บทนำ
เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี 14 มีนาคม 25xx 00.32 น.
ภายในห้องโถงกว้างสไตล์วิคตอเรียที่เดิมเคยเป็นคฤหาสน์หรูของตระกูลขุนนาง ตอนนี้ถูกย้ายมาอยู่ในมือเจ้าของคนใหม่และใช้เป็นห้องประชุมลับสำหรับเหล่าสมาชิกที่ถูกเลือกโดยบอสของแองเจโล่ ทั้งห้าคนนั่งอยู่ชุดที่โซฟาหลุยส์สีมุกตัดทอง โดยมีเขา ‘วิทาลี ลีอาเนโร่’ ตำแหน่งบอสของแองเจโล่แฟมิลี่ นั่งอยู่ตรงกลางของโซฟาตัวยาว เขานั่งสูบบุหรี่และพ่นควันสีขาวขุ่นออกจากปากด้วยท่าทางผ่อนคลายไม่รีบร้อน ราวกับกำลังรอบางสิ่งบางอย่าง เช่นเดียวกับชายหนุ่มอีกสี่คนบนชุดโซฟาอยู่ที่ในอิริยาบถสบายๆ แตกต่างกันไป
ก๊อกๆ
“ผมเอง” เสียงเคาะประตูเรียกจากด้านนอกทำให้ ‘ภาคี’ ชายหนุ่มร่างสูงแบบคนเอเชียตำแหน่งมือซ้ายของบอสเสนอตัวลุกออกไปรับของบางอย่างที่ถูกส่งมาจากอีกฟากของประตู ‘ลูคัส’ หนุ่มตาสีฟ้าที่อายุน้อยที่สุดในบรรดาทั้งห้าคนเบ้ปากล้อเลียนอย่างหมั่นไส้กับพฤติกรรมของหนุ่มเอเชียที่เขาคิดว่ามันดูเสนอหน้าและน่ารำคาญสิ้นดี ก่อนจะหันไปเจอสายตาเย็นชาของมือขวาแห่งแองเจโล่อย่าง ‘วาเซสโซ่’ เขาจึงหยุดการกระทำนั้น
ทั้งคู่คุยอะไรบางอย่างกันได้สักพักภาคีก็เดินกลับมาพร้อมกับซองเอกสารสีน้ำตาลวางลงบนโต๊ะตรงหน้าบอสของตน เขานั่งลงตรงโซฟาเดี่ยวด้านซ้ายมือ วิทาลีหย่อนบุหรี่ลงแจกันดอกไม้แล้วหยิบเอกสารที่มีข้อมูลในซองขึ้นมาดู
“ข้อมูลจากศูนย์วิทยุการบินครับ มีการนำเครื่องบินส่วนตัวขึ้นที่สนามบินเอกชนในเมืองปาเลอโม่จริง เมื่อวานตอนสี่ทุ่มครึ่ง จำนวนผู้โดยสารสามคนพร้อมลูกเรือและกัปตันอีกสาม จุดหมายปลายทางคือประเทศไทย”
“ก่อนหน้านั้นสองวันที่สนามบินนานาชาติในโรม สายของเราก็เห็นคนสนิทของฟรานเชสโก้และลูกน้องอีกหลายสิบคนกำลังเดินทางออกนอกประเทศ ทั้งหมดมุ่งหน้าไปยังประเทศไทยเช่นกัน” มือขวาหนุ่มบอกข้อมูลที่ตนได้รับเมื่อวันก่อน
“ประเทศไทย!? ไปทำอะไรกัน หาอีตัวมากินเล่นเหรอ”
“ลูคัส” ‘เซนโซ’ ซามูไรหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีนิลปรามเด็กหนุ่มปากร้ายด้วยการเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแฝงไปด้วยความเยือกเย็นอย่างน่าขนลุก แต่ดูเหมือนคนถูกเรียกจะไม่รู้สึกแบบนั้นเลยสักนิด
“ไม่เอาน่าคุณลุงนักดาบ ก็มันเรื่องจริงนี่ ...ใช่ไหม?” ประโยคสุดท้ายเด็กหนุ่มหันไปสบตากับภาคีที่นั่งอยู่ถัดจากตัวเอง หนุ่มไทยจ้องกลับด้วยแววตาที่ว่างเปล่าราวกับไม่ได้ยินที่เจ้าเด็กนั้นพูด และหันกลับไปสนใจเอกสารต่อ นั่นทำให้เด็กหนุ่มกระตุกยิ้มครางหึในลำคอแบบผู้ชนะ ...กับเกมที่มีผู้เล่นเพียงคนเดียว
สำหรับภาคี ลูคัสก็แค่เด็กไร้บ้านจากฝรั่งเศสที่เรียกร้องความสนใจด้วยการแกว่งปากหาลูกตะกั่วคนหนึ่ง ก็เท่านั้นเอง
“การเดินทางไปยังประเทศไทยครั้งนี้ของเรเวนโต้กับคาบัคเน่ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ” ภาคีเสนอความคิดเห็นส่วนตัว
“แล้วถ้าแค่บังเอิญล่ะ” เด็กหนุ่มขัด
“เรเวนโต้ไม่มีคู่ค้าหรือเครือข่ายในไทย ไม่มีเหตุผลอะไรที่พวกมันจะต้องแห่กันไปที่นั่น ส่วนคาบัคเน่ ถึงแม้ไม่มีประวัติการทำธุรกิจที่ชัดเจน แต่ก็มีคนของมันบางส่วนที่อยู่ที่นั่น” วาเซสโซ่ให้ข้อมูลที่พอรู้มาอย่างคร่าวๆ
“เป็นไปได้มั้ยว่าคาบัคเน่จะให้เรเวนโต้มาเป็นไม้กันพวกเรา” สิ้นประโยคของซามูไรหนุ่ม ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ ความคิดของเซนโซนั้นเป็นไปได้สูงมาก เพราะเป้าหมายต่อไปของแองเจโล่ก็คือเมืองเล็กๆ บนเกาะซิซิลีแต่มั่งคั่งไปด้วยทรัพยากรและทำเลการค้าที่เหมาะสมอย่างเมืองปาเลอโม่ ถ้าคาบัคเน่คิดจะหาใครสักคนมาคุ้มกันตัวเองจากแองเจโล่ ก็คนจะหนีไม่พ้นเรเวนโต้ที่มีอิธิพลพอๆ กับแองเจโล่
“เป็นไปได้สูงที่พวกมันจะทำอย่างที่เซนโซบอก ...แต่พวกมันไปทำอะไรที่ประเทศไทยแน่” วาเซสโซ่พูดแทนความคิดของวิทาลี คนเป็นบอสนั่งฟังความเห็นของแฟมิลี่พลางครุ่นคิดถึงแผนการของอีกฝ่าย
คาบัคเน่แฟมิลี่แม้จะเป็นแฟมิลี่ไม่ใหญ่มากแต่ก็ถือครองพื้นที่อยู่เมืองปาเลอโม่และอีกหลายๆ ที่ในเกาะที่มีราคาสูงลิบ เพราะมันเป็นแหล่งทรัพยากรและธุรกิจที่ดี แต่นั่นมันเป็นแค่ผลพลอยได้ สิ่งที่เขาอยากได้จริงๆ มันมีค่ามากกว่านั้น... และถ้าเป็นอย่างที่เซนโซบอก การทำข้อตกลงก็ไม่น่าจะทำให้มันซับซ้อนยุ่งยากขนาดนี้ ...มันต้องมีอะไรที่มากกว่าการทำข้อตกลงแน่ๆ
“พรุ่งนี้มีประชุมหุ้นส่วนของจิออตโต้เอนเตอร์ไพรส์ มันสำคัญกับธุรกิจของเราพอสมควร นายจัดการให้ฉันด้วย” วิทาลีพูดกับมือขวาคนสนิทซึ่งรับอย่างไม่ขัดข้อง
“ลูคัสเก็บกวาดพวกอัลเบิร์ตโต้ที่เหลือให้เรียบร้อย อย่าให้รอดแม้แต่คนเดียว ฉันไม่อยากให้มันแว้งมากัดเหมือนไอ้พวกเซนเต้อีก”
“ได้ฮะ ..ไม่ให้เหลือแม้แต่คนเดียว” เด็กหนุ่มรับคำสั่ง แม้เขาจะอายุเพียงยี่สิบสามแต่อย่าได้ดูถูกสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้บุคลิกยียวนกวนประสาทและไม่เอาไหนแบบนั้นเชียว
“เซนโซอยู่ดูแลรายงานความเรียบร้อยให้ฉันที่นี่”
“ครับบอส”
“ส่วนภาคี นายมากับฉัน ...ไปดูซิว่าพวกมันมาทำอะไรที่สวนหลังบ้านเรา” หนุ่มไทยก้มหน้าเป็นเชิงรับทราบคำสั่งแล้วเดินออกไปจากห้องเพื่อเตรียมการเดินทางที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า ส่วนอีกสามคนที่เหลือก็ทยอยเดินออกจากห้องไปพักผ่อนในพื้นที่ของตนเองเพื่อเตรียมตัวกับภารกิจที่ได้รับมอบหมายในวันรุ่งขึ้น
มาตินี่ครึ่งแก้วถูกกระดกใส่ปากรวดเดียวหมด ก่อนจะถูกกระแทกลงบนโต๊ะไม้สีทอง ลมหายใจหนักถูกผ่อนออกมาพร้อมกับเรื่องที่กำลังวนเวียนอยู่ในหัวของมาเฟียหนุ่ม สะสางเรื่องคาบัคเน่เรียบร้อยเมื่อไหร่ ฉันจะลัดคิวให้พวกแกเป็นรายต่อไปเลย...เรเวนโต้
_______________________________________