สวัดดีคับผม ริน คับ ตอนนี้กำลังรอพี่โอ๊ค เพื่อที่จะไปซื้อวัถุดิบทำขนมหวานในคืนนี้ ผมทำงานอยู่ที่ร้านของพี่โอ๊ค ที่เป็นบาร์เกย์ ผมเป็นเช็ฟขนมหนาวประจำบาร์คับ
“เอี๊ยด!” รถของพี่โอ๊คจอดตรงหน้าผม
“ไง! รินรอพี่นานมั้ย เดี๋ยวพี่หาที่จอดรถก่อนแล้วเราเดินไปด้วยกันน่ะ” พี่โอ๊คพูดจบก็ไปหาที่จอดรถ
“รินไปกันเถอะ” สิ้นเสียงพี่โอ๊ค เสียงที่ผมไม่เคยลืมก็ดังขึ้น………
“เอี๊ยดๆ!!!………โครม!!” เสียงรถเบรคอย่างดัง ทำเอารินทรุดลงไปนั่งกับพื่น มือปิดหูแน่น น้ำตาไหลพลาก ตัวสั่นไปหมด โอ๊คเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปกอดรินไว้
“รินไม่เป็นไรน่ะ แค่เสียเบรคน่ะ ไม่ต้องกลัวน่ะ ใจเย็นๆไว้” พี่โอ๊คพูดพร้อมกับลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน
“พี่ว่าเรากลับร้านกันเถอะน่ะ เดี๋ยวเรื่องของค่อยใช้เจ้า ทอม มันไปซื้อก็แล้วกัน” พี่โอ๊คพูดจบก็ค่อยๆอุ่มผมไปที่รถ ผมพูดอะไรไม่ออกได้แต่ตัวสั่นกลัว เหตุผลที่ผมมีอาการแบนี้เพราะเมื่อ 5 เดือนก่อน………….
“เอี๊ยดๆ!!!……………….โครมๆ!!!” เสียงรถเสียหลักพริดควัม อย่างแรง
“พะ….พี่ครับ” ผมเอามือที่เต็มไปด้วยเลือดจับตัวพี่ชายที่นอนหมดสติอยู่บนตัวผม ที่ตัวพี่เต็มไปด้วยเลือด ผมพยายามมองหา คุณพ่อกับคุณแม่ แต่สิ่งที่ผมได้เห็นคือท่านทั้งสอง นอนหมดสติอยู่นอกตัวรถ น้ำตาผมเริ่มไหลออกมาไม่หยุด
// พี่คับ ผมกลัวจังเลย เจ็บมากด้วย เมื่อไหร่จะมีใครมาช่วยเราออกไปจากซากรถนี่สักที //
ผมได้แต่คิดวกไปวนมาอยู่อย่างนั้น ตอนนี้ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่ชายที่นอนหมดสติอยู่บนตัวผมยังมีชีวิตอยู่หรือป่าว แต่ที่แน่ๆคุณพ่อกับคุณแม่คงเสียชีวิตไปแล้ว ผมได้แต่ร้องไห้ ทั้งเจ็บปวดทั้งหวาดกลัวทั้งทรมาน
“เปรี้ยงๆ ซ่าๆๆๆๆ” เสียงฟ้าร้องและฝนตกกระหน่ำลงมา
“คุณคับๆ” มีเสียงนึงดังขึ้นมีคนเรียกผม ผมค่อยๆลืมตาขึ้น
“นี่ๆ มีคนรอดชีวิตอยู่คนนึงมาช่วยกันหน่อยเร็ว” สิ้นเสียงนั้นผมก็หมดสติไป
3 วันผ่านไป ผมฟื่นขึ้นที่โรงพยาบาล ทั้งแขนซ้ายหัก ขาซ้ายหัก หัวแตก และผมก็ได้รับรู้ถึงข่าวร้ายที่สุดในชีวิต จากอุบัติเหตุครั้งนั้น มีผมเพียงคนเดี๋ยวที่รอดชีวิตมาได้ คุณหมอบอกว่าเป็นเพราะพี่ชายเอาตัวมาบังไว้ ผมเลยยังมีชีวิตอยู่
“ปัง!” เสียงประตูร้านเปิดออกอย่างดัง
“กลับมาแล้วหรอ โอ๊ค ริน” พี่อาร์ตพูดขึ้นเมื่อได้ยินเสียงประตูแต่ก็ต้องตกใจเมื่อหันมาเห็นผมที่ถูกอุ่มมาด้วยท่าเจ้าสาว พี่อาร์ตเห็นอย่างนั้นก็รีบหาผ้าชุดน้ำเย็น หาน้ำ มาให้ผม โอ๊คก็ว่าผมลงที่โซฟา
“เกิดอะไรขึ้นโอ๊ค ทำไมรินเป็นแบบนี้ นายขับรถไวอีกแล้วใช่มั้ย” พี่อาร์ต ต่อว่าพี่โอ๊คซะยกใหญ่
“ฉันยังไม่ได้ขับรถไวเลยน่ะ” พี่โอ๊คปฏิเสธ แต่พี่อาร์ตดูท่าจะไม่ยอมเชื่อ
“จริงๆครับ บังเอินมีรถเบรคเสียงดัง ผมเลยกลัวน่ะครับ” ผมพูดขึ้น เพราะไม่อยากให้ทั้ง 2 คนมาทะเลอะกัน
“จ๊ะๆ งั้นรินก็กินน้ำทำใจให้เย็นๆน่ะ ไม่ต้องกลัวน่ะ” พี่อาร์ตยื่นน้ำมาให้ผมพร้อมกลับเอาผ้าเย็นมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้ พี่อาร์ตเป็นแฟนของพี่โอ๊คทั้งคู่เป็นเกย์คับ ทั้งสองคนใจดีกับผมมาก ค่อยดูแลผมแทนญาติๆคนอื่นๆ ที่ต่างก็ปฏิเสธจะรับผมไปเลี้ยง ผมเองก็เข้าใจใครจะอยากรับเลี้ยงเด็กม.ปลาย ที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง แต่พี่อาร์ตกับพี่โอ๊ค ทั้งสองคนค่อยช่วยเรื่องค่าเทอมแรกกับการให้ผมมาเป็นเช็ฟขนมหวานที่บาร์เกย์ ที่พี่เค้าเป็นเจ้าของ ในบาร์แบ่งออกเป็น 2 โซน โซนขนมหวานบาร์น้ำชา โซนบาร์เหล้า เป็น 2 โซนที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ผมทำงานกับพี่เค้ามาได้ 2 เดือนแล้วหลังจากหายดี
ตอนนี้ผมทำขนมอยู่ในครัวของบาร์ครับ สรุปของที่จะไปซื้อก็ได้ทอมเด็กพาร์ททามไปซื้อมาให้จนครบ
การทำขนมทำให้ผมลือเรื่องเลวร้ายไปได้
“พี่ ริน คับ พนักงานบาร์ขนมหวาน ไม่มา พี่อาร์ตเลยให้มาตามพี่รินน่ะคับ” ทอมเดินเข้ามาบอกผม ผมยักหน้าและไปเปลี่ยนชุดเป็นพนักงานเสริฟ
“ริน มาพอดีเลย ช่วยเอาเค้กสตอเบอร์รี่ไปเสริฟให้ผู้ชายผมสีเทาคนนั้นหน่อยน่ะ ที่หล่อๆนั่งอ่านหนังสืออยู่นั่นน่ะ” พี่อาร์ตพูดพร้อมกับเอาถาดยัดใส่มือผม คนหล่อๆผมเทาที่นั่งอยู่ตรงมุมร้านนั้นน่ะหรอ สองสามวันนี้ผมเห็นเค้ามาที่บาร์เราทุกวัน
“ขอโทษครับ ที่ให้รอนาน เชิญรับประทานให้อร่อยน่ะครับ” เค้าเหมือนเจ้าชายเลย ผมไม่เคย
“เอ่อ ขอโทษน่ะครับช่วยถือ เค้กให้ผมหน่อย” เค้าพูดขึ้นมาขณะที่ผมกำลังจะเดินกลับ
“ได้ครับ แต่ทำไมหรอคับ”
“แชะ!!” เค้าถ่ายรูปผม โดยที่ผมไม่ทันได้ตั่งตัวเลย แล้วเค้าก็หยิบจานเค้กจากมือผมไป ทานอย่างสุภาพ
“รับประทานให้อร่อยน่ะครับ” ผมพูดจบก็เดินกลับมาที่บาร์ขนม ผมดีใจมากที่มีคนชอบขนมที่ผมทำถึงขนาดถ่ายรูปเก็บไว้ หรือจะถ่ายไปโพส์ facebook น่ะ แต่ก็ช่างเหอะ
และแล้วก็เลิกงานสักที วันนี้ผมทำแก้วตกแตกเลยได้แผลมาอีกแล้ว ทำเอาพี่อาร์ตตกใจแทบแย่
“กลับก่อนน่ะครับ พี่อาร์ต พี่โอ๊ค” ผมพูดพร้อมกับคราวกระเป๋า บาร์เราปิดประมาณ ตี 2 ผมมีเวลานอน 4 ชั่วโมงก่อนที่จะต้องลุกไปเรียนตอนเช้า
“รินแผลที่มือไม่ไปโรงพยาบาลจะดีหรอ”พี่อาร์ต เป็นห่วงรินจริงๆๆ เพราะเดือดออกมาเยอะมาก
“ไม่เป็นไรคับเข้าไม่ลึก เดี๋ยวก็หายแล้วแหละคับ” รินพูดแล้วก็ยิ้มให้อาร์ต
“นี่! รินทำไมไม่ยอมมาอยู่ที่บาร์กับพวกพี่สักทีล่ะ จะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวกลับแบบนี้” พี่โอ๊คพูดพร้อมกับทำหน้าตาเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร หรอกครับ ผมรบกวนพวกพี่มามากแล้ว เรื่องแค่นี้เองสบายมาก ไม่ต้องห่วงผมหรอ” ผมยิ้มให้พี่เค้า แล้วเดินจากมา
บ้านของผมก็โดนธนาคารยึดเนื่องจากขาดส่งไป 3 เดือน ที่ผมนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ตอนนี้ผมเลยมาอยู่อพาร์ทเม้น ใช้เวลาเดินทางไปบาร์ของพี่ๆเค้า ไม่เกิน 20 นาที ก็ถึง
ตอนนี้ผมมีเรื่องที่บอกกับพี่ๆเค้าไม่ได้อยู่เรื่องนึง เพราะว่าช่วงหลังๆมานี้เวลาที่ผมเดินกลับห้องหลังเลิกงานที่บาร์ รู้สึกเหมือนมีคนเดินตามผมอยู่เสมอ เป็นแบบนี้มาตลอดตั้งแต่ที่ผมเริ่มทำงานที่บาร์ แต่ก็ดีรู้สึกเหมือนมีคนเดินเป็นเพื่อนทุกวัน แต่วันนี้บรรยากาศมันต่างออกไป ความรู้สึกหนาวเย็น เสียวสันหลัง เหมือนกับถูกจ้องด้วยสัตว์ร้ายยังงัยอย่างงั้น ผมออกตัววิ่งไปเต็มแรง เห็นผมตัวเล็กๆบางๆแบบนี้แต่ผมก็เป็นนักกีฑราเชียวน่ะ
“เฮ๋ๆ วิ่งไวน่าดูเลยนี่หน่า แต่ก็น่ะอยู่คุยกันก่อนสิ” ผู้ชายคนนี้วิ่งมาดักหน้าผม เป็นไปได้งัย ทำเอาผมอึ้งมากเลย
“แหมๆ วันนี้ไม่มีคนเดินมาตามหลังเหมือนทุกทีแฮะ แต่ก็ดีแล้วล่ะ” ผู้ชายอีกคนเดินเข้ามากอดผมจากด้านหลัง
“จะๆ ทำอะไรน่ะ เราไม่เคยรู้จักกัน ปล่อยผมน่ะ” ผมพยายามดิ้นสุดแรง แต่ผู้ชายคนนี้แรงเยอะมาก
“กลิ่นนายนี่หอมดีชมัด” เค้าค่อยๆดมที่คอของผม อะไรเนี้ยผมไม่มีแรงจะขัดขืนเลยทำงัยดี
“อะจริงด้วย น่ากินชมัด” ผู้ชายอีกคนก็เดินเข้าหาผม ฟันของเค้ามีเคี๊ยวยาว หรือว่า…… ไม่ ไม่ใช่หรอกมันเป็นไปไม่ได้แวมไพร์จะมีจริงได้ยังงัย เค้าค่อยๆเลียที่แผลที่มือของผม
// ทำงัยดี! ใคร……ใครก็ได้ช่วยผมที ผมกลัว ช่วยด้วย!!! //
โปรดติดตามตอนต่อไปน่ะค่ะ ^ ^