คำทักทาย
“ถ้าผีไม่มีจริง และไม่มีใครเคยเห็น แล้วสิ่งที่เรากลัวมันคืออะไร”
เสียงฝีเท้าอันแผ่วเบาของชายหนุ่ม ปลิวมากับสายลมพร้อมกับใบไม้แห้งที่ร่วงอยู่เต็มพื้นถนน สองฟากฝั่งเป็นบ้านเรียงแถวยาวเต็มไปหมด ถนนเต็มไปด้วยความมืด มีเพียงแสงสว่างอันน้อยนิดจากโทรศัพท์มือถือชายคนนั้น มองดูดีดี เขาแต่งตัวดี ดูดีมีการงานที่ดีทำ แต่เพราะว่ารถเกิดมาเสียกลางทาง เลยจะเข้ามาขอความช่วยเหลือ แต่ดูวี่แววก็คงจะไร้ซึ่งผู้คน ไม่มีไฟที่เปิดตามถนน ไม่มีบ้านหลังไหนที่เปิดไฟ แว็บแรกที่เห็นเขาคิดว่าที่นี่คงเป็นหมู่บ้านร้าง แต่แสงไฟจากท้ายหมู่บ้านมันทำให้เขาคิดว่า ลองไปดูก็ยังดีกว่าอยู่ตรงนั้นคนเดียว
แสงไฟสาดส่องไปมา พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นเพื่อกลบเกลื่อนความกลัวที่เข้ามาครอบคลุมหัวใจในยามนี้ บรรยากาศรอบๆก็ไม่สู้ดีนัก
“นั่นใคร!!” แสงไฟที่สาดไปมากระทบกับสิ่งหนึ่งข้างในรั้วบ้านเข้า สิ่งตอบเขากลับมาคือความเงียบ
“มีใครอยู่ข้างหรือเปล่าครับ” เขาค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ๆประตูบ้าน สายตาสอดส่องเข้าไปในบ้าน ซึ่งตอนนี้เองความกลัวก็ได้คลืบคลานเข้ามาหาเขาแล้ว ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ๆ ตัวหนังสือที่หน้าบ้านยิ่งชัด “ดารารัตน์” ยังอ่านชื่อไม่จบก็มีเสียงกึกกักอยู่ในบ้าน
“ใครอยู่ในบ้าน” แสงไฟในบ้านที่ไม่มีก็เกิดติดๆดับ ซึ่งตอนนี้เขามั่นใจว่ามีคนอยู่ในบ้านแน่ ไม่รอช้า ด้วยความสงสัยมันทำให้ลืมความกลัวที่มี เขาเลื่อนประตูบ้านออก มันไม่ได้ล็อค
“เพล้ง!” เสียงดังออกมาจากในบ้าน หัวใจสั่นระรัว ความกลัวบังเกิด นี่มันเกิดอะไร เขารีบเดินเข้าไปเผื่อจะเจอใครสักพอได้อยู่เป็นเพื่อนในยามนี้ ประตูบ้านเปิดต้อนรับโดยที่อีกฝ่ายยังไม่คิดที่จะเข้าไป มันยิ่งเชื้อเชิญให้คนอยู่ข้างนอกอยากเข้าไป ทันที่ก้าวเข้าไปสิ่งที่เข้ามาทักทายคือกลิ่นที่เหม็นสาบอย่างกับอะไรที่เน่าได้ที่พอดิบพอดี ได้กลิ่นก็แทบอวก ใจนึงอยากออกไปให้พ้นๆ อีกใจก็อยากจะเข้าไปหาต้นตอของกลิ่นนั้น
“มีใครอยู่ไหมครับ” เสียงจากชายหนุ่มทักทาย ก่อนเท้าจะก้าวเข้าไปในบ้าน
“ช่วยด้วย” คลื่นเสียงอันแผ่วเบาผ่านร่างชายหนุ่มไป มันเย็นยะเยือกจนถึงขั้วหัวใจ ขนลุกซู่ไปทั้งตัวทำให้เขาถึงกับนิ่งไปสักพัก “ใคร เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” บุคคลข้างในบ้านยังยืนยันคำเดิม จนชายหนุ่มต้องตัดสินใจเดินเข้าไปหาต้นตอของเสียง แต่ต้องระมัดระวังในการเดินเพราะบัดนี้ไฟที่ติดๆดับมันก็ได้มืดสนิทแล้ว ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ที่มาของเสียงกลิ่นมันก็ยิ่งเหม็น จนต้องเอามือปิดปาก “คุณอยู่ตรงไหน” ไรเสียงตอบกลับ ยังเป็นคำว่า“ช่วยด้วย” ที่ยังบรรยายต่อไป
นั่น !!!!!! รอยเลือดเป็นทางยาวขึ้นไปที่บันได
“ตายแล้ว” คำอุทานที่กลั้นใจพูดแทนที่มันจะเป็นการวิ่งออกจากบ้าน ชายหนุ่มเขาเอามือแตะที่หน้าผากตัวเองเพราะรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างหยดใส่ น้ำสีแดงจากบันไดไหลเป็นทางยาวมาตามเพดานและหยดใส่เขาพอดิบพอดี ในใจของเขาตอนนี้คือคนนั้นอาจต้องการความช่วยเหลือก็ได้ เขาจึงรีบเดินไปที่บันได แต่ยังไม่ทันจะก้าวขึ้นแสงไฟมันก็ไปกระทบกับร่างหญิงสาวที่นอนอยู่บนรอยต่อของขั้นบันได สถาพนอนหงายคอหักลงระหว่างขั้นบรรได ดวงตาเบิกโพลงจ้องที่เขา ศีรษะด้านขวายุบ เลือดไหลนองเต็มขั้นบันได ทันทีที่เห็นชายหนุ่ม หญิงสาวก็ค่อยๆลุกขึ้น และเอื้อมมือมาหา ในขณะที่ชายยังยืนนิ่งราวกับต้องมนต์
“ช่วยด้วย” สภาพนี้คงไม่น่ารอดแต่เขากลับพูดได้ และมีชีวิต ชายหนุ่มถึงกับถอยกราก ความกลัวมันบีบหัวใจ
“ผีหลอก!!” ชายหนุ่มกะโกนลั่นหมู่บ้านก่อนวิ่งออกจากบ้านหลังนี้ไปโดยที่ไม่หันกลับมามองมันอีกเลย