คน(ไม่)ธรรมดา (Giftedness)
17
ตอน
15.7K
เข้าชม
121
ถูกใจ
14
ความคิดเห็น
70
เพิ่มลงคลัง

*คำเตือน*

1.เนื้อหาที่จะกล่าวต่อไปนี้เป็นส่วนหนึ่งของนิยายและความคิดเห็นส่วนตัวของคนเขียนเท่านั้น ไม่ได้พาดพิงถึงสังคมในปัจจุบันหรือบุคคลใด เป็นแค่สังคมในนิยายเท่านั้น จัดทำขึ้นเพื่อความบันเทิง จรรโลงใจแก่คนอ่าน ถ้าผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย

2.เรื่องราวต่อไปนี้เป็นเพียงเรื่องสมมติ ไม่ได้เกิดขึ้นจริงแต่อย่างใด

3.ขอบคุณเว็บที่ให้ข้อมูลในการเขียนบทนำนี้  http://oknation.nationtv.tv/blog/preedee/2008/08/18/entry-1

 

 

 

บทนำ

 

มนุษย์ที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้ต่างก็มีลักษณะที่แตกต่างกันไปตามชาติพันธุ์ สภาพแวดล้อม ความเป็นอยู่ และการอบรมสั่งสอนของผู้ให้กำเนิดที่จะส่งผลต่อพฤติกรรมและการใช้ชีวิตในวันข้างหน้า ฯลฯ  ถึงจะเหมือนๆกันทุกอย่างที่กล่าวมามนุษย์ก็ไม่เหมือนกันอยู่ดี จากสถานที่เดียวกัน ครอบครัวเดียวกัน แต่จะมีเพียงสิ่งเดียวที่แตกต่างกันคือ ความคิด ไม่ว่าจะลักษณะภายนอกหรือภายในก็ตามแต่ สิ่งเหล่านั้นล้วนบ่งบอกได้ว่า ‘เราเป็นคนยังไง’ แต่ก็ไม่เสมอไป

โลกปัจจุบันนี้แบ่งแยกคนยากกว่าในอดีตที่ผ่านมา ถึงในอดีตจะเคยมีแบบในปัจจุบัน แต่มันก็คนละยุคคนละสมัย ยิ่งมีความเจริญมากขึ้นแค่ไหน ความซับซ้อนของสิ่งรอบตัวหรือจิตใจคนก็ยิ่งซับซ้อนมากกว่าเดิมอย่างที่เคยเป็น มันไม่แปลกเลยที่เราจะแยกไม่ออกเลยว่าใครเป็นยังไง

ค่านิยมที่เห็นภายนอกของบุคคลใดบุคคลหนึ่งทำให้คนส่วนมากมองคนที่ภายนอก ตัดสินที่ภายนอกแทนการพินิจพิจารณา ไม่ได้มองเข้าไปในห้วงลึกของใจคนๆนั้น  เราควรจะตัดสินคนที่การกระทำไม่ใช่หรอ? แต่ก็อย่างว่าถึงจะเป็นการกระทำของคนๆนั้น เราก็ไม่สามารถบอกได้หรอกว่า ‘เขาเป็นยังไง’ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง เราไม่สามารถบอกได้ นอกจากเจ้าตัวจะเป็นคนบอกเอง ยิ่งเป็นคำพูดยิ่งไม่สามารถเชื่อได้ว่าเขาพูดความจริงหรือเปล่า?

นี่แหละความซับซ้อนของจิตใจมนุษย์ เพราะฉะนั้นเราควรจะไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนก่อนที่จะตัดสินใคร

อย่างที่บอกข้างต้น การกระทำไม่สามารถบอกความจริงได้เสมอไป เพราะใครบางคนเขาอาจจะทำดีเพื่อให้ตัวเองดีในสายตาคนอื่น ปกปิดตัวตนที่อยู่ภายในเอาไว้ ไม่ให้ออกมาสู่สายตาคนรอบข้าง

สังคมปัจจุบันที่มีคนสวมหน้ากากเข้าหากัน เขาอาจจะมีเหตุผลที่บอกใครไม่ได้ ซึ่งมันเป็นความลับของแต่ละคนและเขาก็มีสิทธิ์ที่จะไม่เอ่ยออกมา แต่หารู้ไม่ว่าบางครั้งการสวมหน้ากาก ผลลัพธ์ที่ได้อาจจะไม่น่ายินดีนัก มันไม่ดีเสมอไป มีทั้งดีทั้งร้ายปะปนกันไปตามการกระทำ แต่เราก็ไม่สามารถหลักเลี่ยงได้บางครั้งอาจจำเป็นที่จะต้องหยิบมันขึ้นมาใส่

เพราะความกลัวทำให้เราทำได้ถึงขนาดนี้ ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับมันซึ่งๆหน้า พยายามหลีกเลี่ยง หลีกหนีปัญหา พยายามปกปิดเอาไว้ดีกว่าจะได้ไม่วุ่นวายในภายหลัง มันเป็นการหนีปัญหาที่อาจจะได้ผลแค่น้อยนิด แต่ก็ไม่ได้ออกมาอย่างที่คิดเสมอไป เพราะฉะนั้นควรมีสติที่จะตัดสินใจทุกครั้ง ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม

ถ้าหากเราเลือกใช้มันโอกาสและจังหวะที่เหมาะสม สิ่งที่เราแสดงออกมาไม่ได้เดือดร้อนใคร มันก็ควรจะทำ แต่อย่าให้เกินขอบเขตที่ตั้งไว้ก็พอ

 

 

ผมก็อยากจะคนเหล่านั้นสักครั้งบ้างว่า‘ไม่อึดอัดหรือไง’ แต่คำตอบที่ได้กลับมานั้น คุณคงจะรู้กันอยู่แล้วล่ะว่าจะเป็นยังไง หรือบางทีผมอาจจะได้ทำแบบนั้นบ้างก็ได้ หากได้เข้าไปในสังคมใหญ่ๆ

เอาล่ะเข้าเรื่องเลยดีกว่า แต่ก่อนหน้านั้นผมขอแนะนำตัวก่อนนะ ผมชื่อ ปัณณธร อมรผดุงศิลป์ ชื่อเล่น เปอร์ (อ่านออกเสียงเหมือนเตอร์ ของคอมพิวเตอร์) เปอร์ตัวเดียวโดดๆ ไม่มีอะไรต่อท้ายหรืออยู่ข้างหน้าชื่อทั้งนั้น ชื่อแปลกย่อมมีฉายาตามมาจากเพื่อนๆในกลุ่ม โดยไม่ปรึกษาเจ้าของชื่อเลยสักนิด เปอรี่บ้าง เปปเปอร์บ้าง เปเปอร์บ้าง ซุปเปอร์บ้างล่ะ (ซุปเปอร์ ตาเป็นคนเรียก) ปัจจุบันหรือที่พูดบ่อยๆคงหนีไม่พ้นคำว่า ‘อีเปอร์’ เรียกแม่งกันทุกคนเลยนะในกลุ่มน่ะ

ส่วนหน้าตาผมหรอ? ใบหน้าทรงรูปไข่ แต่แก้มเยอะไปนิด ผิวเนียนขาวอมชมพู สันจมูกมีไม่มากแต่ก็ถือว่าโอเคอยู่พอควร ปลายจมูกรูปหยดน้ำแบบของผู้ชาย นัยน์ตาสีน้ำตาลปานกลาง ไม่อ่อนหรือเข้มจนเกินไป ขนตาเป็นแพงอนสวยจนผู้หญิงต้องอิจฉา ฟันเรียงกันไม่ค่อยสมบูรณ์ เพราะกำลังอยู่ในช่วงจัดฟัน ส่วนสูงไม่ได้มาตรฐานชายไทย ก็แค่ 170 ซม.ต้นๆเอง ไม่เตี้ยหรือสูง คิดเอาเองนะ 555

ผมเป็นคนเงียบๆ ถ้าใครไม่สนิทด้วย ก็จะไม่ปริปากพูดแม้แต่คำเดียวนอกจากจะมีงานร่วมกัน เวลาทำหน้านั่งนิ่งๆเงียบขรึม เพื่อนมันจะกลัวกันเป็นเอามาก แต่เวลาสนุกก็ร่าเริง ยิ้มบ่อย อย่างกับเป็นคนละคน ซึ่งตอนที่อยู่กับเพื่อนในกลุ่มผมมักจะเป็นคนร่าเริง พออยู่กับคนอื่นก็จะเป็นแบบแรก เหมือนไบโพล่าเลยเนอะ

สิ่งที่ทำให้ผมแตกต่างจากคนอื่นคงหนีไม่พ้นพลังพิเศษ ซึ่งพลังนี้มันเกิดมากับผมและติดตัวมาจนถึงทุกวันนี้ และการที่พิเศษ แตกต่าง หรือประหลาดกว่าคนอื่นนี่แหละ มันทำให้ผมต้องเก็บซ่อนพลังที่ว่านี้ให้พ้นจากสายตาคนรอบข้างหรือแม้แต่บุพการีเองก็ตาม บอกใครไม่ได้เด็ดขาด ผมไม่รู้ว่าถ้าเกิดเขารู้ขึ้นมาเขาจะคิดกับผมเช่นไร กลัวเป็นอย่างมาก

รู้แค่เพียงว่า ‘ถ้าเขาเกิดรู้ขึ้นมา เขาต้องมองว่าผมเป็นตัวประหลาด รังเกียจในสิ่งที่ผมเป็น คนรอบข้างจะค่อยๆ ถอยห่างจากไป’ ผมไม่อยากเสียคนเหล่านั้นไป

 

แต่ใครจะไปห้ามความคิดคนอื่นได้ล่ะ จริงมั้ย?

 

 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว