[เปิดจองรวมเล่ม] Tiger&Bunny : พี่เสือร้ายกับน้องกระต่ายน้อย

Y

[เปิดจองรวมเล่ม] Tiger&Bunny : พี่เสือร้ายกับน้องกระต่ายน้อย

[เปิดจองรวมเล่ม] Tiger&Bunny : พี่เสือร้ายกับน้องกระต่ายน้อย

aimer_island

Y

64
ตอน
369K
เข้าชม
333
ถูกใจ
369
ความคิดเห็น
1.03K
เพิ่มลงคลัง

1. คุณพ่อ คุณแม่ พี่เสือ กับน้องกระต่าย


หากจะพูดถึงชนชั้นกลางล่ะก็ ครอบครัวแก้วกิจการเป็นครอบครัวที่สมควรยกตัวอย่างเป็นครอบครัวแรก

ครอบครัวนี้ประกอบไปด้วยทุกอย่างที่ครอบครัวชนชั้นกลางพึงมึ คุณแม่มักเรียกครอบครัวตัวเองว่า American Dream

เริ่มจาก คุณพ่อผู้ขยันขันแข็ง คุณฉัตรชัย คุณพ่อเป็นคนไทยเชื้อสายจีน รูปร่างกำยำแข็งแรง ผิวขาวสะอาด แต่หน้าตาไม่หล่อเหลา หน้าตาคุณพ่อเหมือนขนมปังกลมที่มีใส้ลูกเกดแปะอยู่ตรงกลาง คุณพ่อเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของครอบครัว เงียบขรึมและเอาจริงเอาจัง แต่คุณพ่อก็รักคุณแม่กับลูกๆ มาก คุณพ่อเป็นผู้จัดการธนาคารต่างชาติแห่งหนึ่ง และซื้อบ้านจัดสรรที่ราคาไม่แพงมากนักย่านชานเมือง บ้านจัดสรรก็เหมือนครอบครัวนี้ ธรรมดาๆ ไม่ดี ไม่เลว มีพื้นที่ใช้สอยพอสมควร มีสามห้องนอน สามห้องน้ำ หนึ่งห้องครัวและห้องรับแขก ที่ใช้เป็นห้องนั่งเล่นในคราวเดียว 

คุณแม่ของบ้าน คือคุณจามจุรี คุณแม่เป็นสตรีร่างเล็ก ผิวสีเข้ม ลูกครึ่งเพชรบูรณ์และนครศรีธรรมราช หน้าตาคมขำ โดยเฉพาะดวงตาคมกริบ ทั้งดูหวานซึ้งและโฉบเฉี่ยวในเวลาเดียวกัน คุณแม่เป็นอดีตดาวมหาวิทยาลัย แล้วก็ยังเคยเป็นคุณครูสอนศิลปะชั้นประถมที่โรงเรียนแห่งหนึ่งด้วย คุณจามจุรีเป็นสตรีที่น่ารัก น่าคบหา มีนิสัยอ่อนโยน พูดจาไพเราะ อะลุ่มอะล่วยผิดจากสามี 

คุณจามจุรีกับคุณฉัตรชัยคบหากันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย เป็นคู่รักธรรมดาๆ ไม่มีอะไรโดดเด่น พอจบมาก็ทำงานออฟฟิศ อายุย่างเข้ายี่สิบห้าทั้งคู่ก็แต่งงานกัน พออายุยี่สิบเจ็ด คุณแม่ก็ท้อง คุณพ่อก็ผ่อนบ้านได้ครึ่งทางพอดี คุณแม่เลยลาออกจากงานประจำ มาทำงานที่บ้านเป็นคนวาดรูปประกอบนิทานเด็ก

เหมือนกับครอบครัวชนชั้นกลางทั่วไป คุณแม่กับคุณพ่อไปอัลตร้าซาวด์ดูลูก คุณหมอบอกว่า เป็นเด็กผู้ชาย คุณแม่ผิดหวังนิดหน่อย เพราะเธออยากได้ลูกสาว

แต่ไม่ว่ายังไง ครอบครัวแก้วกิจการก็เตรียมพร้อมรับเทวดาน้อยประจำบ้านเต็มที่

การตั้งครรภ์ไม่มีปัญหา ผ่านพ้นได้เก้าเดือน ไม่เร็ว ไม่ช้ากว่าปกติ คุณแม่ก็คลอด

การผ่าตัดคลอดเรียบร้อยดี มีปัญหาแค่คุณแม่ตัวเล็กไม่สามารถคลอดธรรมชาติได้แค่นั้น คุณหมอเลยเลือกผ่าตัดแทน

แต่พอผ่าเท่านั้น คุณหมอก็ต้องตกใจ มองหน้าพยาบาลผู้ช่วย

"เด็กแฝด ?"





เรื่องกลายเป็นว่า พอคุณพ่อมาเยี่ยมคุณแม่ พร้อมญาติพี่น้อง (คุณลุงคุณป้าคุณตาคุณยายคุณปู่คุณย่า) คุณแม่ก็ยิ้มแป้นบอกทุกคนว่า

"เราได้แฝดค่ะ"

คุณหมออธิบายให้ครอบครัวฟังว่า เนื่องจากแฝดพี่มีรูปร่างใหญ่โต เลยทำให้บังแฝดน้องในภาพอุลตร้าซาวด์ แต่ถึงยังไง คุณพ่อและญาติๆ ก็ดีใจมากอยู่ดี

แฝดพี่ คุณปู่เกิดปีขาล เลยให้ชื่อว่า พี่เสือ เป็นทารกเพศชายสมบูรณ์ แข็งแรงทุกประการ

แฝดน้อง เนื่องจากโดนแฝดพี่บัง แถมยังโดนแย่งสารอาหารตอนท้องอีก เลยตัวเล็ก แล้วยังป่วยเป็นโรคสารพัด ต้องอยู่ในตู้อบ แต่บรรดาญาติๆ ทั้งหลายเห็นครั้งแรกแล้วถึงกับเพ้อไปเลย ทั้งๆ ที่ทารกเป็นเพศชาย แต่กลับตัวขาวจั๊วะเหมือนคุณพ่อ มีดวงตากลมโตแวววาวหวานซึ้งเหมือนคุณแม่ อย่างกับตุ๊กตานางฟ้าตัวน้อยๆ

คุณย่าผู้อาวุโสรองจากคุณปู่เลยตั้งชื่อว่า น้องกระต่าย เพราะคุณย่าเกิดปีเถาะนั่นเอง

วันเวลาผ่านไป น้องกระต่ายยิ่งโตยิ่งป่วยหนัก จนคุณยายเป็นห่วง นึกถึงคำโบราณว่า 'สามวันลูกผี' เพราะยิ่งทารกเกิดมาสวย ผียิ่งอยากได้ คุณยายเลยขอน้องกระต่ายไปเลี้ยงที่บ้านสวน มีคุณย่ากับคุณป้าตามไปด้วย

ส่วนพี่เสือยิ่งโตยิ่งตัวโตเหมือนคุณพ่อ ผิวคล้ำเหมือนคุณแม่ ตาคมดุ แถมยังทำท่าเกเรเสียอีก

คุณพ่อคุณแม่มักพาพี่เสือไปเยี่ยมน้องกระต่ายที่บ้านสวนทุกสัปดาห์ ทุกครั้งที่พี่เสือมาหา พี่เสือมักยึดน้องไว้ ขนาดคุณพ่อคุณแม่จะขออุ้มพี่เสือยังหวง

น้องกระต่ายโตมาในสภาพแวดล้อมที่เป็นผู้หญิงล้วน มีลูกพี่ลูกน้องอายุมากกว่าสองปี ชื่อพี่หน่อยคอยเป็นเพื่อนเล่น คุณยายคุณย่าคอยเลี้ยงดู น้องกระต่ายเลยมีนิสัยนุ่มนิ่มเหมือนผู้หญิง พูดจาเพราะ อ่อนโยนเหมือนคุณแม่เปี๊ยบ แถมเนื้อตัวยังผุดผ่อง ขาวสะอาดเหมือนแตงร่มใบ ใบหน้าเล็กเท่างบอ้อย ดวงตากลมโตใสสะอาด แขนขาเรียวเล็ก เรือนผมดำขลับเป็นเงางาม เอวคอดบอบบางเหมือนเด็กผู้หญิง คุณย่าเลยชอบให้น้องกระต่ายใส่ชุดกระโปรง เล่นแต่งตัวตุ๊กตากับคุณยายจนสนุกไป คุณพ่อคุณแม่เลยจนใจจะห้ามปราม

พออายุเริ่มเข้าอนุบาล คุณแม่เลยขอน้องกระต่ายคืนจากคุณย่า เพื่อเข้าโรงเรียนอนุบาลเล็กๆ ใกล้บ้าน

น้องกระต่ายเป็นเด็กน่ารัก ว่านอนสอนง่าย คุณพ่อคุณแม่มักจะย้ำกับพี่เสือเสมอว่าให้ดูแลน้องดีๆ 

หากว่าคุณพ่อคุณแม่รักน้องกระต่ายแล้ว พี่เสือคงหลงน้องกระต่ายมาก พี่เสือนึกถึงตุ๊กตากระเบื้องทุกครั้งที่เห็นน้อง ไม่มีคืนไหนที่พี่เสือจะไม่นอนกอดน้อง แล้วยิ่งเข้าอนุบาล คุณแม่จับสองพี่น้องใส่ชุดปกกะลาสีน่ารักของโรงเรียนอนุบาล แต่ดูขัดกับพี่เสือชะมัด 

พี่เสือชี้ที่กางเกงน้องแล้วถามคุณแม่ "ไมต่ายใส่เหมือนเสือ ?"

คุณพ่อหัวเราะ ตอบแทนคุณแม่ "น้องต่ายเป็นผู้ชายเหมือนพี่เสือครับ"

พี่เสือนิ่งคิดครู่หนึ่ง ก่อนถามต่อ "น้องมีช้างน้อยเหมือนเสือ ?"

คุณพ่อคุณแม่ปล่อยก๊าก "ครับ มีเหมือนเสือเลย แต่น้องตัวเล็กกว่า เสือต้องดูแลน้องดีๆ นะ"

เสือน้อยพยักหน้า กุมมือน้อยของน้องต่ายแน่น สีผิวสองพี่้น้องตัดกับเหมือนไอศกรีมวานิลลากับชอคโกแลต

"โอเค เรียบร้อยแล้ว ป่ะ ไปกันเถอะ" คุณแม่ปรบมือเรียกเด็กๆ ขึ้นรถ





เหมือนครอบครัวทั่วไปอีกครั้ง คุณพ่อขับรถมาส่งคุณแม่กับลูกๆ ที่โรงเรียนประจำหมู่บ้าน สี่คนพ่อแม่ลูกจูงมือกัน

"ผ้าเช็ดหน้า ?" คุณแม่เอ่ยซ้ำด้วยความเป็นห่วง น้องกระต่ายเปิดกระเป๋าเป้สีแดงแล้วพยักหน้า มีพี่เสือชะโงกตรวจซ้ำอีกที

คุณพ่อวานให้คุณครูถ่ายรูปให้ 

รูปถ่ายของเสือน้อยกับกระต่ายน้อย และคุณพ่อคุณแม่ในวันแรกของโรงเรียนอนุบาลก็ผ่านพ้นไป

ส่งลูกๆ เสร็จ คุณพ่อก็ขับรถไปส่งคุณแม่ที่บ้าน คุณแม่เตรียมสีสำหรับวาดรูป วาดไปได้เพลินๆ ใกล้เที่ยงถึงนึกขึ้นได้ว่าควรหยุดพัก

คุณแม่เลยเข้าครัว เตรียมทอดไข่ ทำอาหารกินง่ายๆ คนเดียว ยังไม่ทันจะตอกไข่ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

"สวัสดีค่ะ ?" 

"คุณจามจุรีใช่ไหมคะ ? ดิฉันคุณครูนพพรจากโรงเรียนอนุบาลนะคะ"

คุณแม่ใจหายวาบ แต่ก็รับฟังคุณครูด้วยท่าทางเยือกเย็น จนสรุปได้ใจความว่า

น้องเสือต่อยน้องภู เพื่อนร่วมชั้น
น้องเสืออาละวาดตอนที่คุณครูให้จับกลุ่มกินข้าวกลางวัน
น้องเสือต่อคุณครูไก่ คุณครูพี่เลี้ยงจนสลบ

น้องกระต่ายเอาแต่ร้องไห้หลบหลังพี่เสือ ไม่ยอมกินข้าว ไม่ยอมพูดอะไรทั้งนั้น

คุณแม่รีบโทรแจ้งคุณพ่อ แล้วบอกว่าตนจะจัดการเอง ให้คุณพ่อทำงานตามปกติ แล้วคุณจามจุรีก็คว้ากระเป๋าสตางค์วิ่งออกจากบ้าน





ที่โรงเรียนอนุบาลสภาพวุ่นวาย เละเทะกว่าที่คุณจามจุรีคิดไว้ พี่เสือกอดน้องกระต่ายแน่นหนาจนกลมดิ๊กอยู่หน้าห้อง 

"เสือ ต่าย" คุณแม่ร้อนใจรีบปราดเข้าหาลูก

"คุณจามจุรี" คุณครูนพพรเดินกระย่องกระแย่งเข้ามาหา

"ค่ะ คุณครู"

"เชิญคุณแม่ทางนี้ดีกว่าค่ะ" คุณครูเดินไปเปิดประตูอีกฝั่ง เป็นห้องทำงานเงียบสงบ

คุณแม่ดุนหลังลูกชายสองคนตามไป พร้อมใจเต้นตึกตัก 

นี่แค่อนุบาลวันแรกก็มีเรื่องเสียแล้ว...

"น้องเสือต่อยน้องภูค่ะ" คุณครูเข้าประเด็นทันที แต่พี่เสือก็สวนทันควันเหมือนกัน

"ภูแก้งต่าย!"

น้องกระต่ายได้ยินชื่อตัวเองก็ตัวสั่น ปากเบะ ร้องไห้โฮ ยกชายเสื้อพี่ชายเช็ดตาป้อยๆ พี่เสือหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ำตาให้น้อง

คุณครูยิ้มชืด "ค่ะ คือน้องภูล้อน้องกระต่ายว่าเหมือนเด็กผู้หญิง..."

"พี่เสือเลยต่อยเลย" เสือน้อยตอบ ยืดอกภูมิใจ คุณแม่มีท่าทางเหมือนจะเป็นลม

"แล้วที่ว่าพี่เสืออาละวาด ?" คุณแม่ถามเสียงเบาหวิว

คุณครูไม่ทันตอบ เจ้าตัวก็ตอบเสียงแจ๋ว
"คุงคูจะไม่ให้เสือกินต่าย"

คงมีแต่คุณแม่ที่เข้าใจ เลยรีบอธิบาย "คือปกติเสือต้องกินข้าวกับน้องน่ะค่ะ เสือเลี้ยงน้องมาตลอดค่ะ เค้าป้อนข้าวน้องด้วย" พยายามเสริมเมื่อเห็นสีหน้าคุณครู

น้องกระต่ายพยักหน้าแรงๆ พูดเสียงแผ่ว "พี่เสือต้องกินหนู"

"คือเราต้องแยกน้องเสือน้องกระต่ายค่ะ เพื่อให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆ ตอนพักเที่ยงดิฉันเลยให้เด็กๆ แยกกลุ่มกันกินข้าว พอแยกกลุ่มเท่านั้นเอง น้องเสืออาละวาดยกใหญ่ แล้วพอคุณครูไก่เข้าไปห้ามตอนน้องเสืออาละวาด น้องเสือเลยต่อยเข้าที่ปลายคางน่ะค่ะ นอนนับดาวเลย ดิฉันเห็นเข้าเลยรีบเข้าไปช่วย กลายเป็นว่าน้องเสือเตะดิฉันที่หน้าแข้งค่ะ" ครูนพพรอธิบาย น้ำตาจะร่วง 

"บอกตามตรงนะคะ ดิฉันไม่เคยเจอเด็กที่แรงเยอะขนาดนี้มาก่อน เจ็บจนน้ำตาเล็ดค่ะ!" ว่าแล้วคุณครูก็ถลกกระโปรงขึ้นให้ดู คุณแม่หน้าเสีย เพราะขาคุณครูเขียวช้ำ

"คุงคูไม่ดี ไม่เรียกพี่เฉือ ไม่ให้เฉือกินต่าย เฉือเกียด!" คุณแม่หน้ามืดแล้ว รีบดุ

"เสือทำอย่างนั้นได้ยังไง! รีบขอโทษคุณครูเร็วเข้า!"

พี่เสือหน้าเสีย "ไม่! คุงคูไม่ดีก่อน!"

"โอเคๆ" คุณแม่ยอมแพ้ พี่เสือหัวรั้นเหมือนคุณพ่อ 

"ดิฉันขอโทษด้วยนะคะคุณครู คือว่าพี่เสือแกชอบให้ทุกคนเรียกแกว่าพี่เสือน่ะค่ะ เพราะแกถือตัวเองว่าเป็นพี่ แล้วต้องดูแลน้อง... เวลาเข้ากลุ่มอะไรก็ขอให้แกอยู่กับน้องนะคะ แล้วแกก็จะทำอะไรของแกเงียบๆ ไป ไม่อาละวาดค่ะ" คุณแม่มีประสบการณ์ตรงเหมือนกัน พี่เสือต่อยคุณพ่อจนคุณพ่อเซ ตอนที่คุณพ่อจะขออุ้มน้องต่ายแล้วพี่เสือไม่อนุญาต

พี่เสือที่ตัวโตกว่าน้องต่ายเกือบเท่าตัวพยักหน้า ดูแก่แดดมากกว่าน่ารัก 
"ต่ายกินนมป่วยด้วย คุงคูบังคับ"

"คือน้องต่ายแพ้นมค่ะ พี่เสือเลยกินแทนน้องมาตลอด" เลยตัวโตแทนด้วย คุณแม่เหมือนจะร้องไห้

คุณครูนพพรถอนหายใจ ก่อนจะขอให้คุณแม่อธิบายพฤติกรรมเด็กแฝดมากขึ้น


กว่าจะคุยกับคุณครูเสร็จ ก็ปาเข้าไปบ่ายสามแล้ว คุณแม่นึกขึ้นได้ว่าตัวเองและเด็กๆ ยังไม่ได้กินข้าวเลยขอตัวกลับก่อน

เหมือนที่คุณแม่บอกเปี๊ยบ คุณครูนพพรมองเด็กแฝดที่นั่งเงียบๆ ถึงจะหิวก็ไม่ร้องงอแง ขอแค่มีน้องกระต่ายอยู่ข้างๆ พี่เสือก็ไม่โวยวาย เด็กสองคนเล่นบล๊อกไม้ เล่นต่อสู้ ที่พี่เสือแกล้งแพ้ให้น้องง่ายดาย

คุณแม่จูงพี่เสือ พี่เสือจูงน้องกระต่ายออกจากโรงเรียนอนุบาล นึกดีใจที่คุณครูใจดี ยอมรับฟังพฤติกรรมเด็กทั้งคู่ เลยรีบจูงมือเด็กทั้งสองคนกลับบ้าน



พอคุณพ่อกลับบ้านมา เด็กสองคนก็กินข้าว อาบน้ำ ปะแป้งเอี้ยมเฟี้ยมแล้ว จริงๆ แล้วพี่เสือจะอาบน้ำให้น้อง คุณแม่เลยยอมตามใจ แต่พอลับตาพี่เสือ คุณแม่ก็จับร่างเล็กๆ เหมือนตุ๊กตาอาบน้ำอีกที

คุณพ่อพยายามตีหน้าเคร่ง ขณะมองลูกชายทั้งคู่

ก็มันน่ารักน้อยเสียเมื่อไหร่

พี่เสือจับน้องกระต่ายนั่งพิงอกเหมือนตุ๊กตา มือป้อนขนมพุดดิ้ง ปากเล็กๆ จิ้มลิ้มของน้องงับช้อนตาม พอน้องกินเปื้อน พี่เสือก็เอาเสื้อนอนตัวเองเช็ดให้ กลายเป็นน้องสะอาด แต่พี่เลอะแทน

"เสือ" คุณพ่อเรียกเสียงแข็ง "มาคุยกับพ่อหน่อย" เพราะคุณแม่ไม่ถนัดดุลูก เลยวานคุณพ่อให้ช่วยดุพี่เสือ

พี่เสือวางช้อน ถามน้องเสียงอ่อนโยน "ต่ายอิ่มยัง ?"

น้องต่ายยิ้มแป้น แก้มนวลเนียนเป็นสีชมพูเรื่อ "หนูอิ่มแย้วจ้ะ"

พี่เสือเลยจุ๊บแก้มน้องแรงๆ แล้วลามไปที่หน้าผาก กับปากเล็กๆ นั่นด้วย

คุณพ่อครางในใจ เหมือนลูกเสือตัวน้อยเล่นกับลูกกระต่ายไม่มีผิด 

น่ารักที่สุด ลูกใครวะ! (คุณพ่อเห่อลูก)

คุณแม่ส่งสายตาเตือนมาให้คุณพ่อ ก่อนจะจับแยก
"ต่ายมากับแม่มา ไปแปรงฟันรอพี่นะครับ"

แค่นั้นแหละ! น้องกระต่ายที่ว่าง่ายมาตลอดก็แผลงฤทธิ์
"หนูจะไปกับพี่เฉือ!" 

กลายเป็นพี่เสือต้องปลอบน้อง "ต่ายไปนอนนะคับ รอพี่เฉือนะ"

น้องต่ายเช็ดน้ำตาป้อย ตาแดงเหมือนกระต่ายจริงๆ "พี่เฉือต้องมานะ ?"

"คับ" พี่เสือชูนิ้วก้อยให้สัญญา

ไม่มีใครรู้หรอกว่า... สัญญาเด็กๆ ในวันนั้น พี่เสือจะทำได้... และทำให้น้องไปตลอดชีวิต....




พี่เสือโดนคุณพ่อดุไปตามระเบียบ แต่ยังไงพี่เสือก็เชื่อว่าตัวเองไม่ผิด พอเถียงมากเข้า เลยโดนตี พี่เสือไม่ร้องไห้ เพราะคุณพ่อบอกว่าลูกผู้ชายต้องไม่ร้องไห้ ที่คุณพ่อตีเพราะสอน แต่น้องต่ายร้องไห้ได้ เพราะน้องต่ายเป็นข้อยกเว้น

พี่เสือเปิดประตูเข้าไปหาน้อง มุดขึ้นเตียงนอนที่คุณแม่อุตส่าห์สั่งทำให้เป็นรูปรถสุดเท่ห์ สีแดงกับสีน้ำเงิน แต่สองพี่น้องกลับนอนเตียงเดียวกันมาตลอดเสียนี่

"พี่เฉือ ?" น้องต่ายกระซิบ จำเสียงฝีเท้าพี่ชายได้ 

"จู่ว์" พี่เสือกระซิบกลับ จุ๊บหน้าผากนวล "พี่มาแย้ว"

"หนูกัว" น้องต่ายขดตัวเข้าหาพี่ชาย เพราะโตมากับคุณย่า น้องต่ายเลยแทนตัวเองว่า 'หนู' มาตลอด

"ไม่กัวคับ โอ๋ๆ"

"พี่หน่อยบอกว่า ตอนกางคืนมีปี๋" น้องฟ้อง น้ำตาคลอเบ้า จำได้ว่าตอนอยู่บ้านสวน พี่สาวเคยแกล้งเล่าเรื่องผีให้ฟัง

"โอ๋ๆ ปี๋มา พี่เฉือจาเตะกาเด็น!" สองมือป้อมๆ โอบกอดน้องแน่น กอดศีรษะเล็กกับอก 

ไม่ต้องสงสัยว่าน้องต่ายเชื่อพี่ชายหมดใจ เจ้าตัวเล็กขดตัวนอนในอ้อมกอดพี่เสืออย่างสบายใจ พี่เสือเองเมื่อเห็นลมหายใจน้องเป็นจังหวะดีแล้ว ค่อยเข้าสู่นิทราตามไป...


_____

คำ(ไม่)นำ

ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ เราชื่อ aimer ค่ะ

คืออาจจะคุ้นหน้าคุ้นตากันมาแล้วจากเล้า เรื่องนี้เคยลงมาก่อนแล้วที่เล้าค่ะ ส่วนที่นี่ ผู้เขียนเป็นคนลงเองค่า (ก๊อปแปะมาจากเล้าเลย...)

 

เป็นน้องใหม่ที่นี่ มีอะไรผิดพลาดไปต้องขออภัยด้วยนะคะ :D


สำหรับท่านที่สงสัย + ขอแปะเตือนไว้ก่อนนะคะ นิยายเรื่องนี้เป็นแนว Incest ค่ะ แปลตรงตัวคือ "การร่วมเพศกันในหมู่เครือญาติ"  เนื้อหาทางวิชาการคาดว่าคงได้ยินกันมาแล้วนะคะ คือในอดีตหมู่ชนชั้นสูงการแต่งงานกันในหมู่เครือญาติเป็นเรื่องสงวน เช่น ในสมัยอียิปต์โบราณ (ดูเพิ่มเติม  http://forum.banrasdr.com/showthread.php?tid=5567) แต่ปัจจุบันเป็นเรื่องต้องห้าม (Taboo) แต่อย่างว่าเนาะ... จะเอามาตราฐานของอีกยุคนึงไปตัดสินอีกยุคนึงไม่ได้.... ขอให้อ่านนิยายเรื่องนี้ด้วยความรู้สึกเดียวกันนะคะ

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว