credit - http://pixgood.com/love-memories-tumblr.html
หลายครั้งหลายหน ที่คนเรามักเลือกวิธีการจัดเก็บหน่วยความทรงจำ ด้วยการจำลองเหตุการณ์ต่างๆผ่านทางเลนส์กลมๆเพียงอันเดียว เพื่อบอกเล่าเรื่องราวมากมายหลากหลายอย่างแทนคำพูด แสดงออกทางสีหน้า จับต้องความรู้สึกผ่านแววตา คาดเดาที่มาจากเบื้องหลังแผ่นกระดาษเคลือบมันพอดีฝ่ามือ
ฉันเป็นคนพูดไม่เก่ง แต่สามารถพูดได้ไม่หยุดปาก รู้ตัวว่ามีนิสัยค่อนข้างขี้อาย แม้ว่าในท้ายที่สุดจะกลายเป็นที่จดจำมากกว่าคุ้นเคยชอบพอ ฉันมักอยู่อย่างสันโดษภายใต้ท้องฟ้าสีเดิมๆแสนจะคับแคบ การเปิดตาเปิดใจรับสิ่งแปลกใหม่เพียงเพื่อเหตุผลในการดำเนินชีวิตเท่านั้น
...แม้จะชมชอบความเงียบสงัด แต่ลึกๆแล้ว ภายในใจของฉันกลับเกลียดความหงอยเหงา...
ในทุกๆวัน ฉันต้องสูดลมหายใจเข้าและออก เข้าและออก เข้า....และออก
ผู้คนรอบข้างต่างพากันแยกยิ้มโยกมือพลิ้วไหวไปมา...อย่างเป็นธรรมชาติ เพื่อนชายตัวสูงคนหนึ่งมักสวมเสื้อผ้าสีกากีพร้อมนกหวีดสีขาวคาอยู่ในปาก เด็กสาวตัวจ้อยมักวิ่งไล่ลูกนกลูกกาตามราวระเบียงบนชั้นสองของบ้านฝั่งตรงข้าม ก่อนจะโดนคุณยายหน้าตึงผมขาวโพลนดุว่าแล้วคว้าตัวลงไปส่งคุณครูที่รถตู้คันใหญ่ คุณนายสวยเสมอสวมหมวกปีกกว้างปล่อยผมยาวสยายเคลียหัวไหล่เปล่าเปลือยอย่างมีรสนิยม เอวเล็กคอด สะโพกมนกลมเป็นลูกน้ำเต้า ยามเดินเยื้องย่างก้าวผ่านหน้าร้านขายของชำของอาแป๊ะ มักมีเสียงสูงแหลมไม่ต่างไปจากนกกระจิบนกกระจอกไล่หลังไปตลอดทาง
ประตูหน้าบ้านกำลังแง้มปิดตามหลังฉันเข้ามา โลกที่มีเพียงฉันกลับคืนมาอีกหน
"...มีอะไรก็โทรมาได้นะ..."
เพื่อนคนหนึ่งเคยบอกฉันเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว
...ความทรงจำไม่ได้มีแต่ความสุขสมเสมอไป...
ฉันเคยเป็นเด็กสาวที่มีแต่อารมณ์อ่อนไหว เอ่อล้นมากมายจนต้องระบายออกด้วยการจดบันทึก
สมุดเล่มแรกเป็นแบบปกแข็งที่มีแม่กุญแจล็อกอีกชั้น
ความรู้สึกในตอนนั้นมีทั้งเพ้อฝัน วาบหวาม อ่อนเดียงสา และไร้ประสบการณ์
ถ้อยคำมากมายถูกขีดเขียนเชื่อมโยงไปมาอย่างมีเหตุผลและ"ไร้"เหตุผล
ไม่มีหัวประโยคหรือท้ายประโยค ไม่มีความนัยความหมายอันลึกซึ้ง
จะมีก็แต่เพียงคำว่า “ทำไม?” “เพราะอะไร?” และ “หรือเปล่า?”
...เพราะยังอ่อนวัยเลยยิ่งอ่อนไหว อารมณ์ของวัยรุ่นเปรียบเสมือนเส้นกราฟขึ้นและลง ราวกับจังหวะการเต้นของหัวใจสีหวาน...
ฉันเพิ่งเดินทางกลับมาจากงานเลี้ยงรุ่นในค่ำคืนหนึ่งใจกลางเมืองหลวง เสียงหัวเราะ เสียงพูดคุย เสียงชนแก้ว เสียงกระทืบเท้า เสียงเป่าปาก ล้วนแล้วแต่ฉุดกระชากให้ภาพในวันเวลาเก่าๆหวนคืนกลับมา หลังงานเลิกเพื่อนฝูงหลายคนยังคงจับมือกันไปดื่มต่อ หากแต่คนหลายคนลาจากไปพร้อมกับครอบครัวใหม่ของตนเอง และฉันเท่านั้นที่เดินจากมาเพียงลำพัง
...มักเป็น"ฉัน"คนนี้เสมอ...
ความทรงจำบางอย่างกระตุ้นเตือนให้ฉันนึกอยากกลับบ้านสวน สถานที่เดิมๆกับผู้คนหน้าเดิมๆ และบรรยากาศแบบเดิมๆ
...ความรู้สึกที่ทำให้หัวใจเต้นแรงเป็นครั้งแรก เกิดขึ้นที่แห่นนั้น...
ทันทีที่หอบกระเป๋าผ้าเข้าห้องนอนเล็กๆของตัวเองได้ กล่องกระดาษสีน้ำตาลแก่ที่มีฝุ่นจับหนาก็ถูกลากออกมาจากใต้เตียงนอน ฉันลังเลนิดหน่อยตอนที่เปิดฝากล่องขึ้นแล้วเห็นสมุดสีเหลืองอ่อนนอนนิ่งอยู่บนสุด
...สมุดบันทึกเล่มแรก...
ไม่มีแม่กุญแจเพราะฉันทำดอกลูกมันหายไปนานมากแล้ว
เมื่อพลิกเปิดหน้าแรก บางสิ่งบางอย่างก็ร่วงลงสู่หน้าตัก
...กระดาษสีชมพูสีซีดจางถูกพับเก็บเป็นรูปทรงดอกไม้...
“...ไม่เหลือกลิ่นแล้วสินะ”