม่โดน ข้ามไปๆ
> อยู่เวร?
ใช่ครับ! มันคือการอยู่เวร!! และยิ่งเหี้ยมากถ้ามันคือการอยู่เวรสิ้นปี!! ดีนะครับที่วันนี้อาจารย์อนุญาตให้ลงเวรได้ตอนเที่ยงคืน
5
4
3
2
1
Happy New year!
ฟู้วว ตู้มมมม!
เสียงทีวีในวอร์ดดังลั่นทั้งพี่ๆพยาบาลและคนไข้ต่างลุกมานั่งแล้วส่งเสียงร้องเพลง ยิ้มดีใจ เมื่อเข้าสู่ปีพศ.ใหม่
...ส่วนผมก็เก็บของไปเงียบๆ พร้อมจะลงเวรไปนอน ตอนนี้ผมทั้งง่วง ทั้งเหนื่อย ต้องการการพักผ่อนขั้นสุด
“หมอกัญจน์จะกลับแล้วเหรอคะ?”
“ครับบ”
ผมส่งยิ้มโบกมือให้กับพี่พยาบาลเป็นเชิงบอกลา เดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนเช้าผมก็ต้องมาราวน์อีกอยู่ดี อาชีพแบบพวกผมเนี่ย ไม่ได้มีวันหยุดหรอกครับ
กริ๊ก
กดปลดล๊อครถแล้วยัดตัวเองเข้าไปนั่งในรถ ควานหาโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเช็คข้อความเผื่อว่าน้ำฟ้าแฟนสาวของผมจะส่งข้อความอะไรมาให้ แต่ก็ว่างเปล่า ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้คุยกันเลย ตัวผมเองก็ไม่ค่อยว่าง ทั้งงานวอร์ด ทั้งงานคณะ ยุ่งจนแทบจะไม่มีเวลานอน ส่วนน้ำฟ้าเองก็คงจะยุ่งกับงานบริษัทที่เธอทำงานอยู่ เหมือนว่าจะเป็นบริษัทใหญ่ซึ่งค่อนข้างจะเคร่งกับงานบัญชีเราเลยไม่มีเวลาเจอกันเท่าไหร่ และเคาท์ดาวน์ปีนี้พอเธอรู้ว่าผมไม่ว่างเพราะอยู่เวร เธอก็ไม่ได้งอแงอะไร บอกว่าจะไปสวดมนต์ข้ามปีกับคุณแม่ของเขา ซึ่งผมก็เห็นว่าดี
Rrrrrrrrrr~
ไม่ทันที่ผมจะได้กดปิดหน้าจอมือถือและสตาร์ทรถ เสียงมือถือก็ดังลั่นมาจากเบอร์ของนัทชา เพื่อนสาวสุดแมนของผม
“ว่า?”
[มึงลงเวรรึยัง?]
นัทชามันอยู่เวรไปเมื่อวานแล้วครับ วันนี้มันคงจะออกล่าเหยื่อกับแก๊งค์ของมัน
“เออ...กำลังจะกลับคอนโด”
ผมว่าพลางสตาร์ทรถและขับออกมาจากลานจอดรถ
[รีบมาที่Z-clubด่วนๆ เขามึงงอกแล้วกัญจน์]
ผมขมวดคิ้วงุนงงกับคำพูดของเพื่อน เขางอกอะไรของมันวะ?
.
.
@Z-club
ผมจอดรถไว้ที่หน้าร้านก่อนจะถอดกาวน์สั้นข้างนอกออก เหลือแต่เสื้อยืดสีเทาเข้มข้างในกับกางเกงเข้ารูปสีดำรองเท้าหนัง ปัดผมฟูๆให้กลับมาเรียบอีกครั้ง แล้วเดินเข้าร้านไป
~🎵🎵~
เสียงเพลงคึกคักดังไปทั่วร้าน ผมทำเพียงแค่หันมองหาโต๊ะของเพื่อนสนิท แม้ว่าจะมีผู้หญิงเข้ามาขอชนและมาสะดุดให้ผมได้หลอกแต๊ะอั๋งพวกเธอหลายครั้ง สุดท้ายผมก็มาถึงโต๊ะจนได้
“เรียกกูมาทำไม...กูง่วง!”
ผมเหวี่ยงใส่เพื่อนสาวที่รบเร้าผมให้มาทันที มองไปรอบๆโต๊ะ ก็มีเพื่อนผมอยู่กันครบ ผมหยิบแก้วเหล้าที่เพื่อนส่งมาให้กระดกเข้าปากรวดเดียวจนหมด และนัทชาก็รินผสมให้ใหม่...มึงกะมอมกู?
“แฟนมึงอยู่ไหน?”
ไอ้ไกด์เพื่อนสนิทอีกคนที่ดำรงตำแหน่งรองนายกสโมฯผู้ซึ่งไม่ค่อยจะช่วยงาน ถามผมขึ้นเมื่อเรานั่งข้างกัน
“ไปสวดมนต์กับแม่”
ผมตอบส่งๆไป จะมาถามถึงเมียกูเพื่อ?
“แม่นี่ใช่คนที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้ากางเกงแสลค หวีผมเรียบแปล้และนัวเนียกันอยู่โซฟานู่นป่ะ?”
ผมกระพริบตาตอบไปงงๆ อะไรของมันวะ?
“มึงดูโน่น!”
ผมหันมองตามนิ้วขาวๆของเพื่อนไปยังโซฟาถัดๆไปใกล้ๆ ก็ปรากฏร่างบางๆของผู้หญิงที่ผมรู้จักดีทุกซอกทุกมุมมาตลอดระยะเวลา4ปี เธอถูกทาบทับด้วยผู้ชายชุดพนักงานออฟฟิศที่เสื้อผ้าของทั้งคู่เริ่มหลุดลุ่ย ผมเผ้าก็เริ่มฟูจากการขยำขยี้
“!!!”
ผมรู้สึกกายเย็นเยียบตั้งแต่ปลายผมถึงปลายนิ้วเท้า รู้สึกตัวหนักๆเหมือนทำอะไรไม่ถูก เหมือนหนักๆหัวคล้ายว่าเขาบนหัวจะงอกยาวโค้งเกือบชนเพดานคลับ
“หรือว่าในแก้วนั่นไม่ใช่เหล้า แต่คือน้ำมนต์งี้เหรอ? ...สวดมนต์อะไรของแม่งวะ!?”
เพื่อนผมเริ่มหัวร้อนแทนผมทันที พวกมันมานั่งก่อนผมก็คงจะเห็นอะไรดีๆมากกว่าผมสินะ
“หรือที่ยืนเปิดเพลงบนเวทีนั่นไม่ใช่ดีเจ แต่เป็นหลวงพี่?!”
“เอ้า! พวกเรา!...”
“สาาาาธุ!!”
แล้วพวกมันก็ยกมือขึ้นไหว้กล่าวสาธุพร้อมกัน
ผมคว้าแก้วเหล้าเพียวๆของไอ้ไกด์เข้าปากและกระดกรวดเดียวจนหมดอีกครั้ง เหมือนคนไม่รับรู้รสใดๆ ให้สติมันเบลอๆ ไม่อยากเห็นอะไรชัดๆ
พรึบ
“ไอ้กัญจน์จะไปไหน?”
ไอ้ไกด์ร้องเรียกผมเมื่อผมเดินออกมาจากโซฟาและตรงเข้าฟลอร์แทนที่จะไปจัดการกับผู้หญิงคนนั้น
“หาผัว...”
เมื่อชีวิตมันเหี้ยกับผมก่อน...ก็ต้องเหี้ยให้มันถึงที่สุด!
เดินตรงดิ่งไปยังผู้ชายที่เด่นที่สุดบนฟลอร์ แสงไฟตกกระทบลงมาทำให้ภาพผู้ชายตรงหน้าดูฟุ้งและน่าหลงใหลเพิ่มทวีคูณ ร่างสูงใหญ่แบบนักกีฬา ลุคคลูๆแบบที่ทำให้ไม่อยากจะละสายตา รอยยิ้มที่อบอุ่นจนน่าหมั่นไส้ ไรหนวดแบบที่ทำให้รู้สึกว่าเขามีเสน่ห์เซอร์ๆแบบเป็นตัวของตัวเอง
“หมอกัญจน์?”
ผมเบียดตัวแทรกเขาและผู้หญิงที่ยืนนัวเนียกันออกไป ผมคว้าคอของรุ่นน้องต่างคณะลงมาประกบปากบดเบียดลงไปทันที ...นาทีนี้ผมไม่แคร์ ไม่จำเป็นต้องแคร์อะไรทั้งนั้น มันถึงเวลาที่ผมจะทำอะไรตามใจตัวเองซะบ้าง!
.
.
ตึง!
ตุบ
ผลักตัวร่างสูงๆของเปอร์ให้กระแทกกับผนังห้องนอนในคอนโดของผม ก่อนจะตามไปบดเบียดกายทาบทับกับกายแกร่ง
“อื้อ”
สอดลิ้นลงไปลึกอย่างควานหาและสำรวจเช่นเดียวกับที่เจ้าหนุ่มวิศวะเองที่ล้วงลิ้นเข้ามาเกี่ยวกระหวัดกับผม สองมือใหญ่ของเขาบดบีบเค้นคลึงสะโพกของผม ผมเองก็ลูบไล้สอดมือไปใต้เสื้อเชิ้ตยีนส์ของเขา กระทบเข้ากับซิกแพคแน่นเต็มมือ ปลดกระดุมให้กับเขาด้วยความรวดเร็ว
...ต้องการ ตอนนี้ผมต้องการและอยากทำให้เขาเองก็ต้องการผมเช่นกัน...
อยากให้มีใครสักคนในนาทีนี้ที่ต้องการผม...
พลั่ก
ผลักร่างหนาๆลงกับเตียงก้าวขึ้นคร่อมนั่งทับซิคแพคแน่นแล้วโน้มตัวลงไปคลอเคลียซุกไซร้ซอกคอ สูดดมกลิ่นน้ำหอมผสมกลิ่นกายของเขาแบบสไตล์ผู้ชายสปอร์ต...เสพติด ผมกำลังจะเสพติดกลิ่นนี้
“อ๊ะ!”
ผมตกใจน้อยๆเมื่อคนข้างล่างคงจะแทบทนไม่ไหวจึงพลิกขึ้นมาฟาดตัวผมกระแทกลงกับเตียงและคร่อมทับตัวผมไว้
“อื้ออ”
บดเบียดริมฝีปากลงมาอีกครั้ง ดูดดึงกลีบปากแรงบ้างสลับเลียเบาๆให้พอรู้สึกเสียวซ่าน ก่อนจะไล่ลงมาที่ซอกคอขาวของผม
“อ๊ะ...อย่าทำรอย”
และเขาคงไม่ฟัง รู้สึกเจ็บแปลบทันทีที่ต้นคอ ตอนนี้คงขึ้นสีกลีบกุหลาบช้ำๆ เช่นเดียวกับหัวใจผมตอนนี้...บอบช้ำซะไม่มี
ฟิ้ว
เสื้อยืดถูกกระชากและโยนออกไปให้พ้นตัว เช่นเดียวกับเสื้อเชิ้ตยีนส์ของเขา ผมลงมือปลดเข็มขัดและซิปกางเกงของเขาออก พร้อมกับที่เขาก็ทำแบบเดียวกันนั้นให้กับผม
“อ๊าา”
รู้สึกเสียวซ่านทันทีที่เขาดูดดึงโลมเลียลงกับยอดอกไวต่อความรู้สึกของผม จนอดที่จะจิกขย้ำกลุ่มผมสีน้ำตาลของเขาไม่ได้
“อื้ออ!”
สะดุ้งและร้องครางอย่างตกใจเมื่อกางเกงถูกถอดออกไปพร้อมๆกับแกนกายที่ถูกล้วงควักออกมาด้วยฝีมือของรุ่นน้อง...เห้ย! ผมไม่ยอมเป็นฝ่ายรับนะ!
“เดี๋ยว!!”
ร่างกำยำที่อวดสายตาผมอยู่ตอนนี้กำลังลุกขึ้นยืนเพื่อถอดกางเกงที่ใกล้จะหลุดแหล่มิหลุดแหล่ ตาคู่สวยสีน้ำตาลเข้มกระทบแสงไฟที่สาดส่องดูวิปวับเจ้าเล่ห์ เขายกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยว่าผมมีอะไร
“ครับ?”
“มะ ไม่เป็นรับนะเว่ย!”
ใครจะยอมล่ะครับ มันเจ็บนะเว่ย! ยิ่งเคยเห็นเคยทำการตรวจส่องทางรูทวารของคนไข้ ได้ยินเสียงคนไข้ร้องโอดโอยก็พอรู้ว่ามันต้องเจ็บแน่ๆ กูไม่ยอมอะ!
“ครับ...”
พูดเหมือนยอมรับแต่เขากลับค่อยๆถอดกางเกงยีนส์ตัวเท่นั้นโยนทิ้งไป คลืบคลานขึ้นมาจากปลายเตียงช้าๆ ก้มลงจูบซับตั้งแต่น่อง...เข่า...ต้นขา...ต้นขาด้านใน
จูบเรื่อยมาจนท่อนเอ็นที่เริ่มแข็งข้อสู้มือเขา
“อ๊ะ!”
สะดุ้งสุดตัวเมื่อเขาครอบครองทั้งท่อนด้วยปากของเขา ดูดโลมเลียรอบๆแกนกายจนผมแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง
“อ๊าา”
จิกเกร็งไปทุกสัดส่วน ผมขยุ้มมือลงกับกลุ่มผมนิ่มของเปอร์ ด้วยความเสียวซ่าน ลิ้นร้อนลากขึ้นลงดูดดึงทั่วๆแท่งเนื้ออย่างมีจังหวะ
...กะ...เก่งเกินไปแล้ว!
“อื้อออ”
เขาถอนริมฝีปากออกแล้วจูบซับขึ้นมาที่ท้องน้อย ลากลิ้นลงไปในแอ่งสะดือ มือก็ช่วยชักเร่งเร้าท่อนเนื้อของผมจนแทบจะระเบิด
“แฮ่ก!”
ผมดีดดิ้นไปมา ไม่ไหวแล้วนะ มันเสียวจนผมต้องกัดปากข่มอารมณ์ที่เริ่มพุ่งขึ้นสูงของตัวเอง มองใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มของเขาที่มักจะมีรอยยิ้มดูอบอุ่นเสมอ...แต่ตอนนี้กลับดูร้อนแรงและอันตรายจนแทบเผาผมให้มอดไหม้ไป
“อย่ากัดปาก”
“อ๊ะ!”
เขาเงยหน้าจ้องมองผมแล้วสั่งด้วยเสียงมีอำนาจ ก่อนจะขยับมือขึ้นลงเร็วๆอย่างเร่งจังหวะ...ทำเอาผมแทบข่มไว้ไม่ได้
“อื้ออ...มะ ไม่ไหวแล้ว!”
หน้าหล่อๆดูเข้มขึงขึ้นจนผมรู้สึกว่ามันน่ามองแปลกๆ
“อื้อ!”
ผมกัดปากตัวเองอีกครั้งแล้วจิกมือลงกับท่อนแขนแข็งแรงที่แน่นด้วยกล้ามเนื้อ มองหน้าเขาอย่างกับจะอ้อนวอน
“อย่ากัดปาก!”
ผมก็อยากจะหยุดกัดปาก แต่มันเสียวมากจริงๆ เพราะยิ่งเขาห้าม เขาก็ยิ่งเร่งแรงมือมากขึ้น จนสุดท้ายผมก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป!
“อ๊ะ อ๊าาาาา!”
น้ำสีขาวขุ่นพุ่งพรวดเปรอะเปื้อนทั่วซิคแพคแน่นๆของคนฮอต
ฟึ่บ
ไม่ทันที่ผมจะได้หายเกร็งกระตุก เขาก็พลิกตัวผมคว่ำลงแล้วทาบทับลงมาทันที
“...บอกว่าอย่ากัดปาก ทำไมไม่ฟังล่ะ หืม?”
เสียงทุ้มนุ่มแหบพร่ากระซิบข้างใบหู ก่อนจะสอดลิ้นร้อนเข้ามาในรูหู เล่นเอาผมเสียวซ่านไปทั่วทุกอณูของร่างกาย
“อ๊ะ! ยะ อย่าา!”
ไม่ทันที่ผมจะได้ห้ามอะไร ท่อนเนื้อแข็งแกร่งขนาดใหญ่ก็สอดเข้ามาอย่างแรงจนผมที่ไม่ทันได้ผ่อนคลายหรือตั้งรับเจ็บแปลบและจุกขึ้นมาทันที
“อึก! อื้ออ! เจ็บเหี้ยๆ!!”
ผมสบถและดิ้นพล่านไปมา มันเจ็บจนผมแทบจะร้องไห้
“ชู่ว!...รีแลกซ์นะครับ...อืมม”
เขาจูบซับลงมาที่หลังใบหู...ท้ายทอย เรื่อยลงมาตามกระดูกสันหลังทีละข้อ...ทีละข้อดูดดึงฝากรอยไว้จนผมเจ็บแปลบเบาๆ สุดท้ายผมก็รู้สึกเสียวและผ่อนคลายไปพร้อมๆกัน เผลอกระตุกตอดรับท่อนเนื้อที่เริ่มขยับช้าๆ
“อ๊าาา...”
เมื่อเจ็บน้อยลง และเสียวมากขึ้นผมก็ยิ่งขมิบตอดรับท่อนเนื้อแรงมากขึ้นเพื่อช่วยลดความเจ็บปวดและระบายความเสียวซ่านมากขึ้นไปอีก
“อืมม...อย่าตอดแรงมากสิครับ ผมยังไม่อยากรีบนะ”
“สะ เสียวอะ!”
เขาขยับเข้าออกช้าๆ พ่นลมหายใจข้างใบหูผม เล่นเอาขนลุกไปทั่วร่าง
“อื้อออ...”
ผมร้องครางคลอไปเมื่อเขายืดตัวจับสะโพกผมแน่น หยัดกายเข้าออกแรงขึ้นและเร็วขึ้น
“อืมม”
เสียงครางต่ำในลำคอของเขาบ่งบอกว่าเขาเองก็พอใจมากเช่นกัน
พรึ่บ
เมื่อเขาชะลอความเร็วลง ผมก็พลิกตัวขึ้นมาและผลักเขากดลงกับเตียง...ผมอยากคุมเกมส์บ้าง
“กัญจน์...”
แววตาต้องการตัวผมจากเขามันยิ่งทำให้ผมมีความสุขและอยากทำให้เขาสุขมากขึ้นไปอีก
“อื้ออ”
ผมกดตัวเองลงไปกับท่อนเนื้อแข็งแรงนั่นอีกครั้ง เท้าสองแขนลงข้างตัวเขา
“อ๊าา!”
“อืมม..ใจเย็นๆสิครับ”
ผมขมิบตอดรัดท่อนเนื้ออย่างรุนแรงเพื่อให้เขาเข้าไปได้ทั้งท่อน
“อื้อ”
ขยับขึ้นลงช้าๆโดยมีสองแขนแกร่งพยุงช่วงสะโพกผมไว้
“อื้มม”
คนข้างล่างชันตัวขึ้นนั่ง จ้องมองผมอย่างไม่ละสายตา ตอนนี้ใบหน้าผมและเขาอยู่ในระดับเดียวกันระยะประชิด
...ซึ่งผมไม่สามารถที่จะละสายตาจากเขาได้อีกต่อไป
“อ๊าาา เสียววว!”
เขากอดรัดผมแน่นกดลงและขยับสะโพกซอยถี่ๆกระแทกขึ้นมาในท่านั่งแบบนี้ เล่นเอาผมหัวสั่นหัวคลอนกอดตอบเขากลับเช่นกัน
“อื้ออ”
“อ๊ะ! มะ...มะ ไม่ไหวๆ ...ไม่ไหวแล้วเปอร์!”
ผมร้องครางส่งสายตาอ้อนวอนรุ่นน้องให้ช่วยปราณีผมที เพราะตอนนี้ผมแทบอดทนไว้ไม่ไหวแล้ว แต่คล้ายว่าคนใจร้ายจะไม่ฟัง กลับกระแทกเข้ามารัวๆด้วยแรงอารมณ์
“อื้อ!”
เขาบดจูบล้วงลิ้นลงมาในโพรงปากอย่างกับจะชิมทุกสัมผัสของผม
พลั่ก
เขาผลักผมจากบนตักให้นอนราบลงไปแล้วกระแทกตามมาไม่ยั้ง เช่นเดียวกับลมหายใจที่ถูกช่วงชิงไป
“อื้ออออ”
คล้ายกับว่าแค่ถึงสวรรค์มันยังน้อยไป เพราะตอนนี้ความรู้สึกของผมมันไปไกลกว่านั่นมากแล้ว
“อืมม”
คิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างข่มอารมณ์ ผละจูบออกแล้วมองหน้าผมนิดหน่อยก่อนจะบดจูบลงมาอีกทีซ้ำ ปรนเปรอความรู้สึกยิ่งกว่าดีให้กับผม
“อ๊ะ!”
จูบหวานปนซาบซ่านคลุ้งไปทั่วโพรงปาก เขาขบเม้มลงมาที่ริมฝีปากผมอย่างแรงด้วยอารมณ์ จนผมรับรู้ถึงกลิ่นคาวเลือด
“เจ็บ!”
เปอร์เงยหน้าขึ้นมองผมอีกครั้งแล้วกระแทกถี่เข้ามาแรงขึ้นจนผมทนไม่ไหวอีกครั้ง
“อ๊าาาาาา!!”
“อื้ออ”
ผมตัวเกร็งกระตุกอย่างแรงแต่เปอร์ก็ยังหยัดกายเข้าออกรัวๆอย่างคนใหล้ถึงฝั่ง
“อะ...อื้มมม”
ความอุ่นร้อนฉาบแผ่ไปทั่วทางเดินด้านใน จนผมต้องขมิบตอดรัดอย่างควบคุมไม่ได้
ฟุ่บ
คนฮอตฟุบตัวลงมาทับตัวผมอย่างหมดแรง ริมฝีปากของเขาแนบกับใบหูของผม รู้สึกเสียวมากขึ้นจนขนอ่อนลุกชันเมื่อไรหนวดถูไปมาที่ข้างๆกกหู
“...อย่าตอดสิครับ เสียว”
คนหล่อแสยะยิ้มล้อๆผมเมื่อผมเหลือบไปมอง เขากอดผมไว้แน่นแต่แปลกที่ผมกลับไม่อึดอัด
“เงียบไปเลย...”
ผมหลับตาอย่างผ่อนคลาย ไม่อยากจะคิดว่าตัวเองได้ทำอะไรลงไป...ไม่ได้อยากจะเสียใจ
...ก็มันทำลงไปแล้ว จะเสียใจไปทำไม?
“สวัสดีปีใหม่ครับคุณหมอ”
คนหล่อกระซิบเสียงทุ้มแผ่วเบาข้างๆหูผม และกอดกระชับแน่นขึ้นอีกนิด
“อืม...หวัดดีปีใหม่ครับ คุณวิศวกร”