LOVE อยากบอกว่ารัก
Intro
เมื่อเด็กน่าตาน่ารักอย่าง “ฟรอย” ต้องย้ายมาเรียนโรงเรียนนักเลง ทำให้ฟรอยได้เจอกับ “ค็อฟ” คนที่เป็นหนึ่งในสามจัตุเทพแห่ง เซนต์ ควอเรียล แถมเขายังล่วงรู้ความลับที่ฟรอยปกปิดคนอื่นมานานอีกด้วย
เรื่องราวแสนวุ่นวายที่ทำให้ฟรอยถึงกับอยากผูกคอตายใต้ต้นตะไคร้กำลังจะเริ่มขึ้น
แนะนำตัวละคร
ฟรอย: เด็กหนุ่มหน้าตาน่ารัก เขามีพลังพิเศษบางอย่างที่ไม่อาจให้ใครล่วงรู้ได้..แม้แต่ครอบครัว
ค็อฟ: ผู้ชายที่แสนเย็นชาแต่ร้ายกาจ เขาเป็นมาเฟียตัวพ่อแถมยังเป็นหนึ่งในสามจตุเทพแห่ง เซนต์ ควอเรียลอีกด้วย
โคนิ: หนึ่งในสามจตุเทพ เขาเป็นหนุ่มขี้เล่นนิดๆ แต่เก่งเรื่องการวางแผนชอบแกล้งคนอื่นเป็นชีวิตจิตใจ
เซฟ: ผู้ชายแสนดีในสายตาของคนรอบข้างแต่หารู้ไม่ว่าธาตุแท้ของเขาร้ายยิ่งกว่าเสือสมิงซะอีก หนึ่งในสามจตุเทพอีกเช่นเคย
ตอนที่ 1 การพบเจอที่(ไม่)น่าประทับใจ
Part:Froy
“อะไรนะครับแม่!” เสียงของผมดังขึ้นหลังจากประโยคที่ไม่
เข้าหูออกมาจากปากผู้เป็นแม่ “แม่บอกว่าลูกต้องย้ายโรงเรียนไงจ๊ะ” แม่ถอนหายใจแรงเหมือนรำคาญที่ผมถามซ้ำ ผมได้ยินเต็มสองหูแต่ผมคิดว่าแม่อาจพูดผิดหรืออะไรก็แล้วแต่ นี่ผมย้ายโรงเรียนมาสิบกว่าครั้งแล้วนะ เพราะพ่อกับแม่ต้องทำงานทำให้ต้องเดินทางไปโน่นไปนี่บ่อยๆเลยพลอยหิ้วผมไปด้วย ก็ผมเป็นลูกคนเดียวพวกท่านเลยไม่อยากฝากผมใว้กับใครละมั้ง ทั้งที่ผมเป็นผู้ชายแท้ๆพวกท่านยังจะกลัวอะไรอีกผมดูแลตัวเองได้แล้วนะ “ทำไมล่ะครับ ผมโตแล้วนะผมสามารถอยู่คนเดียวได้แล้ว พ่อแม่ไม่ต้องห่วงหรอก” ผมก็โตแล้วจริงๆนะตอนนี้ก็อายุ 18แล้วด้วย ไม่เข้าใจพ่อกับแม่สักนิดชอบทำเหมือนผมเป็นเด็กอยู่ได้ “ไม่ห่วงได้ไงหัดสองกระจกดูหน้าตัวเองซะบ้างสิคุณลูกสาว” อีกแล้วอ่ะ แม่ชอบเรียกผมว่าลูกสาวตลอดเลยจนตอนนี้ใครๆก็คิดว่าผมเป็นตุ๊ดกันหมดแล้ว เคยบอกให้เลิกพูดแล้วแท้ๆแต่คำตอบที่ได้มามันทำเอาผมอยากกลับมาเกิดใหม่เลย ‘ไม่ได้หรอกฟรอย มันติดปากแล้วจ๊ะ’ ผมก็ไม่ได้สวยอะไรเลยแท้ๆแค่ตัวเล็ก ปากรูปกระจับเป็นสีแดงอมชมพู ผิวก็ขาวยิ่งกว่าA4แถมตายังกลมโตอีก บอกแล้วผมไม่สวยเลยสักนิด “แต่ผมไม่อยากย้ายแล้วอ่ะ อุตส่าได้เพื่อนตั้งเยอะแล้ว” ผมทำแก้มป่องแบบงอนๆใส่แม่ แม่ทำได้แค่ถอนหายใจเป็นรอบที่สองแล้วลุกมานั่งข้างๆผม “ครั้งนี้งานใหญ่นะฟรอย แม่ขอล่ะแค่ 8เดือนเอง” มือที่อบอุ่นเสมอของแม่ถูกยกขึ้นมาทาบบนหัวผมแล้วลูบเบาๆ “แต่ว่าผม…” เสียงของผมสั่นนิดๆทั้งที่เหตุการณ์แบบนี้ก็เกิดมาหลายครั้งแล้วแต่ผมกลับไม่เคยชินสักที “แม่รู้ว่าลูกรู้สึกยังไง แต่แม่ทำเพื่ออนาคตของลูกนะฟรอย” แม่ดึงผมเข้าไปกอดแล้วจุ๊บที่หน้าผากผมเบาๆ ผมเข้าใจว่าแม่ทำเพื่อผมแต่ผมก็อยากลองใช้ชีวิตอยู่คนเดียวเหมือนเด็กคนอื่นๆบ้าง “ก็ได้ครับ ผมจะย้าย” ผมซุกหน้าเข้าหาอกอุ่นของแม่ก่อนจะปล่อยให้น้ำตาที่กลั้นใว้ไหลออกมาพร้อมเสียงสะอื้นที่ไม่สามารถกลั้นใว้ได้อีก ไม่อยากไปเลยผมไม่อยากเหงาอีกแล้ว
ที่ที่ผมย้ายมาคือกรุงเทพแถวสุขุมวิทห่างจากสุพรรณไม่มากก็น้อย จะมองไปทางไหนก็มีแต่สถานที่บรรเทิงทั้งนั้น ไม่รู้ว่าแม่กับพ่อมาทำงานอะไรแถวนี้ แต่ดีหน่อยที่แม่จองห้องในโรงแรมใว้ทำให้ไม่ต้องไปเช่าห้องอยู่ “โรงเรียนใหม่เป็นแบบใหนหรอครับ” ผมถามแม่ขึ้น ตอนนี้พวกเราอยู่ในรถเบนซ์สีดำซึ่งมีแม่เป็นคนขับเพื่อพาผมมุ่งสู่โรงเรียนแห่งใหม่ “ไม่รู้สิจ๊ะ พ่อเขาเลือกให้น่ะ” แม่ยิ้มให้ผมผ่านกระจกหน้าแล้วหันไปตั้งใจขับรถต่อ เป็นแบบนี้ทุกครั้งพ่อมักจะเป็นคนเลือกโรงเรียนให้ผมตลอด แถมยังมีแต่โรงเรียนลูกผู้ดีอีกผมเจอผู้คนหลากหลายแบบในสิ่งแวดล้อมของพวกคนรวย เย่อหยิง เห็นแก่ตัวหรือชอบใช้เงินฟาดหัวพวกที่ด้อยกว่า โดยเฉพาะพวกเด็กทุนที่มักถูกแกล้งอะไรแรงๆถึงพวกอาจารณ์จะรู้แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะหลงในความโลภมากของเงินตรา
“ถึงแล้วจ๊ะ” ผมมองโรงเรียนแห่งใหม่อย่างไม่เหลือเชื่อ มันจะใหญ่ไปมั้ยเนี่ย “แม่ครับ เรามาถูกที่รึเปล่า” ผมหันไปถามผู้เป็นแม่ให้แน่ใจ แม่แค่ยิ้มบางมาให้แล้วเดินนำหน้าเข้าไปข้างในตึก
ข้างในมีเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงหลายอย่างแถมยังตกแต่งภายในด้วยลวดลายดอกไม้อย่างสวยงาม “ยินดีต้อนรับครับ” ผู้ชายที่ยื่นอยู่หน้าเคาว์เตอร์ทักขึ้นด้วยรอยยิ้ม นี่มันโรงเรียนหรือโรงแรมครับ “มีอะไรให้รับใช้ครับ” แม่หยิบเอกสารที่ต้องใช้ออกมาวางบนเคาว์เตอร์ “อยากรู้ว่าหอต้องไปตึกไหนจ๊ะ เด็กคนนี้พึ่งย้ายมาน่ะ” พี่ที่ยืนหน้าเคาว์เตอร์ตรวจอะไรบนคอมสักพักก็บอกทางให้ผมเดินไปตึกสีฟ้าอ่อน “แม่ส่งลูกแค่นี้น่ะต้องไปทำงานต่อน่ะ” แม่พูดเสร็จแล้วใช้มือลูบหัวผมก่อนเดินจากไปทิ้งให้ผมยืนมองตึกตรงหน้าอยู่คนเดียว ผมเดินลากกระเป๋าเข้าไปด้านในแล้วขึ้นลิฟต์ตรงไปยังชั้นสามซึ่งเป็นชั้นบนสุดของตึกนี้
ผมเดินมาหยุดที่หน้าห้อง 301ด้วยหัวใจที่เต้นเร็วนิดๆ ทุกคนก็ต้องเคยเป็นสิครับอาการแบบนี้น่ะ ตื้นเต้นสุดเลยไม่รู้ว่ารูมเมทผมจะเป็นคนยังไง “ขอให้เป็นคนดีๆด้วยเถอะ” ผมยกมือสาธุก่อนใช้คีย์การ์ดที่พึ่งได้มารูดเข้าช่องแล้วหมุดลูกบิดเปิดประตูเข้าไป “เชี่ย!” ผมอุทานอย่างตกใจเมื่อเปิดประตูเข้ามา สิ่งที่ผมเห็นคือผู้ชายคนหนึ่งกำลังเล่นจ้ำบ๊ะกับ..ผู้ชายด้วยกันเอง! “คะ..ใครน่ะครับ อ๊ะ” ชายที่อยู่ด้านล่างครางเบาๆพร้อมกอดคอคนด้านบนแน่น แต่คนด้านบนกับไม่พูดอะไรเอาแต่ขยับสะโพกสอบใส่คนด้านล่างอย่างรุนแรง “อะ..อ๊า..อื้ออืมม” เสียงครางของคนที่โดนกระแทกอยู่ทำเอาผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ นะ..นี่มันอะไรกันไม่อายฟ้าอายดินก็น่าจะอายผมบ้างสิ เล่นมาทำอะไรกันต่อหน้าผมแบบนี้มัน… “อ่ะ..อ๊าาาา” เสียงครางอย่างมีความสุขของคนด้านล่างทำให้ผมรู้ว่ากิจกรรมในร่มได้จบลงแล้ว “ออกไป” ร่างสูงยืนขึ้นแล้วเอ่ยปากไล่ร่างเล็กทันที “คะ..ครับ” ร่างเล็กรีบใส่เสื้อผ้าแบบลวกๆแล้วเดินชนไหล่ผมออกไป ผมคงเข้ามาขัดจังหวะมากเลยสินะ ชิ เล่นมาทำกันแบบนี้ใครมันจะไปรู้เวลาเล่า “หน้าด้าน” เอ๋ เมื่อกี้ว่าอะไรนะ “นะ..นายว่าไรนะ” ผมหันไปถามร่างสูงที่ยืนอยู่ในห้องซ้ำเผื่อผมอาจจะหูฝาดก็ได้ อีกฝ่ายทำเพียงหันหลังให้ผมแล้วใช้ผ้าขุนหนูผืนสีดำพันช่วงล่างของตัวเองเท่านั้น “ดูคนอื่นเขาเอากันเรียกว่าไรดีล่ะ หึ” เขาทำเพียงแค่ยิ้มมุมปากแล้วเดินเข้าห้องที่มีป้ายแขวนหน้าห้องว่า ‘อย่ายุ่ง’ นั่นคงเป็นห้องของเขาสินะ ผมยืนอยู่ที่เดิมสักพักก่อนจะยกกระเป๋าของตัวเองเข้าห้อง เมื่อกี้ผมไปยืนเอ๋อทำซากอะไรตอนที่พวกนั้นกำลังเอิ่ม..นั่นล่ะ จนโดนด่าว่าหน้าด้านเนี่ย “บ้าจริงเรา”
นี่สินะการพบกันครั้งแรกของรูมเมทผม ช่างสวยงามจริง
ไอ้ฟรอยอยากจะบ้าตาย!!