เดชดำฤษณา
หยาดฝนหยดสุดท้ายหล่นกระทบผืนดิน หลังสิ้นเสียงฟ้าคำรน พายุสงบลง เหลือเพียงสายลมเย็นที่ยังคงพัดเอื่อย หมู่ดาวนับพันค่อยๆ ปรากฏส่องแสงระยิบระยับ ลอดผ่านม่านเมฆอันบางเบา ในค่ำคืนที่ฟ้าไม่มีแม้เงาของดวงจันทร์ โคมไฟดวงเล็กบนหัวเตียงส่องแสงนวลสลัวกระทบสิ่งต่างๆในห้องให้เห็นเพียงรางๆ
เสียงลมหายใจอันเหนื่อยหอบ กอปรกับจังหวะการเต้นของหัวใจที่ยังคงระรัว
ในที่สุดผมก็มีวันนี้จนได้... ผมเอนหลังพิงหมอนใช้แขนซ้ายโอบร่างบางเข้าหาตัวอย่างอ่อนโยน ใบหน้าของเธองดงามราวกับเทพธิดาที่ตกมาจากสวรรค์ เธอซบมาที่อกของผมอย่างว่าง่าย
“ผมรักคุณนะดาริน แล้วคุณล่ะรักผมมั้ย” ผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“รักค่ะ...” เธอตอบสั้นๆ
ผมจูบที่หน้าผากของเธอเบาๆ และกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น
“คุณจะอยู่กับผมตลอดไปใช่มั้ย” ผมถามอีกครั้ง
“ค่ะ...” เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
เธอมองผมด้วยสายตาเหม่อลอย แววตาไร้ชีวิตชีวา เธอเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เราเคยรู้จักกัน ตอนนั้นเธอเกลียดขี้หน้าผมด้วยซ้ำ แต่ผมหาได้ใส่ใจ เพราะอย่างไรเสียตอนนี้เธอเป็นของผมแล้ว...
ผมพบกับดารินครั้งแรกเมื่อหลายเดือนก่อน หลังจากที่เธอย้ายมาทำงานที่บริษัทเดียวกับผม เธอทำให้ผมตกหลุมรักตั้งแต่แรกเจอ เธอเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมทุกอย่าง ทั้งบุคลิกภาพ รูปร่างหน้าตา สัดส่วนสวยงามทุกองศา ยั่วยวนให้ชายใดก็ตามที่พบเจอต้องพร่ำเพ้อไปตามกัน ผมได้แต่คิดในใจว่าสักวันผมจะต้องได้เป็นผู้ครอบครองดอกฟ้าดอกนี้ และผมจะต้องเอาชนะใจเธอให้ได้
เช้าวันจันทร์ที่หลายคนเกลียดที่จะต้องตื่นไปทำงาน แต่สำหรับผมมันเป็นเช้าที่สุดแสนวิเศษที่จะได้ไปพบหน้าเธอ ผมซื้อกุหลาบแดงและแอบเอามาใส่แจกันที่วางบนโต๊ะทำงานของเธอก่อนที่จะมีใครเข้ามาเห็น
เมื่อเธอเดินมาถึงที่โต๊ะทำงานและเห็นดอกกุหลาบ คิ้วของเธอขมวดเล็กน้อย และค่อยๆยิ้มออกมา โดยหารู้ไม่ว่ามีใครบางคนแอบมองรอยยิ้มอันแสนหวานของเธออยู่
เธอคุยกับผมตามปกติเหมือนเพื่อนร่วมงานทั่วไป ตรงข้ามกับผมที่ใจสั่นทุกครั้งที่ได้คุยหรืออยู่ใกล้ชิดกับเธอ ผมพยายามทำทุกสิ่งเพื่อให้เธอสนใจ แต่ก็ดูเหมือนจะเป็นเพียงสายลมที่พัดผ่านไปเท่านั้น เธอไม่ได้มีใจให้ผมเลยแม้แต่น้อย ผมพยายามอยู่หลายวันจนในที่สุดเธอก็รู้ว่าผมชอบเธอ เธอไม่คุยกับผมและดูเหมือนจะเกลียดผมด้วยซ้ำ
หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ไม่ได้มาทำงานอีก เหล่าพนักงานในบริษัทก็ลือกันต่างๆ นานา เกี่ยวกับการหายไปของเธอ บ้างก็บอกว่าเธอลาออก บ้างก็บอกว่าเธอย้ายไปอยู่อีกแผนก แต่สำหรับผมแล้วไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหน ผมก็จะตามหาเธอให้พบและทำให้เธอรักผมให้ได้
ขณะที่ผมนั่งทำงานที่โต๊ะตามปกติ เสียงพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของใครบางคนจากเพื่อนร่วมงานโต๊ะข้างๆ ทำเอาผมต้องสะดุ้ง หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ อะไรนะ!? ....หัวหน้า!? ...ดาริน!?
ในขณะที่สมองกำลังสับสนกับสิ่งที่ได้ยินมานั้น ผมก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่ปรากฏตรงหน้า หญิงสาวแสนสวยในชุดเดรสสีแดงสด เธอเดินเข้ามาอย่างสง่าราวกับนางพญาหงส์ แต่สิ่งที่ทำให้ผมและพนักงานทุกคนต้องตะลึงไปมากกว่านั้น ก็เพราะว่าเธอเดินเข้ามาพร้อมกับชายผู้หนึ่งที่ทุกคนเรียกเขาว่า “หัวหน้า!”
หัวหน้าและดารินเดินเข้ามาหาผมถึงที่โต๊ะทำงาน ผมลุกจากเก้าอี้ สติสัมปชัญญะที่เคยมี บัดนี้เตลิดไปจนหมดสิ้น
“สวัสดีครับ หัวหน้า” น้ำเสียงของผมสั่นเครือ หน้าถอดสี ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่พยายามเก็บอาการ
“นี่มึงชอบเมียกูจริงๆหรอวะ ไอ้กระจอก!!! ” เสียงตะคอกจากชายผู้เป็นหัวหน้า ทิ่มแทงบาดขั้วหัวใจของผมแต่ผมไม่ได้ตอบโต้ใดๆ
“หน้าอย่างมึงเนี่ยนะ จะมีปัญญาดูแลผู้หญิงดีๆอย่างดาริน เอาตัวเองให้รอดก่อนดีมั้ย ”
“อ้อ... แล้วก็จำใส่กะลาหัวกระจอกๆของมึงไว้ด้วยนะ ว่าดารินเป็นคู่หมั้นกู และเรากำลังจะแต่งงานกัน เข้าใจมั้ย ไอ้กระจอก ถุ๊ย!!”
ทุกสายตาของพนักงานในบริษัทจับจ้องมาที่ผม ผมไม่รู้จะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้อย่างไร ทั้งความรู้สึกอับอาย และเจ็บแค้นที่สุดที่ถูกด่าประจานต่อหน้าพนักงานในบริษัท และยิ่งกว่านั้นคือต่อหน้าดาริน ผู้หญิงที่ผมรัก
ผมกำหมัดแน่น สั่นไปทั้งตัว อยากเดินเข้าไปต่อยหน้าหัวหน้าสักครั้ง แต่ก็ทำได้เพียงยืนมองทั้งสองเดินจากไป ผมไม่อาจทนทำงานอยู่ที่นั่นได้อีกต่อไป หลังจากวันนั้นผมเก็บข้าวของและลาออกจากบริษัท
ความเจ็บแค้นครั้งนี้คงยากที่จะลบเลือน ราวกับว่ามันได้หยั่งรากเข้าไปส่วนลึกของจิตใจ กระตุ้นแรงปรารถนาที่อยากจะคว้านางอันเป็นที่รักมาครอบครองให้ยิ่งเพิ่มทวี
ผมกลับมาที่บริษัทอีกครั้ง เฝ้ารอคอยโอกาสที่จะพบดาริน และการมาในครั้งนี้จะต้องไม่สูญเปล่า และฟ้าก็เป็นใจให้ผมมีโอกาสได้พบดาริน ก่อนที่จะเดินเข้าไปหาเธอผมก็เริ่มท่องคาถาปลุกน้ำมันพราย
“....โอมปลุกมหาปลุก กูจะปลุกทั้งชั้นฟ้าแลชั้นดิน นะมะพะทะ กูจะปลุกทั้งพระสมุทรและสายสินธุ์ นะมะพะทะ กูจะปลุกทั้งพระอินทร์และพระพรหม นะมะพะทะ กูจะปลุกทั้งพระยมและพระกาฬ...” ผมท่องคาถาจนจบ แล้วเดินเข้าไปหาเธอทันที
เมื่อเธอเจอผมเธอพยายามเดินหนี ผมรีบสาวเท้าตาม แล้วคว้าแขนเธอไว้ทัน เธอหยุดชะงักและหันกลับมาหาผมอย่างว่าง่าย แววตาของเธอเปลี่ยนไป
“คุณ....” เสียงหวานของเธอมันทำให้ผมใจเต้นไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง
“ครับดาริน ผมเอง” เธอจ้องหน้าผมไม่ละสายตา ผมปล่อยมือจากแขนของเธอ
“ไปอยู่กับผมนะ...”
หัวใจของผมเต้นแรง ไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำลงไปจะได้ผลหรือไม่
“ค่ะ ฉันจะไปอยู่กับคุณ” เธอรับคำอย่างว่าง่ายและเดินหายเข้าไปในบริษัท...
ในที่สุดผมก็มีวันนี้จนได้...เสียงหายใจอันเหนื่อยหอบค่อยๆเบาลง พร้อมกับจังหวะของหัวใจที่เข้าสู่ภาวะปกติ
“แล้วนี่คุณบอกหัวหน้า... เอ่อ...สามีของคุณว่ายังไง”ผมถามด้วยความสงสัย
“เลิก...ฉันบอกเลิกเขา..”
“ฮ้ะ!!!” ผมแทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน นี่ฤทธิ์ของน้ำมันพรายได้ผลขนาดนี้เลยหรือนี่
“ฉันรักคุณ ฉันจะอยู่กับคุณค่ะ...” สองแขนของดารินโอบกระชับตัวเราทั้งสองให้แนบแน่นยิ่งขึ้น
“ฮ่าๆๆ สะใจจริงๆโว้ย” ผมอยากเห็นหน้าไอ้หัวหน้านั่นเต็มทน มันคงแทบกระอักถ้ารู้ว่าตอนนี้ ดารินภรรยาสุดสวยของมันตกเป็นของผม
ถึงเวลาที่ผมจะเอาคืนบ้างแล้ว ผมโทรหาไอ้หัวหน้าทันที หลังจากรอสายสักพักก็มีเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้น
“โทรมาทำไมวะ ไอ้กระจอก” เสียงที่ได้ยินนั้นทำให้สัมผัสได้ถึงความหงุดหงิดของเจ้าของ
“แหมๆๆ คำก็กระจอก สองคำก็กระจอกเชียวนะหัวหน้า” ผมยั่วโมโห
“มึงต้องการอะไร”
“เปล่า ก็แค่จะบอกว่า เลิกพยายามติดต่อดารินได้แล้วนะ เพราะตอนนี้เขาไม่ได้ต้องการมึงแล้ว... จริงมั้ยจ๊ะที่รัก” ผมหันไปถามดาริน
“จริงค่ะ ฉันรักคุณ...” ทันทีที่ได้ยินเสียงดาริน เสียงสบถอย่างไม่เป็นภาษาจากปลายสายก็ดังขึ้นอย่างรุนแรง
“ไอ้เ-ี้ยยยยยยยยยย มึงนี่เองที่ทำให้ดารินเปลี่ยนไป ไอ้สารเลว กูจะฆ่ามึง” เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายดิ้นรนเป็นเดือดเป็นร้อน มันยิ่งทำให้ผมได้ใจ
“ฮ่าๆๆ นี่กูจะบอกอะไรให้นะ ถึงมึงจะรวยแค่ไหน ก็สู้น้ำมันพรา..” ผมหุบปากแทบไม่ทัน
“ไอ้เลว นี่มึงทำเสน่ห์ใส่เมียกูหรอ” ในที่สุดผมก็ไม่อาจปิดบังความลับได้อีกต่อไป
“แล้วจะทำไมวะ ยังไงตอนนี้เมียมึงก็กลายมาเป็นเมียของกูแล้ว” ผมยังคงตอกย้ำแผลใจของอีกฝ่าย
“กูขอสาปแช่งมึง...” ผมไม่ทนฟังคำก่นด่าอีกต่อไป จึงรีบตัดสายและปิดเครื่องทันที
ผมมองไปที่ดาริน เธอยังคงซบหน้าที่อกของผม ผมได้กลิ่นหอมจากตัวเธอ มันช่างยั่วยวนยากที่จะห้ามใจอะไรอย่างนี้...
เราทั้งสองหลับไปเพราะความเหนื่อย อีกเพียงห้านาที เข็มยาวและเข็มสั้นก็จะมาบรรจบกันบนเลขสิบสองของหน้าปัดนาฬิกา ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมา รู้สึกแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก เกิดอาการร้อนรุ่มจนทนไม่ไหว ดารินเองก็มีอาการแบบเดียวกัน เธอดิ้นทุรนทุราย แสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดอย่างหนัก เธอกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียง แล้วเธอก็แน่นิ่งไป
ผมรู้แก่ใจดีว่าเกิดอะไรขึ้น ผมไม่น่าพลาดหลุดปากเรื่องน้ำมันพรายเลย เพราะมันเป็นการทำผิดอย่างมหันต์ ทำให้เวทมนต์ที่กำกับน้ำมันพรายนั้นเสื่อม และคนที่ใช้น้ำมันพรายจะต้องมีอาคมกำกับ มิฉะนั้น วิญญาณผีตายทั้งกลมที่ติดตามจะเล่นงานทันที ซึ่งตอนนี้ผมไม่มีเครื่องรางแม้แต่ชิ้นเดียวที่จะป้องกันตัว
ตายแน่คราวนี้ ผมได้แต่นึกในใจ แล้วสวดคาถาต่างๆเท่าที่จะจำได้ และดูเหมือนว่าจะช่วยอะไรไม่ได้เลย
ผมรู้สึกเหมือนมีบางอย่างรัดที่คอผม ทำให้หายใจไม่ออก มีเพียงเสียงอึกอักที่เล็ดลอดผ่านลำคอ เงาดำทมิฬผุดขึ้นมาทับร่างของผม ผมพยายามดิ้นรนและขออโหสิกรรม แต่ก็ไม่สำเร็จ
ร่างกายของผมตอนนี้ร้อนเร่าเหมือนถูกเผาทั้งเป็น ผมพยายามตะเกียกตะกาย รวมกำลังและลมหายใจเฮือกสุดท้าย ดิ้นอย่างสุดแรง และหลุดจากเงาดำที่พันธนาการ
ผมรวบรวมสติและร้องขอความช่วยเหลือ แต่ก็เหมือนจะไม่มีใครได้ยิน ผมพยุงตัวลุกขึ้นเพื่อจะวิ่งหนีไปจากที่แห่งนี้ แต่ก้าวขาไปเพียงได้สองก้าว ขาของผมกลับถูกบางอย่างจับและกระชาก จนผมล้มลม หัวของผมกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง แรงกระแทกนี้ทำให้เลือดไหลออกมาเป็นทางอาบลงที่ใบหน้า สายตาของผมพร่ามัว ภาพสุดท้ายที่ผมเห็นคือ เงาดำทมิฬที่ยืนอยู่เหนือร่างของผม จากวินาทีนั้นผมไม่สามารถรับรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
แสงไฟสว่างไสวทั่วทั้งห้อง ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมา ที่นี่ไม่ใช่บ้านของผม ผมรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัว
ทอดสายตามองไปรอบๆ นาฬิกาบนผนังบอกเวลาที่ล่วงเลยมาถึงบ่ายสอง นี่ผมหลับไปนานขนาดนี้เลยเหรอ
“คนไข้รู้สึกตัวแล้วหรือคะ” เสียงพยาบาลที่ผมคิดว่าคงบังเอิญเข้ามาตรวจอาการผมพอดี
“ผมมาอยู่ที่ได้ไงครับ” ผมถามด้วยความงุนงง
“อ๋อ มีผู้หญิงคนนึงโทรแจ้งรถโรงพยาบาลให้ไปรับคุณค่ะ”
“แล้วเธออยู่ไหนครับ”
“ดิฉันก็ไม่ทราบเช่นกันค่ะ ขออนุญาตไปตามหมอมาดูอาการนะคะ”
“ครับ...” ผมรับคำเบาๆ
ผมรู้ว่าดารินจากผมไปแล้ว อำนาจของน้ำมันพรายหมดสิ้น เหลือไว้เพียงความเจ็บปวดในหัวใจ ผมพยายามที่จะยกมือขึ้นมา แต่ดูเหมือนว่าร่างกายตอนนี้จะไม่ทำตามคำสั่งของสมองเสียแล้ว เกิดอะไรขึ้นกับผม
ผมพยายามอีกครั้ง แม้แต่นิ้วก็ไม่สามารถขยับได้ น้ำตาค่อยๆรินไหลโดยที่ผมไม่รู้ตัว
นี่ผมต้องเผชิญจุดจบเช่นนี้จริงๆหรือ...
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณแรงบันดาลใจจาก http://talk.mthai.com/inbox/126279.html
---------------------------------------------------
เรื่องสั้นเรื่องแรกของผม แสดงความคิดเห็นติชมได้นะครับ
เพื่อจะได้นำไปพัฒนางานเขียนต่อไป
-----------------------------
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะครับ