เรื่องราวความรัก แน่นอน ทุกคนต้องผ่าน ต้องเคยประสบกับมันมามากมายหลายรูปแบบ ต่างเวลาต่างสถานที่ แต่สิ่งที่เหมือนกันคือเป็นช่วงเวลาที่มีความทรงจำที่ทุกคนอยากจะเก็บความทรงจำความรู้สึกเหล่านั้นไว้ในห้องเล็กๆไว้เป็นความมทรงจำที่ดี และเสี้ยวหนึ่งของความคิดความรู้สึกจะหวนคิดถึงมันอีกครั้ง แต่สำหรับบางคน ความรู้สึกนั้นมันผ่านมามากมายจนบอบช้ำเสียจนไม่น่าจดจำ
**** เป้าหมายที่ไม่มีจุดหมาย***
ความเงียบปกคลุมในรถทัวร์ที่กำลังมุ่งหน้าสู่ กรุงเทพฯ ความมืดสลัวในรถเพราะเป็นช่วงเวลาที่ใกล้สว่างแล้วทุกคนนอนหลับภายใต้ผ้าห่มที่ปรับเบาะที่นั่งเป็นการเอนลงสุดเพื่อให้นอนหลับสบาย แต่มีสายตาคู่หนึ่งที่เพ่งมองไปภายนอกของรถทัวร์ผ่านกระจกใส มองไปแบบไร้จุดหมาย ไร้ความรู้สึก สายตาที่บ่งบอกถึงความว่างเปล่าซึ่งไม่สามารถเดาได้เลยว่าเป็นความรู้สึกแบบไหน แต่ ใบหน้าคม ได้รูปที่ไม่มีร้อยเปื้อนยิ้มเลยยังเป็นอะไรที่น่ามอง คิ้วดกดำได้รูป จมูกโด่ง ตาโตปากเป็นรูปกระจับ แถมลักยิ้มที่ถึงแม้จะไม่ยิ้มก็ยังมังเห็นรอยบุ๋มที่แก้มทั้ง 2ข้าง ผิวสีแทนสไตล์คนทางภาคใต้ แน่นอน มันน่ามองมากมายสำหรับวัย 18 ปี
ไฟในรถสว่างขึ้นมันบ่งบอกว่าใกล้จะถึงจุดหมายปลายทางแล้ว ให้ทุกคนเตรียมตัว ทุกคนเตรียมตัว ลงจากรถ รถเข้าสู่สถานนีขนส่ง ผู้โดยสารลงจากรถ เพื่อเดินทางสู่จุดหมายปลายทางของแต่ละคน แต่สำหรับ .. เอ.. ที่เข้ามาในกรุงเทพ เป็นครั้งแรกในชีวิต ไม่มีญาติพี่น้องไม่มีใคร ไม่มีจุดหมายปลายทาง มีเพียงเป้าหมายและความหวัง สิ่งแรกที่เอคิดคือจะไปไหน จะทำอะไรที่ไหนดี เค้าเดินไปเรื่อยผ่านคนแปลกหน้ามากมายหลายคน ต่างคนก็เข้ามาถามว่าจะไปไหน ไปแท็กซี่มั้ย ไปรถตู้ไม่ จะไปไหน บางคนถึงกับมาดึงกระเป๋าไปช่วยถือให้ต้องพยายามดึงกลับ และพยายามเดินเลี่ยงออกมา ..เอ.. เดินมาเรื่อยผ่านถนนที่ไม่คุ้นตาเดินผ่านสะพาน เดินมาถึงสวนหย่อมที่มีขนาดใหญ่มากที่มีคนมากมายกำลังรอรถ มันวุ่นวายมันช่างรวดเร็ว เอนั่งลงตรงม้านั่งในสวน สักพักเพื่อคิดต่อไปว่าจะทำอย่างไรต่อดีจะไปที่ไหน จะทะอะไรดี นั่งคิดอยู่ตรงนั้นก็คิดไม่ออก และก็มีเสียงหนึ่งดังมาข้างหู .. น้องชายจะไปไหนเหรอ .. เอหันไปดูต้นเสียงเป็นชายวัยกลางคนแต่งตัวใส่เสื้อผ้าเก่าๆ เอก็ตอบไปว่าเพิ่งมาจากต่างจังหวัด เข้ามาหางานทำ และ เรียนต่อ แต่ยังคิดไม่ออกว่าจะไปที่ไหนดี พี่มีที่แนะนำผมมั้ย (เอ รู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้มาดีแน่นอน แต่ด้วยตัวเองไม่ได้มีของมีค่าอะไรเลย และที่สำคัญ ต้องหาที่นอนเพื่อจะได้หาทางออกต่อไปจึงต้องเสี่ยงกับมันสักตั้ง อย่างน้อยก็น่าจะมีที่นอน)
ชายแปลกหน้า.. มีซิ ไปกับพี่เลยเดี๋ยวพี่พาไปสมัครงานที่บริษัทจัดหางานแถวหัวลำโพง.. ชายคนนี้พูดขึ้นมา เอตอบ เอ..กลับไปทันทีว่าจะไปยังไงละพี่ผมไม่มีเงินสักบาทเลยครับ
ชายแปลกหน้า.. ไม่เป็นไรเดี๋ยวออกค่ารถให้ คนไทยด้วยกันต้องช่วยเหลือกัน
เอ..ได้ครับ ไปก็ไป
พอมาถึงหัวลำโพง ก็เดินไปที่ในซอยด้านหลังที่มันค่อนข้างเปลี่ยวและ มีห้องแถวเก่าที่เป็นบริษัทจัดหาคนไปทำงานในที่ต่างๆ ชายคนนั้นให้เอนั่งรอข้างนอกแล้วเข้าไปคุยกับผู้ชายในร้าน แล้วก็หันมามอง หน้า แบบต่อเนื่อง และเอก็สังเกตุว่าผู้ชายคนนี้ได้เงินไป 500 บาท เอคิดในใจว่ากูโดนขายเป็นสินค้าแล้วเหรอวะเนี่ย แล้วชายคนนี้ก็เดินมา
ชายแปลกหน้า.. น้องรอที่นี่นะ เดี๋ยวจะมีคนรวยๆเค้ามาเลือกคนไปทำงานด้วย น้องก็คอยไปว่าจะทำงานกับใคร นะ พี่ไปละ
สักพักเจ้าของบริษัทนายหน้าก็เรียกให้เข้ามา และขอบัตรประชาชน แต่ด้วยความที่ เอได้เตรียมตัวมาแล้วจึงบอกไปว่า
.เอ.. พี่ครับผมไม่มีเอกสารอะไรเลยครับ ผมหนีออกจากบ้าน มาหางานทำที่นี่ครับ
คนฟังท่าทางไม่สบอารมย์เท่าที่ควรเดินกลับเข้าไปพร้อมกับบ่น..กูจะเสียเงินดปล่ามั้นวะเนี่ย แม่งท่าทางจะทำงานหนักไม่ได้ซะด้วย โอ้ยย กรรมจริงๆ
ขณะที่เอนั่งรอที่หน้าร้านก็สังเกตุเห็นคนเดินเข้ามาอย่างต่อเนื่องเข้ามาชี้ๆแล้วก็จ่ายเงินแล้วก็ออกไป เหมือนกับเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับความรู้สึกข้างในของเอ ตอนนี้เหมือนกับตัวเองเป็นสินค้า แต่ก็ไม่มีทางเลือก เพราะอย่างน้อยก็มีที่นอน ละวะ อย่างอื่นค่อยว่ากัน สำหรับเด็กวัย 17 มันช่างคิดได้นะ ช่างกล้า แต่อีกมุมหนึ่งคือทางเลือกอื่นมีด้วยเหรอ สักพัก ก็มีผู้ชายท่าทางมีเงินเดินเข้ามาแล้วเลือกครอบครัวนึงไป แต่เจ้าของร้านชี้มาทางเอ และบอกว่า เฮียครับ เฮียเพ่มอีก 1000นึงผมแถมไอ้หน้าหล่อนั่นให้ไปด้วย เหลือมันอยู่คนเดียวแล้ว เฮียคนนั้นมองมาทางเอแล้วบอกไปว่าดูจากรูปร่างหน้าตาแล้วคงไม่ไหว แต่เจ้าของร้านก็พูดอีกว่าลดให้พิเศษเพิ่มอีก 600 ก็ได้ แถมให้ไปเลย เฮียคนนั้นมองหน้าแล้วหันมาทางเอถามว่าชื่ออะไร อายุเท่าไหร่เรียนจบอะไรมา เอก็บอกไปตรงว่า อายุ 17 จบมัธยมปลาย เออ ลองดูละกันถ้าไม่ไหวก็บอกนะ กูถือว่าช่วยมึงนะไอ้หล่อ แล้วการเดินทางครั้งที่ 2ก็เริ่มขึ้นอีกครั้งจากกรุงเทพ ตอนนี้ต้องเดินทางไปจังหวัดฉะเชิงเทรา ส่วนไปทำอะไรนั้นคอยติดตามตอนต่อไป