แสบ-ซึม-ป่วน ตอน ถอดชุดพลเรือน1

ตลก

แสบ-ซึม-ป่วน ตอน ถอดชุดพลเรือน1

แสบ-ซึม-ป่วน ตอน ถอดชุดพลเรือน1

ท.ทยานชล

ตลก

8
ตอน
3.4K
เข้าชม
46
ถูกใจ
1
ความคิดเห็น
5
เพิ่มลงคลัง

 

 

แสบ – ซึม – ป่วน

1.            ท่ามกลางแดดอุ่นยามบ่ายของเดือนพฤษภาคม  รถบัส 2 คันแล่นตามกันไปบนถนนสุขุมวิท สายบางนา-ตราด ด้วยความเร็วปกติ  ในรถทั้ง 2 คัน นั้นมีผู้โดยสารประมาณ 50 คน  เป็นชายล้วน  และส่วนใหญ่เป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่น  อายุไม่เกิน 21 ที่กำลังคึกคะนอง เมื่ออยู่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ในรถคันเดียวกัน

บรรยากาศในรถบัส 2 คันนี้ ไม่แตกต่างจากบรรยากาศของฉิ่งฉับทัวร์ซึ่งกำลังพานักศึกษาไปทัศนาจรที่เมืองชายทะเลอันรื่นรมย์แต่อย่างใด  ทั้งๆที่มันเป็นรถบัสของเอกชนซึ่งกองทัพเรือ เช่ามาเพื่อรับทหารเกณฑ์ผลัดใหม่บางส่วนของทร.จากมณฑลทหารบกกรุงเทพฯ ไปส่งที่ศูนย์ฝึกทหารใหม่ของกรมยุทธศึกษาทหารเรือที่เกล็ดแก้ว  ตำบลบางเสร่  จังหวัดชลบุรี  ซึ่งถึงก่อนสัตหีบ ประมาณ 10 กิโลเมตร

โชเฟอร์ของรถบัส 2 คันนั้นเป็นพลขับยศจ่าเอก  จากกรมขนส่งทหารเรือทั้งคู่ และแต่ละคันมีพันจ่า 1 นาย จ่าเอก 1 นาย เป็นผู้ควบคุมการเดินทางโดยมีพลทหารอีก 1 นายเป็นเด็กท้ายรถ

เด็กหนุ่มกลุ่มนั้นกำลังคึกครื้นรื่นเริงด้วยฤทธิ์เหล้าที่พวกเขาส่วนใหญ่เฉิ่มกันมาตั้งแต่เช้าขณะรอออกเดินทางในตอนบ่ายโมงตรงที่กรุงเทพฯ  บางคนเลี้ยงฉลองกันมาตั้งแต่เมื่อคืนและแอบนำเหล้าในขวดแบนที่เหลือ ขึ้นมาดวดต่อบนรถจนคอพับคออ่อนและหลับไปในที่สุด

แต่หลายคนยังเมาไม่สุด  พวกเขากำลังคึกคักได้ที่ บางคนร้องเพลงโปกฮา  มีลูกคู่ปรบมือตามและเคาะขวดเหล้าให้จังหวะ โดยที่ทหารคุมรถไม่ได้ว่าอะไรและปล่อยให้พวกเขาสนุกกันเป็นวาระสุดท้ายก่อนเจอความจริงของชีวิตทหารใหม่ที่พวกเขายังไม่เคยสัมผัส

“เต็มที่ไปเลย ไอ้น้อง เดี๋ยวก็รู้ว่าหมู่หรือจ่า”  พันจ่าเอกสมปองยิ้มมุมปากขณะคิดอยู่ในใจ

บริเวณท้ายรถกำลังคึกครื้นยิ่งขึ้น หนุ่มผมยาวแบบนักดนตรีร็อคเปิดเหล้าแบนใหม่และยกขึ้นจิบก่อนยื่นไปทางพลทหารในวัยไล่เลี่ยกันซึ่งยืนอยู่บนบันไดท้ายรถ

“พี่  เอาหน่อย”  หนุ่มผมยาวพูดแข่งกับเสียงอึกทึก

พลทหารคนนั้นหันมามองหน้าเจ้าของเหล้าและสั่นหัวเงียบๆก่อนหันกลับไปมองนอกรถอย่างเดิม

“ป๊อดนี่หว่า  กลัวจ่าแดก รึไง”  หนุ่มผมยาวคนเดิมพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันเล็กน้อย แล้วหัวเราะเอิ้กอ้ากขณะส่งขวดเหล้าให้คนข้างๆรับไปจิบ

“เดี๋ยวมึงก็รู้ ว่าจ่าเขาแดกมึงยังไง”  พลทหารท้ายรถคิดเงียบๆด้วยสีหน้าเรียบเฉย

ร็อคเกอร์หนุ่มมองตามขวดเหล้าที่ถูกส่งต่อไปเรื่อยๆคนละจิบในแถวที่นั่งท้ายรถ จนกระทั่งมันเวียนกลับมา และเหลือเหล้าแค่ครึ่งแบน เขาจิบอีกอึก ก่อนสะกิดคนในเบาะข้างหน้าซึ่งผมยาวพอกัน

“เฮ้ย ไอ้น้อง กรึ๊บย้อมใจหน่อย”  เขาพูดพร้อมกับยื่นขวดเหล้าไปข้างหน้าจนแทบจะกระแทกจมูกของคนข้างหน้าที่หันมาตามเสียงเรียก

“ใครน้องมึง”  ใบหน้าเข้ม  หนวดเคราครึ้มของเขาหันมาจ้องหน้าร็อคเกอร์หนุ่มด้วยแววตาแข็งกร้าว

“ก็มึงไง”  หนุ่มผมยาวท้ายรถสวนขวับด้วยน้ำเสียงที่พร้อมจะมีเรื่อง

เท่านั้นก็ได้เรื่องจริงๆ หนุ่มหน้าเข้มในเบาะตรงหน้า ปัดขวดเหล้ากระเด็นไปโดนหัวคนข้างๆที่นั่งติดหน้าต่างด้วยมือหนึ่ง  และสาวหมัดอีกข้างทิ่มลงบนใบหน้าของร็อคเกอร์หนุ่มอย่างรุนแรงและรัว ตามอีก 2-3 หมัดไปติดๆจนฝ่ายตรงข้ามทรุดลงไปนั่งหมดท่าบนพื้นรถ

หนุ่มหน้าเข้มตวัดขา เฉี่ยวหน้าเด็กหนุ่มหน้าขาวๆ คนที่นั่งข้างๆ เพื่อจะก้าวไปกระทืบซ้ำ ท่ามกลางความชุลมุน และเสียงเอะอะโวยวายที่ท้ายรถ

“พี่ด๊อด  ใจเย็น  พอเถอะ  เดี๋ยวจะไปกันใหญ่”  เด็กหนุ่มหน้าขาวคนข้างๆดึงขอบกางเกงยีนส์ของหนุ่มหน้าเข้มเต็มแรงจนขาที่ก้าวข้ามพนักเบาะเสียหลักและป่ายไปโดนปากของเด็กหนุ่มหน้าจืดที่นั่งอยู่ข้างๆหนุ่มผมยาวหน้าตี๋ เจ้าของเหล้าคนนั้น

“เบียร์อย่าเสือกเรื่องของพี่”  ด๊อดหันไปตวาดหนุ่มหน้าขาวซึ่งเป็นลูกผู้น้องของเขาเอง  และขยับจะโดดลงไปบนพื้นรถข้างหลังที่โก๋หน้าตี๋นอนแอ้งแม้งอยู่

“หยุดเดี๋ยวนี้ !”  เสียงตวาดลั่นรถดังอยู่เบื้องหลังอย่างมีอำนาจ ด๊อดจึงชะงักขา และค่อยๆหันกลับมานั่งดังเดิม  เห็นพันจ่าเจ้าของเสียงกัมปนาทยืนเท้าเอว  จ้องเขาเขม็งด้วยสีหน้าถมึงทึง

“มีเรื่องอะไรกัน”  พันจ่าเอกร่างเตี้ยล่ำ วัย 40 เศษ ถามเสียงกร้าว

“เปล่าครับ”  ด๊อดตอบเสียงแผ่ว  แล้วก้มหน้าหลบตา

“เปล่าห่าอะไร  ก็เห็นชกกันจะๆ”

“มันชกผมข้างเดียวครับจ่า  ผมไม่ได้ทำอะไรมันซะหน่อย”  ร็อคเกอร์หน้าตี๋ฟ้องเสียงอ่อยขณะคนข้างๆช่วยกันดึงแขนของเขาขึ้นนั่ง

“มึงเงียบปากไปเลย”  ด๊อดหันไปตวาดคนข้างหลัง “ไอ้ตี๋”

“มึงเรียกใครไอ้ตี๋”  ร็อคเกอร์หนุ่มสวนกลับอีกครั้ง

“ก็มึงไง จะเอาอีกใช่มั้ย”  ด๊อดขยับตัวและเงื้อกำปั้น   แต่ก็ช้ากว่ามือคีมเหล็กของพันจ่ามะขามข้อเดียวที่กระชากแขนของเขาจนหงายหลัง

“บอกให้หยุดไง  เดี๋ยวปั๊ด”  พันจ่าเอกคนนั้นเงื้อฝ่ามือหนาๆของเขาทำท่าจะตบ  แต่ก็ค่อยๆลดลงมาตามเดิม  “เดี่ยวก็จะกินข้าวหม้อเดียวกันแล้ว  ยังจะกัดกันอีก  จำไว้ว่าตอนนี้พวกเธอเป็นทหารแล้ว  ต้องอยู่ในระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด  จะมาทำอะไรตามใจตัวเองแบบเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว  โดยเฉพาะเรื่องการทะเลาะวิวาทเนี่ย  ห้ามเด็ดขาด  คุกสถานเดียว  เข้าใจมั้ย”

เขาจ้องหน้าคู่กรณีทีละคนอย่างคาดคั้นคำตอบ

ด๊อดพยักหน้า “เข้าใจครับ” เขาพูดเบาๆ

“เข้าใจครับ”อีกคนพูดตาม

“เข้าใจก็ดีแล้ว  นั่งอยู่ในความสงบจนกว่าจะถึงศูนย์ฝึก  เหล้าก็เลิกแดกได้แล้ว  ทุกคนน่ะแหละ”  พันจ่าสำทับเสียงดังก่อนหันหลังเดินกลับไปนั่งในเบาะหน้า เช่นเดิม

“มึงชื่อด๊อดเหรอ”  หนุ่มผมยาวหน้าตี๋ชะโงกหน้าไปถามเบาๆจากเบาะหลัง

“ถามทำไม  จะเอาอีกดอกรึไง”  ด๊อดหันไปพูดเสียงเข้ม

“เปล่าๆ  ถามหน่อยก็ไม่ได้ ทำไมถึงดุนักวะ”

“เรื่องของกู  แล้วมึงล่ะ  ชื่ออะไร”

“ก๊อง”

“ก๊อง!” ด๊อดหัวเราะก้าก  “คนเหี้ยอะไรวะ  ชื่อตลกฉิบหาย  เป็นมนุษย์หินรึไง”

เด็กหนุ่มรอบข้างหัวเราะตาม  จนคนด้านหน้าเหลียวมามอง รวมทั้งพันจ่ามะขามเตี้ยคนนั้นด้วย  ทุกคนจึงหุบปากและนั่งอย่างสงบไปตลอดทาง

รถบัสทั้งสอง แล่นตามกันไปบนถนนบายพาสเลี่ยงเมืองชลบุรีเลยแหลมฉบังไปเล็กน้อย  ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอันน่าตื่นเต้นขึ้นมาอีก

มีเสียงดังบึ้มบริเวณท้ายรถคันหน้าที่ด๊อดและคนอื่นๆ นั่งอยู่  รถคันนั้นส่ายไปมาเหมือนงูเลื้อย  เสียงคนหลังรถตะโกนร้องอย่างขวัญเสีย

“โดนระเบิดอาร์พีจีเข้าแล้ว”  เป็นเสียงของร็อคเกอร์หน้าตี๋ที่ชื่อก๊องนั่นเอง

“อาร์พีจีพ่อมึงสิ  รถยางแตกโว้ย”  ด๊อดเหลียวไปตะคอก

จ่าพลขับ ถอนคันเร่ง ลดความเร็วลงทันทีและประคองรถเข้าจอดบนไหล่ทาง  ขณะรถบัสคันหลังตามมาจอดต่อท้าย  พลขับซึ่งเป็นจ่าเหมือนกัน  รีบเปิดประตูข้างๆตัว  โดดลงมาและวิ่งเหยาะๆมาที่รถคันหน้า

“เป็นอะไรมากมั้ยพี่ย้อย”  เขาถามพลขับของรถคันหน้า

“ก็เห็นอยู่ว่ายางแตก  เอ็งขับล่วงหน้าไปก่อน  แล้วตามช่างที่ศูนย์ฝึกมาเปลี่ยนยางให้คันนี้ด้วย  แม่งไม่มียางอะไหล่ว่ะ  กูเสียวๆตั้งแต่ตอนรับรถแล้ว  เช่ามาได้ไงก็ไม่รู้”

“คันของผมก็ไม่มี  เซ็งชิบ”  พลขับคนนั้นก้าวยาวๆกลับไปที่รถของเขาและขับเฉียงออกไปบนถนนอย่างรวดเร็ว  “รอแป๊บนึงนะพี่ย้อย”  เขาตะโกนบอกขณะผ่านรถยางแตกไปพวกเด็กหนุ่มในรถคันนั้นโบกมือหวอยๆ  คนหนึ่งตะโกนมาดังๆ

“กินข้าวลิงให้อร่อยนะเพื่อน  พวกกูไปก่อนละ”

“ดีใจไปเถอะ  ถึงก่อนก็เหนื่อยก่อนละมึง”  ด๊อดพึมพำเบาๆ

ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณบ่าย 4 โมงเศษ  ถนนบายพาสช่วงนั้นไม่มีร้านค้าอยู่ในสายตาเลย

“คงต้องรอเป็นชั่วโมง  กว่าจะเปลี่ยนยางเสร็จ”  พันจ่าผู้คุมรถพูดกับพลขับ

“ผมว่า คงหลายชั่วโมงแหละ  จะหายางอะไหล่ได้รึเปล่าก็ไม่รู้  กว่าจะถึงศูนย์ฝึก  ทหารใหม่คงหิวกันแย่”  พลขับพูด

“รวมทั้งเราด้วย”  พันจ่าเอกสมปองพูด  “ไม่ได้เรื่องแล้วว่ะ  เราขอรถบัสจากศูนย์ฝึกมาขนถ่ายดีกว่า”

เขาดึงวิทยุมือถือที่เหน็บไว้ตรงขอบกางเกง  และกดคีย์ติดต่อไปยังศูนย์ฝึกทหารใหม่ที่เกล็ดแก้ว ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 50 กิโลเมตร ทันที

................................................................................................................................................

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว