บทนำ
สายฝนโปรายปรายลงมาข้างนอกหน้าต่าง ลมอ่อนๆจากพายุฝนพัดเล็ดลอดเข้ามาข้างในห้องของหญิงสาวร่างบางที่ตอนนี้กำลังกระตือรือร้นในการอ่านอ่านหนังสือสอบวันสุดท้ายของมิทเทอม หลังจากที่สอบเสร็จเธอก็จะได้กลับบ้านไปหามารดาของเธอที่เมืองไทยซักที มินรดานักศึกษาแพทย์ปี5 ที่กำลังจะเรียนขึ้นปีจบในอีกหนึ่งปีข้างหน้า
จากมหาวิทยาลัยชื่อดังของปักกิ่ง เธอสอบเข้ามาที่นี้ได้เมื่อห้าปีที่แล้ว ที่จริงเธอก็แทบจะไม่ได้เรียนที่นี้เพราะค่าเทอมและค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และอีกอย่างเธอก็อยู่กับแม่กันเพียงสองคนเพราะพ่อของเธอเสียชีวิตจากอุบัติเหตุไปหลายปีแล้วทำให้ตอนนี้เธอใช้เงินเก็บจากตอนที่พ่อยังมีชีวิตอยู่แต่ก็ไม่รู้ว่าเงินเหล่านี้มันจะหมดไปเมื่อไหร่ แต่โชคยังดีที่เข้าข้างเธอเพราะคุณลุงณรงค์พัทรที่เคยเป็นเพื่อนของคุณแม่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยและได้รับเธอกับแม่ไปอยู่ด้วย
หลังจากที่เขาและภรรยาได้เลิกรากันไป ซึ่งเป็นอันว่าแม่ของมินรดาก็เข้าไปอยู่ในฐานะนายหญิงแต่ไม่ได้เป็นภรรยาของคุณณรงค์พัทรแต่ก็ยังมีคนไม่เข้าใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่อยู่ดีรวมไปถึง แอร์ พงศกร ศิริพิพัทรกุล ที่เป็นลูกชายคนโตของคุณณรงค์
แม้ว่ามินรดาจะย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้นแต่เธอกับคุณแอร์ก็ไม่เคยได้พบกันเลย เพราะเธอก็ต้องเดินทางไปกลับระหว่างไทยกับจีนอยู่เสมอรวมทั้งแอร์ พงศกร ก็มักจะไปหามารดาของเขาที่อังกฤษ แต่ใช่ว่าคนทั้งสองจะญาติดีกันเพราะ แอร์ พงศกร ไม่เคยมองมินรดาว่าเป็นน้องสาวเลย เขามักจะมองเธอในฐานะลูกโสเภณีด้วยซ้ำ
มิรดานั่งถอนหายใจดังเฮือกหลังจากที่นั่งอ่านหนังสืออยู่นาน จนพิมพิมลเพื่อนสาวที่สอบติดได้มาด้วยกันทักขึ้น
“เป็นอะไรอ่ะมิน ทำไมถอนหายใจเสียงดังจังคิดถึงแม่อยู่หรอ”
ผู้เป็นเพื่อนทักท้วงเพราะว่าหลังจากที่หกเดือนที่แล้วที่ทั้งสองมาที่นี้ก็ยังไม่มีโอกาสได้กลับไปที่ไทยเลย เพราะยุ่งเกี่ยวกับการเรียนและอ่านหนังสือสอบอีกหน่อยก็ใกล้จะจบแล้วทำให้เวลาของทั้งคู่เลยไม่ค่อยมี
“ก็ไม่เชิงหรอกจ้ะ คิดถึงบ้านก็คิด แต่พอคิดดูแล้วก็ไม่อยากกลับยังไงไม่รู้”
มินรดาหันหน้ามาหาพิมพิมลที่นั่งอยู่ข้างหลังตน แล้วถอนหายใจอีกครั้ง
“เรื่องของคุณแอร์รึปล่าวที่ทำให้มินไม่อยากกลับ”
เพื่อนสาวเอ่ยชื่อคนที่คิดว่าตอนนี้เธอน่าจะหนักใจมากที่สุดเพราะเพื่อนๆในกลุ่มก็ต่างรู้ว่า แอร์ พงศกรไม่ชอบมินรดาแค่ไหน
“อื้อ ก็ประมาณนั้นแหละ พอคิดว่าต้องกลับไปเจอหน้าเขาอีกตั้งหลายเดือนก็ไม่อยากกลับไปเลย”
มินรดาตัดพ้อกับชีวิตของตัวเธอเอง
“ไม่เอาหน่ายัยมิน กว่าจะได้กลับบ้านนี่พวกเราก็ต้องลับมาเรียนต่ออีกจะไปเศร้ากับคนๆเดียวทำไมกลับบ้านรีบตักตวงความสุขไว้ให้มากๆแล้วกลับมาลุยต่อที่โรงพยาบาลกัน”
พิมพิมลปลอบใจเพื่อนสนิทให้หายกังวล
สองวันถัดมา
ณ คฤหาสน์ศิริพิพัทรกุล
มิรดาลงมาจากรถพร้อมกับถุงของฝากที่เธอซื้อมาจากเมืองจีน ทันใดนั้นคุณหญิงจินรดาเมื่อเห็นรถแล่นเข้ามาหยุดที่หน้าบ้านก็รีบวิ่งออกไปต้อนรับลูกสาวพร้อมกับคนใช้อีกสองคน
“กลับมาแล้วลูกแม่มากอดให้แม่หายคิดถึงหน่อยซิ”
จินรดารีบโผล่เข้าไปกอดลูกสาวด้วยความคิดถึงพร้อมบอกให้สาวใช้ฝาแฝดอีฟอ้อยเอากระเป๋าของมินรดาขึ้นไปเก็บไว้ที่ห้อง
“มินก็คิดถึงแม่เหมือนกันค่ะ นี้รู้ไหมว่ารหว่างทางมามินคิดถึงแกงส้มฝีมือแม่ม๊ากมาก อยู่ที่นั้นได้กินแต่อะไรก็ไม่รู้ ไม่อร่อยเท่าอาหารฝีมือแม่เลย”
มินรดาอ้อนจินรดาฝ่ายผู้เป็นแม่ หญิงสาวซบอกผู้มารดาก่อนจะหอมแก้มไปอีกฟอดใหญ่
“หืม เดียวนี้หัดขี้อ้อนนะเรา มาๆเดียวแม่จะทำแกงส้มต้อนรับคุณหมอกลับบ้านดีไหม”
จินรดาลูบหัวมินรดาอย่างเอ็นดูก่อนที่ทั้งคู่จะพากันเดินเข้าไปข้างในบ้าน เพื่อไปพบกับเจ้าของบ้านนั้นก็คือณรงค์พัทรผู้ซุึ่งมีพระคุณต่อเธอและแม่
“อ้าวยัยหนูมิน กลับมาถึงแล้วหรอลูกแหม่ลุงก็มัวแต่เซ็นเอกสารในห้องทำงานเพลินจนลืมไปเลยว่าวันนี้หนูมินกลับมา”
ณรงค์พัทรกล่าวต้อนรับมินรดาด้วยความเอ็นดู
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณลุง แค่นี้ก็รบกวนคุณลุงจะแย่อยู่แล้ว”
มินรดากล่าวอย่างถ่อมตัว ทำให้ฝ่ายผู้เป็นลุงหัวเราะดัง
“ฮ่าๆรบกวนอะไรกันละหนูมิน เราก็ครอบครัวกันทั้งนั้น แล้วนี้ทานอะไรมาหรือยังละ”
ณรงค์พัทรเอ่ยถามมินรดาขึ้นเพราะเห็นเดินทางมาไกล แต่เป็นจินรดาที่ตอบแทนเธอ
“ยังเลยค่ะคุณ นี้กะว่าจะไปทำแกงส้มมาให้ทานเห็นบ่นตั้งแต่ลงมาจากรถแล้ว”
จินรดาเอ่ยป่นหัวเราะเป็นเชิงขบขัน
“เอาๆ งั้นไหนๆวันนี้ก็จะเข้าครัวเองเราก็มาทำอาหารต้อนรับนักศึกษาแพทย์จากเมืองจีนกลับมาบ้านหน่อยดีไหมอีกหน่อยตาไอซ์กับยายออมสินก็น่าจะกลับมาแล้ว จะได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันซักที”
ณรงค์พัทรได้บอกให้คนใช้ในบ้านจัดเตรียมอมาหารและสถานที่ตกแต่งสวนหลังบ้านให้สวยงามเพื่อเป็นการเลี้ยงฉลองต้อนรับมินรดาในคืนนี้
พอหญิงสาวพูดคุยกับณรงค์พัทรเสร็จเจ้าตัวก็ตรงดิ่งขึ้นไปยังห้องนอนของตนทันทีพร้อมกับทิ้งตัวลงสัมผัสกับฟูนุ่มๆที่คิดถึงมานาน
เนื่องจากวันนี้เธอเดินทางมาเหนื่อยทั้งวันยังไงก็ขอนอนหลับเอาแรงหน่อยละกัน เพราะเดียวคืนนี้คงจะอยู่ต่ออีกยาวกับงานเลี้ยงที่จัดขึ้น มิรดาคิดเพลินไปมาซักพักก็ผล็อยหลับไป
จนเวลาล่วงเลยมาถึงหกโมงเย็น เธอถึงได้ตื่นจากความหลับใหลเพราะเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“มินๆ เปิดประตูให้พี่หน่อยสิ”
เสียงใสๆเล็ดลอดผ่านเข้ามา ทำให้เจ้าของร่างที่กำลังงัวเงียจากการตื่นนอนรีบลุกขึ้นไปเปิดประตูให้
“เย้ ยัยมินของพี่กลับมาแล้ว”
ออมสิน พัทรชรา ลูกสาวคนรองของตระกูลศิริพิพัตรกุล โผล่งเข้ากอดน้องสาวต่างแม่พร้อมกลับหอมแก้มฟอดใหญ่ด้วยความคิดถึง
“มินก็คิดถึงพี่เหมือนกันค่ะ อยู่ที่นั้นเหงามากๆเลยด้วย”
ออมสินห่างจากเธอห้าปีหลังจากที่เธอกับแม่ย้ายเข้ามานี้เธอก็มาดูแลมินรดาตลอดเธอไม่เคยรังเกียจมินรดาเลยซักครั้ง
เธอรักมินรดาเหมือนน้องสาวแท้ๆ เพราะตัวเธอเองก็เป็นผู้หญิงคนเดียวภายในบ้าน การที่จะมีเพื่อนรุ่นเดียวกันมาเล่นด้วยนั้นก็ค่อนข้างยาก เพราะเธอและพี่ชายต้องเดินทางไปทำธุรกิจกับคุณพ่อเสมอทำให้การที่มินรดาเข้ามาก็เหมือนเป็นส่วนเติมเต็มให้ออมสินได้พูดคุยและแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องผู้หญิงเสมอ
“ได้ข่าวว่าวันนี้คุณพ่อจะจัดงานเลี้ยงให้มินนี้รีบไปแต่งตัวดีกว่า อีกหน่อยเจ้าไอซ์คงกลับมาจะได้เจอมินตอนสวยๆไง”
ออมสินผลักมินรดาให้เข้าไปแต่งตัวในห้องพร้อมกับหยิบชุดที่ตนนำมาจากร้านที่เป็นเบรนของตนเองเพื่อนำมาให้มินรดาได้ใส่ในงานคืนนี้ด้วย
มินรดารับชุดมาอย่างเกรงใจ เพราะออมสินดูแลเธอมาตลอด ประมาณสองทุ่มเศษๆมินรดาก็ออกมาจากห้องสามทุ่มงานก็จะเริ่มเธอจึงตั้งใจว่าจะเดินไปหาออมสินที่อยู่ห้องอีกฝั่งแต่ก็ต้องหยุดชะงักด้วยเสียงทักทายของใครบางคน
“มิน กลับมาแล้วหรอพี่คิดถึงจัง”
ไอซ์ พีรกรลูกชายคนเล็กของตระกูลที่เพิ่งกลับมาจากทำงานบริษัทที่ตอนนี้เขาเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อันดับต้นๆของประเทศ
“อ้าวพี่ไอซ์นี้เอง กลับมาแล้วค่ะ”
มินรดาส่งยิ้มทักทายทำเอาคนที่ได้รับรอยยิ้มเขินจนหูแดง มินรดาเลยหลุดหัวเราะออกมา
“หัวเราะอะไรละเรา ก็พี่ทำตัวไม่ถูกนี่น่าไม่ได้เจอกันตั้งหลายปี”
ไอซ์ แก้ตัวด้วยความเขินอาย เขาไม่เคยคิดกับมินรดาแค่น้องสาวเลย ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาพบเธอเขาก็ได้รู้ว่าใจของเขามันอยู่ที่เธอไปแล้ว
“ก็ทำตัวเหมือนเดิมนั้นแหละค่ะพี่ไอซ์ ว่าแต่พี่ไอซ์กลับมาจากทำงานเหนื่อยๆเราไปหาของกินข้างล่างดีไหมค่ะ”
มินรดาเอ่ยชวนชายหนุ่ม ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินลงมาถึงสวนหลังบ้านที่ตกแต่งอย่างสวยงาม
เสียงไวโอลีนที่กำลังบรรเลงเพลงคลาสสิคของฝรั่งเศษก็ยิ่งทำให้บรรยากาศโรแมนติกมากขึ้นทั้งคู่เดินเข้าไปทักทายผู้ใหญ่ที่ณรงค์พัทรเชิญมาร่วมงานวันนี้ด้วย
ทุกคนในงานต่างชมว่ามินรดาสวยเหมือนจินรดาเลยใครได้เป็นภรรยาคงโชคดีมากๆ มินรดาได้แต่ยิ้มแทนความเขินอาย
หลังจากนั้นมินรดาและไอซ์จึงขอปลีกตัวออกมาจากงานเลี้ยงแล้วไปนั่งพูดคุยกันที่ริมสระสองคน
“เป็นไงบ้างเรา เรียนที่นั้นสนุกไหม”
ไอซ์ พีรกร เอ่ยถามข่าวคราวของหญิงสาวเพราะหลังจากที่เธอไปเรียนต่อทั้งสองคนก็แทบจะไม่ได้พูดคุยกันเลยอาจจะมีบางเวลาที่ไอซ์ไลน์ไปหาแล้วมินรดาว่างก็จะมาตอบแต่เขาก็เข้าใจดีว่าหญิงสาวเรียนหนักในบางครั้งก็ไม่อยากจะรบกวนเวลาที่เธอจะได้พักผ่อนซึ่งมันก็แทบจะไม่มีด้วยซ้ำ
“ก็เรื่อยๆแหละค่ะ มีสนุกบ้างเครียดบ้างเป็นธรรมดาแต่กลับมาครั้งนี้ก็คงดีหน่อยเพราะได้อยู่นาน”
หญิงสาตอบด้วยรอยยิ้มก่อนที่ทั้งคู่จะหันมาสบตากันแล้วก็เงียบไป
“มิน พี่มีเรื่องอยากจะบอก”
ไอซ์เอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ
“เรื่องอะไรหรอค่ะ”
มินรดาถามด้วยความสงสัย ที่จริงก็ไม่เชิงสงสัยหรอกเพราะเธอก็รู้อยู่แล้วว่าไอซ์คิดยังไงกับเธอพราะเธอเองก็แอบมีความรู้สึกดีๆกับเขาเหมือนกัน
“เอ่อ คือ พี่ !!! พี่ ชะ...ชอ”
ยังไม่ทันที่ไอซ์จะพูดจบเสียงปรบมือจากทางด้านหลังของคนทั้งคู่ก็ดังขึ้น มินรดาหันไปมองทางต้นเสียงหลังจากนั้นเธอก็สะดุ้งด้วยความตกใจ
“คุณแอร์”
มินรดาเอ่ยขึ้นเมื่อเจอร่างสูงที่อยู่ภายใต้ชุดสูทสีดำเรียบสนิทเดินตรงดิ่งเข้ามาทางเธอ พร้อมกับบอดี้การด์อีกสองคน
“ใช่ ฉันเอง แหม่ทำเป็นตกใจไปได้ เจอหน้าพี่ชายอย่างฉันแล้วไม่พอใจหรอ ไม่เจอกันนานคิดถึงกันบ้างหรือเปล่าละ ฮึ”
แอร์แสยะยิ้มก่อนจะเดินเข้ามากระชากแขนของมินรดา
“โอ้ย !! คุณแอร์ค่ะมินเจ็บนะคะ”
มินรดาร้องขึ้นเมื่อถูกกระชากแขนอย่างแรง
“พี่แอร์ ปล่อยน้องเถอะครับอย่ามาหาเรื่องมินรดาเลย”
ไอซ์รีบเดินเข้าไปหามินรดาที่ถูกแอร์กระชากแขนอย่างแรง
“ก็ไม่มีอะไร กูแค่อยากทักทายลูกเมียใหม่พ่อกูไง กลับมาทั้งทีเชิญแต่คนอื่นไม่เชิญกูบ้างเลยนะ แต่ที่จริงไม่จำเป็นต้องเชิญก็ได้เพราะที่นี้ยังไงก็บ้านกูและอีกอย่าง คนนอกไม่ควรเสือกเข้ามาอยู่นี้อยู่แล้ว”
แอร์บีบแขนของมินรดาแรงขึ้น จนไอซ์ที่เห็นทนไม่ได้ไปกระชากร่างของเธอออกมา
“พี่เลิกหาเรื่องเธอดีกว่านะผมว่า ยังไงซ่ะเธอก็เป็นน้องสาว”
“มึงอย่าลืมสิที่แม่ต้องออกจากบ้านไป เพราะสองแม่ลูกพวกนี้”
แอร์กระซิบที่ข้างหูของไอซ์ก่อนจะผละตัวเดินออกมาพร้อมบอดี้การด์สองคน ไอซ์ได้แต่ยืนนิ่งเงียบมันก็เป็นเรื่องจริงที่หลังจากแม่ออกไปน้าจินรดากับมินรดาก็ถูกย้ายเข้ามาทันที ทำให้ผู้เป็นแม่ของตนต้องไปอยู่ที่อังกฤษ
“พี่ไอซ์เป็นอะไรรึเปล่าค่ะ ทำไมนิ่งอย่างนั้น”
มินรดาเอ่ยถามผู้เป็นพี่ชายเมื่อเห็นไอซ์นิ่งนานไป
“อ่อปล่าวครับน้องมิน พี่ว่าเราเข้าไปในงานเถอะกลัวคุณพ่อกับคุณน้าจะตามหา”
พูดจบไอซ์ก็จูงมือของมินรดาเข้าไปในงานและระหว่างทางก็ได้ผ่านหน้าของแอร์ทำให้มินรดาได้แต่ก้มหน้า
ส่วนแอร์เขาคิดในใจไว้อยู่แล้วว่ายังไงซ่ะ เขาจะต้องแก้แค้นไล่สองแม่ลูกนี้ออกไปจากบ้านให้ได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ยอม
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“คุณมินคะคุณมิน”
เสียงของสาวใช้ดังขึ้น มินรดาจึงรีบลุกไปเปิดประตู
“อ้าวอีฟมีอะไรหรือเปล่าจ้ะ”
มินรดาถามคนตรงหน้าด้วยความงัวเงีย เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาสองโมงเช้าแล้วเธอก็พึ่งจะนอนไปช่วงตีสามทำให้รู้สึกนอนไม่เต็มอิ่มซักเท่าไหร่
“เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ คุณไอซ์กับคุณแอร์ทะเลาะกันอยู่ข้างล่างตอนนี้ทั้งบ้านเหลือแค่คุณมินคนเดียวแล้วค่ะ”
สาวใช้รายงานด้วยอากาศหอบจากการวิ่งขึ้นมาตามผู้เป็นนาย
“ห้ะ !!! อะไรนะอีฟสองคนนั้นทะเลาะกันแล้วคุณลุงละ”
มินรดาถามด้วยความตกใจ เพราะเธอเองก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปห้ามแล้วอีกอย่างเช้าๆแบบนี้ปกติคุณลุงก็จะอยู่ที่บ้าน
“คุณผู้ชายกับคุณจินรดาออกไปทำธุระข้างนอกค่ะ พอคุณแอร์กลับมาจากบริษัทก็มาอาละวาทใหญ่เลยค่ะ”
อีฟตอบผู้เป็นนายอย่างรวดเร็ว มินรดารีบก้าวเท้าออกจากห้องแล้ววิ่งลงมาที่ชั้นล่างของตัวบ้าน พร้อมกับตรงไปที่ห้องรับแขก ภาพแรกที่เธอเห็นคือแอร์กำลังใช่แจกันฟาดเข้าที่หัวของไอซ์อย่างจัง
“อย่าคะคุณแอร์”
เพล้ง !!!!
มินรดาตะโกนห้ามแต่ไม่ทันจะจบประโยค แจกันที่อยู่ในมือของแอร์ได้ลงมากระทบกับศรีษะของไอซ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“พี่ไอซ์”
มินรดาตรงดิ่งเข้าไปหาไอซ์ด้วยความตกใจที่ตอนนี้มีเลือดใหลออกมาทางศรีษะเป็นจำนวนมาก
อีฟสาวใช้ภายในบ้านเมื่อเห็นเหตุการณ์แบบนี้ก็รีบวิ่งไปหาอุปกรณ์ทำแผลอย่างรวดเร็วเพราะดูจากแรงที่แอร์ฟาดลงที่ไอซ์แล้วคงจะเป็นแผลไม่ใช่น้อย
“นี้เธอจะเข้ามายุ่งทำไม”
แอร์กระชากร่างของมินรดาที่กำลังประคองไอซ์ออกมา มินรดามองหน้าคนตรงหน้าดวยสายที่หมดอาลัยตายอยากส่วนไอซ์เมื่อเห็นว่าแอร์จับแขนมินรดาอยู่ก็ใช่มือประคบศรีษะของตนก่อนจะรีบพุ่งไปดึงตัวมินรดากลับมา
“ปล่อยน้องมินนะ แกไม่สมควรจะมาจับตัวเธอ”
ไอซ์สบถด่าพี่ชาย แอร์หัวเราะในลำคอก่อนจะแสยะยิ้มออกมา
แอร์ดึงร่างของมินรดากลับคืนมา
“ทำไมกูจะจับไม่ได้วะ กูทำได้มากกว่าจับแขนอีก จับนม จับตูด ถ้ากูอยากจับกูทำได้”
"มึงอย่ามาพูดจาเหี้ยๆใส่น้องมินแบบนี้ มึงมันไม่ใช้ผู้ชายมึงแม่งโครตเลว"
"น้องมึงวิเศษยังไง ทำไมกูจะพูดไม่ได้ อย่าว่าแต่พูดเลยถ้ากูอยากเอาทำเมียใครก็ห้ามไม่ได้เว้ย"
"ไอ้แอร์ มึง"
ไอซ์ที่กำลังเดือดจัดกำลังจะตรงดิ่งเข้าไปชกที่หน้าของแอร์พวกคนใช้ที่อยู่ในเหตุการ์ณจึงรีบเข้ามาจับตัวห้ามไว้
“พี่ไอซ์ใจเย็นๆก่อนนะคะ ส่วนคุณแอร์ปล่อยมินเถอะค่ะมินเจ็บ”
มินรดาพยายามบิดข้อมือของตนให้ออกจากนิ้วของคนร่างสูงที่กำลังบีบข้อมือเธออย่างแรง
“หึ เจ็บหรอมินรดาทำไมเธอไปช่วยไอ้ไอซ์มันละ เธอเสือกอะไรด้วย”
แอร์กระตุกข้อมือมินรดาอีกครั้งพร้อมกับตะคอกใส่จนมินรดาน้ำตาคลอเบ้า
“ปล่อยมินนะ มึงห้ามแตะต้องมินเด็ดขาด”
ไอซ์ทนไม่ไหวจึงรีบแย่งร่างของมินรดาคืนมาก่อนจะโผล่งต่อยเข้าที่หน้าของแอร์
“พี่ไอซ์ พอเธอค่ะ”
มินรดาห้ามไอซ์ที่กำลังจะตรงดิ่งเข้าไปชกแอร์อีก
แอร์หันหน้ากลับมาพร้อมกับสวนหมัดเข้าที่ใบหน้าของผู้เป็นน้องสามที
“มึงจำไว้นะไอ้ไอซ์ กูพี่มึงและที่มึงต้องเป็นแบบนี้เพราะมึงเลือกที่จะอยู่ข้างสองแม่ลูกพวกนี้กูจะไว้ชีวิตมึงแล้วกันแต่ถ้ามึงยังคิดจะเข้ามายุ่งกับเรื่องที่กูกำลังทำอยู่แล้วละก็ กูไม่รับประกันนะว่ามินรดาของมึงจะยังปลอดภัยให้มึงอยู่”
พูดจบชายหนุ่มก็เดินออกมาจากห้องรับแขกแต่ยังไม่วายหันไม่มองหน้ามินรดาพร้อมกับเอ่ยขึ้นสั้นๆว่า
“แล้วเธอกับฉันจะได้เห็นดีกัน”